แม้ “แบงก์ชาติ” จะขาดทุน แต่ไม่กระทบความมั่นคง

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานผลการดำเนินงานในปี 2560 ระบุว่า มีผลขาดทุนรวม 270,688 ล้านบาท

มีเงินสำรองระหว่างประเทศ (รวมฐานะการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า) กระจายอยู่ในสกุลเงินต่างๆ มูลค่ารวม 2.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ

ในขณะที่ขาดทุนสะสม ณ วันที่ 10 พฤษภาคม 2561 อยู่ที่ 879,419 ล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นการขาดทุนที่สูงขึ้นกว่าปี 2559 เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทำให้ ธปท. ต้องเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อลดความผันผวนของค่าเงินด้วยการซื้อเงินตราต่างประเทศและออกพันธบัตรดูดซับสภาพคล่อง ดูแลอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อเพื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

ทำให้มีต้นทุนดอกเบี้ยที่จะต้องจ่าย ในขณะที่รายรับจากการนำเงินสำรองระหว่างประเทศไปลงทุนได้ผลตอบแทนน้อยกว่า เพราะอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศต่ำเป็นเวลานาน

นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์องค์กร ธปท. แถลงว่า ผลการขาดทุนนี้ส่วนใหญ่มาจากการตีราคาค่าเงินสำรองระหว่างประเทศให้เป็นไปตามมาตรฐานบัญชีกำหนดให้ทุกสิ้นปีต้องตีราคาสินทรัพย์ในรูปของเงินบาท และเนื่องจากกว่าร้อยละ 85 ของสินทรัพย์ที่ ธปท. ถืออยู่ในรูปเงินตราต่างประเทศ

โดยผลจากการตีราคาเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานของ ธปท. ผันผวนขึ้นลงตามอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละช่วง ผลขาดทุนนี้ไม่ได้กระทบต่อความมั่นคงด้านต่างประเทศของเศรษฐกิจไทย

ทั้งหมดนี้เป็นผลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น