ข่าวประวัติศาสตร์ เสด็จสวรรคต วิปโยคยิ่งใหญ่

ข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต ถือเป็นข่าวที่สั่นสะเทือนความรู้สึกของประชาชนมากที่สุด

เช้าวันที่ 14 ตุลาคม 2559 หนังสือพิมพ์ต่างๆ จัดทำหน้า 1 เป็นพิเศษ พร้อมกับพาดปกต่างๆ

มติชน ตีพิมพ์ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ และข้อความ “วิปโยคยิ่งใหญ่” ซึ่งนำมาจากข้อความในคำแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขณะที่ด้านในเล่มพาดหัวข่าวว่า ในหลวงสวรรคต

และอีกข่าวในหน้าเดียวกัน พระบรมฯ ขอทำพระทัยก่อน ร่วมรำลึกถึงพระราชบิดา

ข่าวสดพาดหัว ในหลวงสวรรคต ไทยทั้งโลกร่ำไห้

และ พระบรมรับสั่งขอทำพระทัยร่วมประชาชน ให้รอช่วงเวลาเหมาะสม

ไทยรัฐ ในหลวงสวรรคต นายกฯ เผยขั้นตอน พระบรมทรงขอเวลาทำใจ

เดลินิวส์ ในหลวงสวรรคต พสกนิกรไทยอาลัยทั้งแผ่นดิน นายกฯ เข้าเฝ้าสมเด็จพระบรม

เกิดปรากฏการณ์ประชาชนให้ความสนใจติดตามข่าวสารจากหน้าหนังสือพิมพ์ นอกเหนือจากโทรทัศน์ วิทยุ และข่าวออนไลน์

นอกจากเพื่อรับทราบข้อมูลข่าวสารอันเป็นความสูญเสียยิ่งใหญ่แล้ว

ยังเพื่อเก็บไว้ในฐานะที่เป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์หน้าสำคัญที่สุดหน้าหนึ่งในชั่วชีวิตของคนคนหนึ่งอีกด้วย

เนื้อหาของข่าวในหนังสือพิมพ์ฉบับ 14 ตุลาคม รายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต เมื่อเวลา 15.52 น. ของวันพฤหัสบดี ที่ 13 ตุลาคม 2559

เวลา 18.45 น. วันที่ 13 ตุลาคม สำนักพระราชวังออกประกาศว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต

ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พุทธศักราช 2557 ตามที่สำนักพระราชวังได้แถลงให้ทราบเป็นระยะแล้วนั้น

แม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนักลงตามลำดับ

ถึงวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองราชสมบัติได้ 70 ปี

หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่อยู่ในราชอาณาจักร และในต่างประเทศทั่วโลกทุกท่าน

วันที่ชาวไทยทั้งปวง ไม่ต้องการแม้แต่จะนึกคิด และไม่ปรารถนาแม้แต่จะได้ยิน ก็มาถึง เมื่อสำนักพระราชวัง ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคตแล้ว ในวันนี้ ณ โรงพยาบาลศิริราช

ถือว่าเป็นการสูญเสีย และความวิปโยคยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ นับแต่การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2489

อีกตอนหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ แถลงว่า ภารกิจสำคัญที่จะต้องดำเนินการ ในบัดนี้มี 2 ประการ คือ

การดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และตามกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พุทธศักราช 2467 ตลอดจนตามราชประเพณีในส่วนของการสืบราชสันตติวงศ์ซึ่งสอดคล้องต้องกัน เพื่อให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง

โดยรัฐบาลจะแจ้งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สถาปนาพระรัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลไว้แล้ว เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2515 จากนั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

อีกประการหนึ่ง คือการเตรียมงานพระบรมศพในส่วนของรัฐบาล และประชาชนให้สมพระเกียรติยศ และสมกับความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทย ที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ทั้งนี้ การดำเนินการทั้ง 2 ประการนี้ รัฐบาลจะแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบเป็นระยะต่อไป

จากนั้นเวลาสามทุ่มเศษ สนช. ประชุมนัดพิเศษ สงบนิ่งถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นเวลา 9 นาที แต่ยังไม่มีวาระรับทราบการอัญเชิญพระรัชทายาทขึ้นครองราชย์ ซึ่งคณะรัฐมนตรี

พล.อ.ประยุทธ์ ได้แจ้งต่อมาว่า ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมฯ ในวันเดียวกันนี้ ทรงมีรับสั่งว่า ขอทำพระทัยร่วมกับพสกนิกรก่อน จนถึงเวลาอันเหมาะสม จึงค่อยดำเนินการเรื่องการอัญเชิญขึ้นครองราชย์

ในขั้นตอนนี้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี รับหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อน

และต่อมาเวลา 23.30 น. วันที่ 15 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ค่ำวันนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อน พร้อมด้วยนายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท ถวายรายงานข้อราชการ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

พล.อ.ประยุทธ์ แถลงว่า สมเด็จพระบรมฯ ทรงห่วงใยประชาชนที่กำลังทุกข์โศก บ้างก็เดือดร้อนจากน้ำท่วม และมีพระราชปรารภสำคัญว่า ขออย่าให้ประชาชนเกิดความสับสน หรือกังวลใจใดๆ เกี่ยวกับราชการแผ่นดิน

หรือแม้แต่การสืบราชสันตติวงศ์ เพราะเรื่องนี้มีรัฐธรรมนูญ กฎมณเฑียรบาลและจารีตประเพณีกำหนดไว้แล้ว แต่การจะดำเนินการเมื่อใด อย่างไรนั้น มีพระราชบัณฑูรว่าช่วงเวลานี้ทุกคนทุกฝ่าย แม้แต่พระองค์ท่านเอง อยู่ระหว่างความเศร้าโศก โทมนัสอาลัย จึงควรให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำให้รู้สึกว่าเราผ่านพ้น หรือบรรเทาความวิปโยคอาดูรนี้ไปได้บ้างก่อนเถิด

อย่าให้ความรู้สึกว่ามีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ทุกคนควรใช้เวลานี้ รักษาความทรงจำอันงดงามของเหตุการณ์ 70 ปีที่ผ่านมา

เมื่อการบำเพ็ญพระราชกุศล และพระราชพิธีพระบรมศพผ่านพ้นไปแล้วระยะหนึ่ง ก็น่าจะถึงเวลาสมควรดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้ ก็ไม่น่าจะกระทบต่อแผนงาน หรือขั้นตอนใดๆ

นายกฯ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลได้ปรึกษาประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว ขอรับสนองพระราชบัณฑูรใส่เกล้าใส่กระหม่อม จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทั้งหลายทราบโดยทั่วกัน จะได้คลายความกังวลใจ และใช้เวลาในช่วงนี้ถวายสักการะ แสดงความอาลัยให้สมกับที่ท่านรู้สึก

นั่นคือสาระจากห้วงเวลาแห่งการสูญเสีย ซึ่งหนังสือพิมพ์ ตลอดจนสื่อต่างๆ ได้ทำหน้าที่บันทึกไว้อย่างครบถ้วน นอกเหนือจากรายละเอียดอื่นๆ