นงนุช สิงหเดชะ : ‘นคร มาฉิม’ พูดในนามคนรัก ปชต. หรือโฆษก ‘ทักษิณ’??

บทความพิเศษ  /นงนุช สิงหเดชะ

‘นคร มาฉิม’

พูดในนามคนรัก ปชต. หรือโฆษก ‘ทักษิณ’??

 

ไม่น่าแปลกใจที่ซีกของพรรคเพื่อไทยและคนรักทักษิณจะออกมาชื่นชมนายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กขอโทษคุณทักษิณ พร้อมกับเผาบ้านเก่าตัวเอง โดยแฉว่าประชาธิปัตย์สมคบคิดกับหลายฝ่ายโค่นล้มคุณทักษิณและยิ่งลักษณ์
ไม่น่าประหลาดใจอีกเช่นกันที่ฝ่ายสนับสนุนคุณทักษิณจะรีบฉวยโอกาสหยิบประเด็นของนายนครมาขยายผลและตอกย้ำทำนองว่าคุณทักษิณถูกรัฐประหารเพราะทำงานเก่งเกินไป ได้รับความนิยมมากเกินไป ไม่ใช่เพราะทุจริต
การเคลื่อนไหวของนายนครเกิดขึ้นในห้วงใกล้เลือกตั้ง และยังเกิดขึ้นหลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้ออกมาโวยวายอย่างหนักว่าถูกซีกของ คสช. ดูดอดีต ส.ส. ของเพื่อไทยในภาคอีสานและเหนือผ่านกลุ่ม สามมิตร จนทำให้พรรคเพื่อไทยเริ่มหวั่นไหวว่าเลือกตั้งครั้งหน้าอาจถูกชิงคะแนนในพื้นที่ที่เป็นฐานเสียงเดิม
นายนครออกมาโพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าวเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดปีที่ 69 ของคุณทักษิณ โดยนอกจากอวยพรวันเกิดแล้ว นายนครก็ใช้โอกาสนี้ขอโทษที่เคยร่วมวางแผนโค่นล้มคุณทักษิณและน้องสาว พร้อมกับร่ายยาวสรรเสริญเยินยอคุณทักษิณว่า ตอนเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น บริหารเก่ง ทำให้เศรษฐกิจรุ่งเรือง
นายนครการกล่าวอ้างว่าพรรคประชาธิปัตย์ทนไม่ได้ที่พรรคคุณทักษิณได้รับความนิยม จึงสมคบคิดกับนายทุน กลุ่มศักดินาอำมาตย์ ข้าราชการ อำนาจปืน ตุลาการระดับสูงบางคน เพื่อโค่นล้ม
อันที่จริงสิ่งที่นายนครกล่าวอ้างเรื่องการสมคบคิดโค่นล้มคุณทักษิณนี้ แทบจะเหมือนกันเป๊ะกับสิ่งที่ฝ่ายสนับสนุนคุณทักษิณกล่าวมาก่อนหน้านี้นับครั้งไม่ถ้วนยิ่งกว่าแผ่นเสียงตกร่อง
นั่นคือคุณทักษิณถูกโค่นล้มเพราะเก่งเกินไป ไม่ได้ถูกโค่นเพราะทุจริตต่อหน้าที่

หากอ่านเรื่องนี้โดยไม่ดูว่าใครเป็นคนเขียน ก็ต้องคิดว่าน่าจะเขียนโดยโฆษกส่วนตัวของคุณทักษิณ หรือไม่ก็อดีตสมาชิกคนใดคนหนึ่งที่เคยอยู่ในพรรคของคุณทักษิณมาก่อน
คำพูดของนายนครอาจได้รับเสียงชื่นชมจากฝ่ายตรงข้ามประชาธิปัตย์และ คสช. แต่สำหรับคนทั่วไปที่รู้จักคิดอย่างมีเหตุผล จะรู้สึกแปลกๆ ไม่คล้อยตามมากนักเพราะมีกลิ่นอายของพฤติกรรม “นักเลือกตั้ง” เจือปนอยู่อย่างเข้มข้น เนื่องจาก
1. ออกมาพูดในห้วงใกล้เลือกตั้ง ดังนั้น ไม่วายจะถูกมองว่าพยายามทำแต้มช่วยพรรคเพื่อไทย
2. อวยคุณทักษิณจนเกินงาม อย่างขาดเหตุผล
3. เจ้าตัวยอมรับว่ากำลังพิจารณาจะไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย
ด้วยเหตุผลทั้ง 3 ข้อดังกล่าว ทำให้ “ความน่าเชื่อถือ” ของนายนครลดน้อยลง
และไม่ได้ทำให้ดูมีเกียรติศักดิ์ศรีขึ้นมาเพราะอ้างความรักในประชาธิปไตยแต่อย่างใด

สถานะของนายนครนั้น เดิมเป็น ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ต่อมาปี 2556 ย้ายไปอยู่กับพรรคชาติพัฒนา และลาออกเมื่อเดือนเมษายน 2559 จากนั้นก็ทำกิจกรรมร่วมกับพรรคเพื่อไทยอย่างไม่เป็นทางการ เท่ากับว่าเป็นสมาชิกโดยพฤตินัย
ตรรกะที่นายนครนำมากล่าวอ้างเพื่อสรรเสริญคุณทักษิณเรื่องประชาธิปไตยนั้นก็ดูประหลาด เพราะเชื่อว่าตลอดเวลาที่อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์และเป็นฝ่ายค้านนั้น นายนครก็ย่อมรู้ดีว่าเมื่อชนะเลือกตั้งแล้ว คุณทักษิณถูกโจมตีมากเรื่องการไม่สนใจครรลองประชาธิปไตย เช่น เป็นนายกฯ อยู่ 6 ปี แต่มาตอบกระทู้สภาเพียงครั้งเดียว
การถูกวิจารณ์ว่าไม่เคารพสิทธิมนุษยชน เช่น ปัญหาฆ่าตัดตอนในสงครามยาเสพติด การขึ้นชื่อกระฉ่อนเรื่องการแทรกแซงและแทรกซื้อสื่อเพื่อปิดกั้นความเห็นของประชาชน
ดังจะเห็นได้ว่า แม้แต่ภาพยนตร์เรื่อง “ยอดชายนายโอ๊กอ๊าก” สร้างโดยเด๋อ ดอกสะเดา เมื่อปี 2547 ก็ถูกแทรกแซงกดดัน เพราะถูกมองว่าล้อเลียนพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค จนทำให้คุณทักษิณไม่พอใจ มีตำรวจสันติบาลบุกกองถ่ายและขอตรวจสอบภาพยนตร์
กระทั่งในที่สุดต้องเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “โว้กว้าก” พร้อมกับตัดบางฉากออก
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน การใช้อำนาจหน้าที่ไม่สุจริต เอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง กระทั่งรัฐบาลคุณทักษิณได้รับฉายาว่าเป็นรัฐบาลที่ “คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย” ซึ่งนายนคร ที่ขณะนั้นอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ก็น่าจะมีส่วนในการวิจารณ์และตรวจสอบปัญหานี้ของรัฐบาลทักษิณ
ดังที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กย้อนศรนายนครเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ดร.สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล

เฟซบุ๊กของนายนิพิฏฐ์ระบุไว้ตอนหนึ่งว่า “ก่อนจะย้ายพรรค น้องนครก็กล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยเป็นเผด็จการบ่อยครั้ง แต่พอย้ายพรรคน้องก็กลับชื่นชมว่าเป็นประชาธิปไตยไปซะงั้น อันบุคคลที่เคยเป็นอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยวิจารณ์คุณทักษิณแบบสาดเสียเทเสียมากที่สุดน่าจะมี 2 คน
คนแรกคือ ดร.สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล คนนี้วิจารณ์คุณทักษิณจนถูกฟ้องหมิ่นประมาท พี่เป็นทนายความสู้คดีให้ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ปีกว่าจนชนะคดี เมื่อชนะคดีแล้ว ดร.สุรพงษ์ ก็ย้ายจากประชาธิปัตย์ไปอยู่เพื่อไทย ได้ดิบได้ดีจนเป็นรัฐมนตรี, รองนายกรัฐมนตรี และตำแหน่งสุดท้ายเป็นจำเลย ติดคุกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อยู่ระหว่างอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา)
น้องนครก็ใช่ย่อย เดินตามทางที่ ดร.สุรพงษ์เคยทำไว้ทุกกระเบียดนิ้ว”

วิญญูชนไม่มีใครคัดค้านนายนครเรื่องการอยากให้ประเทศมีประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ แต่เรื่องที่รับไม่ได้คือการที่นายนครเพิกเฉยต่อหลักฐานอย่างเป็นรูปธรรมเรื่องการใช้อำนาจมิชอบของคุณทักษิณซึ่งผิดรัฐธรรมนูญ ทั้งที่สิ่งที่คุณทักษิณถูกกล่าวหาและดำเนินคดีนั้นเป็นสิ่งที่คุณทักษิณทำขึ้นเอง ไม่ได้มีใครสร้างหลักฐานใหม่ขึ้นมา
ดังนั้น ต้นตอที่ทำให้คุณทักษิณถูกโค่นล้ม (ถูกดำเนินคดี) ก็คือคุณทักษิณเอง ส่วนจะมีขบวนการอะไร หรือใครจะสมคบคิดกับใครก็แล้วแต่ เป็นเรื่องปลายเหตุหรือมาทีหลัง
น่าเสียดายที่คนระดับนักกฎหมายอย่างนายนครใช้ตรรกะผิดเพี้ยน กล่าวคือ นำเรื่องที่คุณทักษิณมาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย มาสร้างความชอบธรรมรองรับการกระทำที่ผิดรัฐธรรมนูญของคุณทักษิณ
พูดให้ชัดคือ นายนครอาจคิดว่า ในเมื่อคุณทักษิณมาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น อะไรก็ตามที่คุณทักษิณทำขณะเป็นนายกรัฐมนตรีถือว่าไม่มีความผิด
ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ คำพูดของนายนครจะชักนำประชาชนไปในทางที่ผิดและทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรม (หนึ่งในกระบวนการยุติธรรมคือศาล) และองค์กรอิสระ
การกระทำของนายนครหมิ่นเหม่จะทำลายกระบวนการยุติธรรมและกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลของประเทศ เพียงเพื่อจะช่วยคุณทักษิณ เพราะหลงไปคิดว่าคุณทักษิณคือตัวแทนประชาธิปไตยของแท้