แมลงวันในไร่ส้ม

 

ข่าวลับที่ ‘ไม่ลับ’

ไทยขอ ‘ผู้ดี’ ส่งตัว ‘ผู้ร้าย’

ครบปี ‘ยิ่งลักษณ์’ หนี

 

หลังจากเดินทางออกจากประเทศไทยเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 5 ปี ในคดีจำนำข้าว ก็ไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นข่าวมากนัก
การหลบหนีดังกล่าว จะครบรอบ 1 ปีในเดือนนี้
มีข่าวเป็นระยะๆ ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้สิทธิลี้ภัย เดือนพฤษภาคม 2561 บีบีซีไทยระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ใช้หนังสือเดินทางของประเทศหนึ่งในทวีปยุโรป พร้อมวีซ่าเข้าพำนักในอังกฤษเป็นระยะเวลา 10 ปี วีซ่านี้ทำให้เข้า-ออกอังกฤษได้ตลอด อยู่ได้ครั้งละไม่เกิน 6 เดือน
ในครั้งนั้น น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเผยว่า ทางกระทรวงได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด ในเรื่องการติดตามตัวอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์มารับโทษ ก่อนหน้านี้ก็ได้มีการยกเลิกหนังสือเดินทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปหมดแล้ว
ขณะที่คนใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่าการยื่นขอวีซ่า 10 ปีดังกล่าว ได้ผ่านการอนุมัติจากประเทศอังกฤษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ยังไม่มีการยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ถือหนังสือเดินทางของประเทศอะไร

วันที่ 29 มีนาคม 2561 สื่อญี่ปุ่นรายงานข่าวว่า นายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สองอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเดินทางมาที่กรุงโตเกียว เพื่อร่วมงานเปิดตัวหนังสือของนายอิชิอิ ฮาจิเมะ อดีตรัฐมนตรีกิจการภายในญี่ปุ่น ที่โรงแรมเเห่งหนึ่งในแขวงชิโยดะ
นายทักษิณได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ขอให้ได้กลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้กลับไปพูดได้อย่างเสรี และมีการรับประกันด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อประเทศไทย โดยเฉพาะกับเศรษฐกิจสมัยใหม่ ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อสร้างความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น ทั้งนี้ นายทักษิณไม่รู้สึกกังวลกับการเลือกตั้งในไทยที่จะเกิดขึ้นในปี 2562 โดยเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะเอาชนะการเลือกตั้งได้
“ผมไม่เกี่ยวข้องกับพรรคแล้ว พวกเขาไม่ต้องการผม แต่ผมเชื่อว่ายังมีคนเก่งอีกมากในพรรคเพื่อไทย พวกเขาจะนำพรรคชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย หรือแลนด์สไลด์ได้” นายทักษิณกล่าวเมื่อผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นถามว่า มีกลยุทธ์อะไรในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น
ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ โดยตอบเพียงว่า เดินทางไปเรื่อยๆ หลายประเทศ และไม่ตอบคำถามที่ว่า ตอนนี้ได้ยื่นขอลี้ภัยในประเทศใด

หลังจากนั้นก็มีข่าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ปรากฏตัวในประเทศต่างๆ มากขึ้น รวมถึงเดินทางไปสหรัฐกับพี่ชายเมื่อ 30 พฤษภาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้เดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้เดินทางไปยังอนุสรณ์สถานลินคอล์น และเข้าไปชมอนุสาวรีย์ลินคอล์น ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. อีกด้วย
วันที่ 21 มิถุนายน นายทักษิณโพสต์ข้อความในอินสตาแกรมอวยพร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว อดีตนายกรัฐมนตรี ในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบปีที่ 51 โดยปีนี้เป็นปีแรกที่ได้จัดงานวันเกิดที่ต่างประเทศ และมีภาพสองพี่น้องอดีตนายกฯ ในอินสตาแกรมด้วย
วันที่ 26 กรกฎาคม วันเกิดครบรอบ 69 ปีของนายทักษิณ มีนักการเมืองและมิตรสหายเดินทางไปร่วมงานวันเกิดอดีตนายกฯ ทักษิณ
นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ทวิตเตอร์คลิปบรรยากาศงานเลี้ยงวันเกิด ซึ่งตอนหนึ่งนายทักษิณกล่าวกับผู้มาร่วมงาน ก่อนจะลงท้ายว่า
“ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการเมืองไทย เพราะเรามีการรัฐประหารนำโดยทหารที่ไม่เป็นสุภาพบุรุษ สิ่งที่พวกเขาทำทำให้พวกเขาได้รับความนิยม แต่ผมแค่หัวเราะจากด้านหลัง สิ่งที่พวกเขาทำต่อไปเรื่อยๆ มีแต่จะพ่ายแพ้ไป เพราะพวกเขาไม่เข้าใจหัวใจของผู้คน พวกเขาไม่เคยเข้าไปนั่งในหัวใจผู้คน เราสิ นั่งอยู่ในหัวใจของผู้คน เรารู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร มองหาอะไร หวังอะไร”
“ตอนนี้ ทั้งชนชั้นกลางและชั้นล่างเริ่มไม่แน่ใจในอนาคตของพวกเขา เพราะค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่รายได้ในอนาคตกลับอยู่ตรงนั้น พวกเขามองหาวิธีการทางพรรคการเมือง ผมเชื่อว่าวิธีการของพรรคเพื่อไทย (พท.) คือทางออกของประเทศไทยทั้งประเทศ ผมหวังว่าจะเป็นแสงสว่างของการเลือกตั้งครั้งหน้า และเราอาจจะชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ไม่ใช่ Landslide แต่จะเป็นสิ่งที่เรียกว่า Avalanche คือหิมะถล่ม ซึ่งแรงกว่า”

และต่อมาวันที่ 31 กรกฎาคม บีบีซีไทย รายงานว่าสถานเอกอัครราชทูตไทยในสหราชอาณาจักร ได้ส่งจดหมายลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ไปที่กระทรวงต่างประเทศของสหราชอาณาจักร (Foreign and Commonwealth Office) ให้ส่งตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาประเทศไทย
จดหมายอ้างถึงสนธิสัญญาระหว่างสหราชอาณาจักรและสยาม ปี 1911 ที่ว่าด้วยการส่งตัวอาชญากรผู้หลบหนีคดีกลับประเทศ อ้างสิทธิร้องขอให้ส่งตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย และเชื่อว่าพำนักอยู่ในสหราชอาณาจักรกลับไปรับโทษในประเทศไทย
จดหมายที่มีเนื้อหา 6 ย่อหน้า ความยาว 1 หน้าครึ่ง ระบุตอนท้ายว่า หากรัฐบาลอังกฤษเห็นว่าความผิดที่กล่าวถึงข้างต้นไม่อยู่ในบัญชีการกระทำความผิดของบุคคลอันเป็นการให้ส่งตัวให้ประเทศต้นทางดำเนินคดีได้ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 2 วรรค 1 ของสนธิสัญญาดังกล่าว
“รัฐบาลไทยขอให้รัฐบาลอังกฤษได้พิจารณาความผิดข้ออื่นๆ ที่ระบุไว้ในวรรคสุดท้ายของมาตรา 2 ที่ระบุว่า ‘การส่งตัวกลับ อาจกระทำได้ภายใต้ความเห็นชอบของประเทศนั้น หากการกระทำความผิดทางอาญานั้นเป็นความผิดภายใต้กฎหมายของทั้งสองประเทศคู่สัญญา’ ในกรณีนี้รัฐบาลไทยขอให้คำมั่นว่าจะร่วมมือและตอบแทนอย่างเต็มที่หากได้รับการร้องขอทำนองเดียวกันจากรัฐบาลอังกฤษ”
“คำร้องนี้ไม่เกี่ยวพันกับการสอบสวน ดำเนินคดี หรือการลงโทษบุคคลที่กระทำความผิดเกี่ยวกับทางการเมืองหรือการทหาร เธอผู้นี้ยังไม่ได้รับการอภัยโทษ หรือนิรโทษ อีกทั้งหมายจับนี้ไม่มีวันหมดอายุ สถานเอกอัครราชทูตไทยขอความกรุณาให้เก็บคำร้องนี้ไว้เป็นข่าวลับและรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วน”
เป็นปฏิบัติการล่าสุดของทางการไทย หลังจากข่าวสารของอดีตนายกฯ ทั้งสองคนยังปรากฏในพื้นที่ของสื่อต่างประเทศและสื่อในไทยเป็นระยะๆ
การแพร่สะพัดของข่าวดังกล่าว แทนที่จะเป็นความลับตามคำขอร้องของสถานทูตไทย บ่งบอก “นัยยะ” บางอย่างในตัวเอง