วงค์ ตาวัน : คำสอน ปรองดองรักใคร่เผื่อแผ่

วงค์ ตาวัน

ประวัติศาสตร์ต้องจารึกเอาไว้ว่า ประเทศไทยเราได้เข้าสู่ห้วงแห่งการหลอมหลวมดวงใจเป็นหนึ่งเดียวครั้งยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ไหน ต่างหลั่งไหลสู่พระบรมมหาราชวัง เพื่อร่วมสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ อย่างไม่ขาดสายในทุกๆ วัน แม้จะต้องอยู่กลางแสงแดดหรือกลางสายฝน ไม่มีใครย่อท้อ

ภาพอันเป็นประวัติศาสตร์นี้จะจารึกอยู่ในใจทุกคนไปตลอดกาล

ไม่เพียงแค่เป็นที่รับรู้ของคนไทยทั้งแผ่นดินเท่านั้น

“แต่ทั่วทั้งโลกเองก็ได้ประจักษ์แจ้ง ถึงความรักอาลัยอย่างมากมายมหาศาลนี้”

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าวภาพถึงบรรยากาศความโศกสลดของคนไทยไปทั่วโลก รวมทั้งอธิบายให้คนทุกชาติเข้าใจได้ว่า ทำไมพระบารมีของพระองค์จีงแผ่กว้างอย่างยิ่ง

ขณะที่รัฐบาลในหลายๆ ประเทศ รวมทั้งที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติ ทั้งสำนักงานใหญ่และสำนักงานทั่วโลก ได้ร่วมจัดแสดงความไว้อาลัยอย่างยิ่งต่อพระประมุขของไทยเช่นกัน

ในการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษที่คนไทยติดตามดูการถ่ายทอดสดกันมากนั้น ได้สร้างความซาบซึ้งแก่จิตใจคนไทยอย่างยิ่ง

เมื่อบรรดานักเตะสโมสรฟุตบอลชั้นนำหลายสโมสร ติดปลอกแขนสีดำลงแข่งขัน หลังรับทราบข่าวสวรรคต

ในเกมแดงเดือดนัดมันเดย์ไนต์ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งลิเวอร์พูลเปิดสนามแอนฟิลด์ รับทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

“ระหว่างเกม ได้ขึ้นข้อความในป้ายตัววิ่งริมสนาม น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้”

รวมทั้งเผยแพร่คลิปที่หัวหน้าทีมลิเวอร์พูล พนมมือไหวพร้อมกล่าวถ้อยคำถวายอาลัยว่า

ในนามของทุกคนที่สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ทั้งนักเตะและทีมงานทั้งหมด เราขอถวายความเคารพต่อพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย และส่งความคิดถึงมายังแฟนลิเวอร์พูลชาวไทยที่อยู่ในช่วงเวลาเศร้าโศกเช่นนี้”

เช่นเดียวกับในเกมการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งเลสเตอร์ ซิตี้ ที่มีคนไทยเป็นเจ้าของ เปิดสนามเป็นเจ้าบ้าน ได้แสดงความอาลัยด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ด้วยการฉายพระบรมฉายาลักษณ์บนจอใหญ่ในสนามเป็นเวลา 1 นาที

เหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่า ทั่วทั้งโลกรู้ดีว่า คนไทยรักและอาลัยในหลวงมากมายเช่นไร!

พร้อมๆ กับบรรยากาศที่คนไทยโศกเศร้าอาลัยต่อพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศนั้น ได้เกิดบรรยากาศอีกประการที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาพูดเตือนสติคนไทยด้วยกัน

“เรื่องการสวมเสื้อดำที่มีปัญหา ผมบอกไปว่าต้องเห็นใจผู้ที่มีรายได้น้อย อาจไม่มีเงินซื้อ เพราะตอนนี้ราคาแพงตัวละหลายร้อย รัฐบาลก็พยายามทำทุกอย่าง แนะนำแม้กระทั่งสอนการย้อมผ้า ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมที่จะเปิดขายราคาถูกที่สุดเพื่อให้เข้าถึง

ระหว่างนี้อาจมีปัญหาอยู่บ้างก็ใช้ริบบิ้นสีดำไปก่อนได้ แต่ขอให้ลดโทนสีเสื้อผ้าที่สวมใส่ลง

“ขออย่าไปติติง คนที่ไม่ใส่เสื้อดำว่าไม่รักพระเจ้าอยู่หัว เดี๋ยวก็ตีกันอีก พอได้แล้ว วันนี้ไม่มีสักสี วันนี้เป็นสีแห่งความจงรักภักดี”

เชื่อว่าทุกคนอยากมาด้วยใจ เขาพร้อมแค่ไหนก็ให้เขามา ถ้าเขายังไม่พร้อมตรงไหน เราก็ไปช่วยเขาไม่ดีกว่าหรือ บางครั้งข้าราชการ พนักงานต่างๆ แอร์โฮสเตส เขาก็ต้องทำงาน เครื่องแบบอาจมีสีสันก็ติดริบบิ้นได้ แต่ถ้านอกเวลาเขาก็ใส่ชุดดำอยู่แล้ว ทุกคนรู้หน้าที่

“ไม่ใช่ไปคอยไล่ล่าใครใส่ไม่ใส่ เดี๋ยวมีปัญหาอีก”

เช่นเดียวกับ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่โซเชียลมีเดียเผยแพร่ภาพการทำร้ายร่างกายผู้ที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อสถาบันว่า

“เวลานี้คนไทยทุกคนอยู่ในช่วงของการโศกเศร้าและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แต่มีบางคนที่ทำร้ายหัวใจคนไทยจึงทำให้เกิดความไม่พอใจ ภาพของพฤติกรรมที่ทำร้ายหัวใจของคนไทยถือว่าไม่เหมาะสมแล้ว แต่คนโดยรอบที่เห็นสิ่งต่างๆ แล้วรุมทำร้าย ยิ่งเป็นภาพที่ไม่งดงามยิ่งกว่าดูแล้วเศร้าใจ”

“ขอเตือนประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อสถาบัน ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร หรือฝ่ายความมั่นคงให้ดำเนินการตามกฎหมาย จะดูเป็นประเทศที่มีอารยะ และนายกฯ ไม่ต้องการให้มีภาพการทำร้ายกันของคนไทย เป็นสิ่งที่ทำให้ต่างชาติมองเราในแง่ที่ไม่ดี”

ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ในฐานะผู้รักษกฎหมาย ได้ออกมาเเน้นย้ำด้วยว่า

ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการและผู้บังคับการตำรวจทุกจังหวัดเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อจะห้ามปรามประชาชนที่รักและเคารพในพระเจ้าอยู่หัวไม่ให้ไปทำร้ายผู้อื่นที่เห็นต่าง

เชื่อว่าเวลานี้ทุกคนต่างก็มีความรู้สึกแบบเดียวกัน ถ้ามีใครมาพูดหรือแสดงออกในลักษณะที่หมิ่นซึ่งหน้า ก็จะทำให้ไม่พอใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่ต้องขอความร่วมมืออย่าทะเลาะหรือใช้ความรุนซึ่งกันและกัน ถ้าพบเห็นก็ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปชี้แจงด้วยเหตุผล แต่ถ้าพูดไม่ฟังก็ต้องมีการบังคับใช้กฎหมาย”

“นี่คือบรรยากาศอีกด้าน ที่ทั้งผู้นำรัฐบาลและผู้นำตำรวจ ต้องออกมาขอร้องอย่าใช้อารมณ์และความรุนแรงต่อกัน”

เพื่อไม่ให้เสียหายต่อภาพรวม

อันเป็นช่วงประวัติศาสตร์สำคัญแห่งความรักอาลัยต่อพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ

ไม่เพียงโศกเศร้าอาลัยอย่างเดียวเท่านั้น แต่มีเสียงเรียกร้องมากมาย ให้คนไทยน้อมศึกษาในคำสอนของพ่อผู้ยิ่งใหญ่อย่างเข้าถึงแก่น แล้วก้าวตามรอยพระราชดำรัสอันมากด้วยคุณค่านั้น จะเป็นการแสดงความรักต่อพระองค์อย่างมั่นคงและยั่งยืนที่สุด

ดังคำกล่าวของ ศาสตราจารย์นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ที่ว่า

ขณะนี้ทั่วประเทศกำลังอยู่ในภาวะเศร้าเสียใจจากการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งความเศร้าเสียใจถือเป็นเรื่องปกติ เพราะพระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง

“อย่างไรก็ตาม เมื่อเศร้าเสียใจมาสักระยะหนึ่งแล้ว ขอให้มีสติ กลับมาทบทวนพระบรมราโชวาทของพระองค์ และหากดำรงตนให้สอดคล้องกับพระบรมราโชวาทอย่างดีที่สุดเพื่อตอบแทนพระองค์ ซึ่งหากคนไทยช่วยกันทำแบบนี้แล้ว ประเทศก็จะเจริญก้าวหน้าขึ้น”

หากพระองค์ทรงทราบก็จะดีพระทัยอย่างมาก เรียกได้ว่าแปรเปลี่ยนความเศร้าเสียใจเป็นพลังสามัคคี”

“เป็นข้อแนะนำที่สอดรับกับบรรยากาศวันนี้อย่างยิ่ง โดยเน้นให้ทุกคนที่รักในหลวง ต้องก้าวเดินไปข้างหน้าโดยยึดคำสอนที่ดีงามและมากประโยชน์นั้นให้ได้”

พร้อมๆ กันระยะนี้ ได้มีการนำเอาพระบรมราโชวาท พระราชดำรัส ในวาระต่างๆ ออกมาเผยแพร่เพื่อประโยชน์ต่อปวงชนชาวไทยทั้งมวล

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระราชดำรัสที่เสนอให้พวกเรา มีความรักและความสามัคคีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันและกัน ดูจะมีการนำออกมาเผยแพร่มากที่สุด

“ดังเช่น พระราชดำรัสที่พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทยเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2532″

…ความสามัคคีปรองดองเป็นอันหนึ่งอันเดียว กับความรักใคร่เผื่อแผ่ช่วยเหลือกันฉันญาติพี่น้อง สองประการนี้ คือ คุณลักษณะสำคัญของไทย ที่ช่วยให้ชาติบ้านเมืองอยู่รอดเป็นอิสระ และเจริญมั่นคงมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน…”

ทั่วทุกคนควรน้อมรับและนำไปปฏิบัติให้เป็นจริง