หนุ่มเมืองจันท์ : พลังแห่งความรัก

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ตอนที่อ่านประวัติชีวิตของ “มหาตมะ คานธี” มหาบุรุษของโลก

ภาพที่ผมอยากเห็นที่สุดคือ ภาพการเดินเท้าไปเมือง Dansi เมืองชายฝั่งของอินเดีย

“คานธี” ต้องการประท้วงอังกฤษที่ห้ามคนอินเดียเอาน้ำทะเลมาผลิตเกลือและขายเกลือ

เขาเดินเท้า 240 ไมล์ พร้อมกับผู้ร่วมอุดมการณ์ 78 คน

เดินวันละ 10 ไมล์

นาน 24 วัน

ภาพที่ผมอยากเห็นคือ ภาพวันสุดท้ายของการเดินเท้า

จาก 78 คน เดินตามเขาในวันแรก

วันสุดท้าย มีคนอินเดียเดินตาม “มหาตมะ คานธี” ยาวเหยียดหลายไมล์

ถ้าสมัยนั้นมี “โดรน” ถ่ายภาพ

ภาพจากมุมสูงที่เห็นผู้คนมากมายมหาศาลเดินตาม “มหาตมะ คานธี” คงเป็นภาพที่งดงามอย่างยิ่ง

สวยทั้งภาพ

สวยทั้งพลังของภาพ

พลังแห่ง “ความรัก” และ “ความศรัทธา” ต่อคนคนหนึ่ง

การที่ทุกคนลงแรงเดินทางไกล ยอมเหน็ดเหนื่อย

ก็เพราะเขารักและศรัทธา “มหาตมะ คานธี”

เสียดายที่ผมเกิดไม่ทันที่จะได้เห็นภาพนี้

แต่ใครจะไปนึกว่าวันหนึ่งผมจะเห็นภาพแห่ง “ความรัก” และ “ความศรัทธา” ของคนมากมายมหาศาลที่มีต่อคนคนหนึ่งที่มีพลานุภาพไม่แตกต่างกัน

ที่เมืองไทย

และใน พ.ศ. นี้

หลังจากที่คนไทยได้รับรู้ข่าวเศร้าที่สุดในชีวิตตอนค่ำของวันที่ 13 ตุลาคม

ถนนทุกสายก็มุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลศิริราช

ไม่มีการนัดหมาย

และผมเชื่อว่าหลายคนก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร

แต่รู้เพียงอย่างเดียวว่าจะต้องไปที่โรงพยาบาลศิริราช

เพราะ “พ่อ” อยู่ที่นี่

ทุกคนจะไปส่ง “พ่อ”

จากนั้นคลื่นมหาชนก็เริ่มไปจับจองพื้นที่ริมถนนตามเส้นทางที่จะเคลื่อนขบวนอัญเชิญพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สู่พระบรมมหาราชวัง

จองพื้นที่ตั้งแต่กลางคืน

ตอนเช้าคนยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ

หลายคนต้องลงจากรถและเดินเท้าหลายกิโลเมตร

ทั้งที่หมายกำหนดการจะเริ่มช่วงบ่ายๆ

และเมื่อขบวนอัญเชิญพระบรมศพเคลื่อน

ภาพความยิ่งใหญ่ที่คนไทยรักและศรัทธา “พ่อ” ของแผ่นดินก็ปรากฏขึ้น

ผมไม่รู้ว่าในยุคสมัยนี้จะยังมีมนุษย์คนใดในโลกที่มีคนรักและศรัทธามากมายขนาดนี้หรือไม่

แค่ดูจอโทรทัศน์ พลังแห่งภาพก็ทะลวงเข้ามาในใจ

ยิ่งเห็นภาพคนที่เดินทางไปที่พระบรมมหาราชวังเพื่อสักการะพระบรมศพ

คนที่ยืนตากแดดร้อนเปรี้ยง

คนที่ยอมยืนตากฝนที่กระหน่ำลงมา

ต่อแถวยาวนานหลายชั่วโมง

เพียงเพื่อได้สักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์เพียงไม่กี่นาที

แต่ไม่มีใครบ่น

มีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นมากมายที่ท้องสนามหลวงและรอบๆ กำแพงพระบรมมหาราชวัง

“น้ำใจ” ที่คนไทยมอบให้กันเป็นภาพที่งดงามยิ่ง

คิดว่าคนที่มาคงจะหิว

ก็มีอาหารมาแจก

คิดว่าคนจะกระหายน้ำ

ก็มีน้ำมาแจก

คิดว่าคนจะเป็นลม

ก็มียาดมมาแจก

กลัวจะไม่มี “เสื้อดำ” ก็เอาเสื้อมาแจก

เอาริบบิ้นมาให้

เด็กวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์มาบริการฟรี

ภาพแบบนี้ห่างหายจากเมืองไทยไปนาน

แต่เห็นได้ที่นี่

ถ้า “ในหลวง” มองลงมาจากฟากฟ้า

และเห็น “ความรัก” ที่คนไทยมีต่อท่าน

ผมเชื่อว่าท่านคงดีใจ

และภูมิใจว่าสิ่งที่ท่านทำมายาวนานไม่สูญเปล่า

ผมนึกทบทวนดูว่าทำไมคนคนหนึ่งจึงสามารถเรียกความรักและความศรัทธาจากคนจำนวนมหาศาลได้

รักแบบไม่มีเงื่อนไข

ศรัทธาและเชื่อมั่น

เขาไม่ได้มี “เวทมนตร์” หรือ “คาถาวิเศษ” อะไร

แต่ที่คนรักและศรัทธานั้นเกิดจาก “ผลงาน” ที่เขาทำ

ไม่ใช่ “ตำแหน่ง”

เพราะมนุษย์นั้นสัมผัสได้ว่าใครทำเพื่อตัวเอง

และใครทำเพื่อผู้อื่น

“ความรัก” นั้น เรามองไม่เห็น

แต่สัมผัสได้ว่าใครรักเรา

“อานันท์ ปันยารชุน” เคยให้คำจำกัดความคำว่า “ผู้นำ” ว่าเป็นคนที่เดินอยู่ข้างหน้า แล้วคนอยากเดินตาม

“มหาตมะ คานธี” กับ “ในหลวง” ของเรา จึงเป็น “ผู้นำ” ที่ยิ่งใหญ่

ก้าวเดินไปทางไหน

ก็อยากมีคนเดินตาม

ผมเคยอิจฉาคนอินเดียที่มี “มหาตมะ คานธี”

แต่วันนี้ผมเชื่อว่าคนอินเดียจำนวนมากอิจฉาคนไทย

ที่เรามี “พระเจ้าอยู่หัว”