วิเคราะห์ : จับสัญญาณ ‘บิ๊กตู่’ สู้ต่อ ‘3 ป.’ กอดคอไม่ถอย วางตัวแม่ทัพบก-เหนือ-อีสาน สู้ศึกเลือกตั้ง ยื้อโผทหาร วัดพลัง ชิง ผช.ผบ.ทบ.

รายงานพิเศษ

 

จับสัญญาณ ‘บิ๊กตู่’ สู้ต่อ

‘3 ป.’ กอดคอไม่ถอย

วางตัวแม่ทัพบก-เหนือ-อีสาน

สู้ศึกเลือกตั้ง

ยื้อโผทหาร วัดพลัง ชิง ผช.ผบ.ทบ.

บรรดานายทหารใกล้ชิดบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ดูเหมือนจะเตรียมตัวเตรียมใจที่จะยังไม่ได้กลับกองทัพ แต่ต้องอยู่ทำงานช่วยกันต่อไป หลังการเลือกตั้งอีก 1 สมัย หรืออย่างน้อย 4 ปีกันแล้ว

เพราะว่ากันว่า มี “สัญญาณ” ต่างๆ ส่งมาอย่างชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ไฟเขียวให้เดินหน้าเพื่อการเป็นนายกรัฐมนตรีต่อหลังการเลือกตั้ง
ที่สอดรับกับการเตรียมการของพรรคพลังประชารัฐ ที่เชื่อกันว่าเป็นพรรคทหาร พรรค คสช. ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อหนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และมีการดูดอดีต ส.ส. เข้าพรรค
แถมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ดูมีแรงพลังฮึดในการทำงานแบบไม่มีเหน็ดเหนื่อย ทั้งการลงพื้นที่และการทำงานในแต่ละวัน
รวมถึงมีการปรับตัว ปรับท่าที โดยเฉพาะการประกาศที่จะไม่ตอบโต้ทางการเมืองกับใครอีกแล้ว พร้อมขอร้องสื่อว่าอย่าถามในเรื่องไม่เกี่ยวกับตนเอง เพราะบางทีอาจเผลอตอบไป หรือไม่ตั้งใจ หรือหงุดหงิดตอบไป ก็จะเป็นการเปิดประเด็นอีก
“4 ปีที่ผ่านมา ผมก็ได้บทเรียน ได้เรียนรู้อะไรเหมือนกัน ดังนั้น ผมขอร้องสื่อด้วยแล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ

ไม่แค่นั้น ท่าทีของบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่รองแห่งบูรพาพยัคฆ์ ก็ดูจะเตรียมตัวเตรียมใจ เตรียมพร้อมที่จะช่วย พล.อ.ประยุทธ์ทำงานต่อไปหลังการเลือกตั้ง
“ถ้านายกฯ ให้ช่วยงานต่อ ผมก็พร้อม แต่ถ้านายกฯ ถามว่า เหนื่อยหรือยัง ผมก็พร้อมที่จะพัก” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
พร้อมเดาใจพี่ใหญ่อย่างบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่แม้จะออกตัวไว้แล้วว่าจะพักผ่อน เพราะอายุมากแล้ว สุขภาพก็ไม่ดี ก็ตาม แต่ พล.อ.อนุพงษ์ยังเชื่อว่า พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ทิ้งน้อง ไม่ทิ้ง พล.อ.ประยุทธ์แน่นอน เพราะอยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต
“เราไม่มีวันหักหลังกันอยู่แล้ว” บิ๊กป๊อกระบุ
โดยเชื่อกันว่า พล.อ.ประวิตรพร้อมที่จะดูแลกองทัพและตำรวจให้ต่อไป เพราะหาก พล.อ.ประวิตรวางมือ ก็ไม่มีบิ๊กทหารคนไหนที่จะคุมทหาร คุมตำรวจได้แบบบิ๊กป้อม นอกเสียจากให้นายกฯ ควบ รมว.กลาโหมเอง เพื่อให้กองทัพนิ่งเท่านั้น แต่ทว่า นายกฯ จะมีงานล้นมือ
เหล่านี้จึงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ในหมู่ 3 พี่น้อง 3 ป. ตกผลึกแล้วว่า จะไม่ทิ้งกันไปไหน จะช่วยกันต่อไป ไม่ว่าจะเบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง

พล.ท.ธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาคที่ 2

ที่สอดคล้องกับข่าวที่สะพัดมาจากนักการเมืองภาคอีสานว่า พล.อ.ประวิตรก็อยู่เบื้องหลังการช่วยพูดคุยเจรจากับอดีต ส.ส. นักการเมือง ให้มาร่วมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ
แม้ พล.อ.ประวิตรจะไม่ได้คุยเองโดยตรง แต่ก็พบความเคลื่อนไหวของนายทหารใกล้ตัว พล.อ.ประวิตร หรือที่ได้ชื่อว่า “เด็กบิ๊กป้อม” หลายคน
โดยเฉพาะในภาคอีสาน จนนักการเมืองในพื้นที่ออกมาปูดว่ามีบิ๊กทหารเจรจากับนักการเมือง ในลักษณะการ “ดูด” และมีนักการเมืองไปพบ พล.อ.ประวิตรที่บ้านมาแล้ว
จะเห็นได้ว่า พล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่มีทหารไปคุยกับนักการเมืองอีสาน แต่ระบุว่า เป็นการไปคุยกันในฐานะที่รู้จักคุ้นเคยกัน
เช่นเดียวกับบิ๊กแบล๊ค พล.ท.ธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาคที่ 2 สายตรงบิ๊กป้อม ที่ก็ไม่ปฏิเสธว่าไม่มีทหารไปคุยกับนักการเมือง แต่ชี้แจงว่า เป็นการไปคุยกันในงานวัด หรืองานสำคัญต่างๆ ในพื้นที่ เพราะอยากให้ประเทศเดินหน้า แม้แต่ตนเองก็ยอมรับว่าคุยกับนักการเมือง
“แต่ไม่ได้ไปดูด ทหารจะดูดใครได้ เพราะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของจิตใจ และหลายฝ่าย” พล.ท.ธรากรกล่าว

พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3

นี่จึงอาจกลายเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ พล.ท.ธรากรได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ต่ออีกปี ไม่ต้องขยับขึ้นมาเป็นพลเอก ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. ตำแหน่งลอยๆ ไม่ได้คุมกำลัง รอเกษียณ หลังจากที่ไม่อาจไปชิงเก้าอี้ห้าเสือ ทบ. ที่มีคู่แข่งหลายคน
“ผมยังมีภารกิจที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง” พล.ท.ธรากรเปรย
ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า พล.อ.ประวิตรยังต้องการให้เป็นแม่ทัพอีสานต่อไป เพื่อเตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งในปีหน้า ด้วยรู้กันดีว่า ภาคอีสานเป็นฐานที่มั่น ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย
แม้ว่าบิ๊กโจ่ง พล.ท.สนธยา ศรีเจริญ แม่ทัพน้อยที่ 2 ที่ก็เป็นเด็กๆ บิ๊กป้อมอีกคน ที่ก็มีผลงานในการเคลียร์พื้นที่ให้ด้วยเช่นกัน ที่ก็หวังจะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 จนต้องมีการวัดพลังกันจนหยดสุดท้าย

 

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์

ท่ามกลางสายตาของทหารทัพเหนือว่า บิ๊กตี๋ พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 จะได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. จริงหรือไม่ เพราะไม่ง่ายที่แม่ทัพภาคที่ 3 จะชิงเก้าอี้ ผช.ผบ.ทบ. มาได้
เพราะนอกจากแม่ทัพภาคที่ 1 จะได้รับเลือกขึ้นห้าเสือ ทบ. ก่อน แล้วก็มักจะมาจากรอง เสธ.ทบ. หรือแม่ทัพภาคที่ 2 แต่เมื่อ พล.ท.ธรากรไม่ขยับ จึงเป็นคิวของแม่ทัพภาคที่ 3
เพราะก่อนหน้านี้ บิ๊กเปี๊ยก พล.อ.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 ก็เคยได้ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ. มาแล้ว
มาคราวนี้เข้มข้น เพราะหากต้องการให้ พล.ท.วิจักขฐ์ แม่ทัพคนเมือง ช่วยคุมการเลือกตั้งต่อไปก่อน แล้วโยกย้ายเมษายน ค่อยเป็นพลเอก ก่อนเกษียณ เพราะภาคเหนือก็เป็นพื้นที่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ที่เชื่อกันว่า แม่ทัพคนเมือง คนเหนือ อย่างแม่ทัพตี๋ จะสามารถช่วยเคลียร์พื้นที่ได้
แม้จะมีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่า บิ๊กป๋อ พล.ต.ฉลองชัย ชัยยะคำ รองแม่ทัพภาคที่ 3 เตรียมทหาร 20 จะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 คนใหม่ก็ตาม

พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน

ด้วยเพราะมีแคนดิเดต ผช.ผบ.ทบ. อีกหลายคน ที่ล้วนไม่ธรรมดา ที่พร้อมจะขยับมาเสียบได้ ปาดหน้า พล.ท.วิจักขฐ์ เช่น มีการจับตาไปที่บิ๊กจิ๋ม พล.ท.สุชาติ ผ่องพุฒิ รอง เสธ.ทบ. น้องรักบิ๊กป้อม อดีตเจ้ากรมการทหารสื่อสาร ที่คุมสายส่งกำลังบำรุง การจัดซื้อจัดหา จากเตรียมทหาร 19 จะได้ขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ทบ. หรือไม่
เพราะ ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา พล.ท.สุชาติร่วมทีมในการทำงานสายส่งกำลังบำรุงกับบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผช.ผบ.ทบ. ว่าที่ ผบ.ทบ. ที่คุมสายงานนี้มาด้วยนั่นเอง
รวมทั้ง ผบ.นปอ. ที่ไม่เคยได้ขึ้นห้าเสือ ทบ. มายาวนานมาก ทั้งๆ ที่เทียบเท่าแม่ทัพภาคที่ 6 ที่บิ๊กมิค พล.ท.สุรใจ จิตต์แจ้ง ผบ.นปอ. เตรียมทหาร 19 ก็เดินมาในเส้นทางเหล็กของเหล่าปืนใหญ่ สาย ปตอ. แถมความรู้ดี สมาร์ต แต่ก็ถูกมองข้าม
หรือแม้แต่พลังเงียบเฉียบขาดของทหารหมวกแดงรบพิเศษ อย่างบิ๊กนัย พล.ท.สุนัย ประภูชะเนย์ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) แต่ก็เสียเปรียบตรงที่เป็นรุ่นน้องเตรียมทหารรุ่น 21 และมีอายุราชการถึงกันยายน 2563
ท่ามกลางการจับตามองว่า บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี พี่ใหญ่รบพิเศษ และบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. จะส่งเข้าประกวดหรือไม่

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท

ทั้งนี้เพราะการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายทหาร ที่มีกำหนดจะส่งให้ พล.อ.ประวิตรในวันที่ 3 สิงหาคม มีอันต้องเลื่อนออกไป เพราะบิ๊กต๊อก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผบ.ทหารสูงสุด เดินทางไปเยือนอังกฤษ และจะกลับมาวันที่ 9 สิงหาคม
จากนั้นจะรวบรวมของสามเหล่าทัพไปส่งให้ พล.อ.ประวิตรในวันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม อันเป็นวันที่ ผบ.เหล่าทัพจะไปทานข้าวเช้าที่บ้าน ร.1รอ. กับ พล.อ.ประวิตรเป็นประจำ
อันเป็นจังหวะตบเท้าอวยพรวันเกิด 74 ปีของ พล.อ.ประวิตร ที่ตรงกับวันที่ 11 สิงหาคม พอดี
ทั้งนี้ จะมีการคุยในระดับ ผบ.เหล่าทัพ และ 5 เสือเหล่าทัพครั้งสุดท้าย ที่ต้องลงตัว เพราะจะต้องมีการส่งชื่อนายทหารที่จะต้องย้ายข้ามเหล่า เช่น จากเหล่าทัพ ไปเป็น รอง เสธ.ทหาร รอง ผบ.ทหารสูงสุด หรือรองปลัดกลาโหม
โดยมีกำหนดที่จะส่งบัญชีรายชื่อโยกย้ายทั้งหมดของทุกเหล่าทัพและกลาโหม ให้ พล.อ.ประยุทธ์ในวันที่ 20 สิงหาคม เพื่อเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ

พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ

ท่ามกลางการจับตามองไปที่กองทัพเรือ ที่แม้บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ รอง ผบ.ทร. น้องชายบิ๊กโชย พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี จะเป็นเต็งหนึ่งแบบนอนมา ด้วยเหตุผลเรื่องความอาวุโส อายุราชการที่เหลือ 2 ปี และการดูแลโครงการเรือดำน้ำจีนมาตั้งแต่ต้นก็ตาม
แต่ทหารเรือยังเผื่อใจไว้ว่า บิ๊กตุ๋ย พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ เสธ.ทร. จะแซงโค้ง ไม่ใช่แค่เพราะเป็นน้องรักของบิ๊กอุ๊ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ อดีต ผบ.ทร. เพื่อนเตรียมทหาร 6 ของบิ๊กป้อม และสนิทสนมกับบิ๊กปุ้ม พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ น้องชายบิ๊กป้อมเท่านั้น
แต่เส้นทางประดู่เหล็กของ พล.ร.อ.พิเชฐ ก็ไม่ธรรมดา ทั้งการเป็น ผช.ทูตทหารเรือ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา เป็นเจ้ากรมข่าวทหารเรือ เป็นเจ้ากรมยุทธศึกษา ทร. เป็นรอง เสธ.ทร. และเป็น เสธ.ทร.
แต่ท้ายที่สุด หากสู้ไม่ไหว ก็มีเก้าอี้รอง ผบ.ทร. อัตราพลเอกพิเศษ รองรับ แต่หากบรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่าง พล.ร.อ.ลือชัย กับ พล.ร.อ.พิเชฐ ที่แม้จะเป็นเพื่อนเตรียมทหาร 18 ด้วยกัน ไม่สู้ดีนัก พล.ร.อ.พิเชฐก็อาจต้องข้ามไปเป็นรองปลัดกลาโหม ครองอัตราพลเอกพิเศษ ก็เป็นได้

พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ

เพราะหากมองภาพรวม นายทหารที่จะขึ้นมาเป็น ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่แล้วนั้น ส่วนใหญ่จะมีอายุราชการอย่างน้อย 2 ปี ทั้งบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รองปลัดกลาโหม ลูกรักบิ๊กป้อม ที่เป็นเตรียมทหาร 20 เกษียณกันยายน 2564
ที่แม้จะอายุน้อยสุด แต่ทว่าอาวุโสเพราะครองอัตรา “พลเอกพิเศษ” หรืออัตราจอมพลเดิมมาก่อน และก็จะยืนหัวแถวของบรรดา ผบ.เหล่าทัพที่เป็นรุ่นพี่เตรียมทหาร 18 คงมีเพียง พล.อ.อภิรัชต์ ผช.ผบ.ทบ. ที่เป็นเพื่อนเตรียมทหาร 20
นอกจากนี้ บิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เสธ.ทหาร ที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนใหม่ ก็เป็นเตรียมทหาร 18 เกษียณกันยายน 2563
ส่วน พล.อ.อภิรัชต์ ที่คาดว่าจะเป็น ผบ.ทบ. นั้น เป็นเตรียมทหาร 20 เกษียณกันยายน 2563 ส่วน พล.ร.อ.ลือชัย เป็นเตรียมทหาร 18 เกษียณกันยายน 2563
ขณะที่บิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผช.ผบ.ทอ. ที่เดินมาในเส้นทางเหล็กของฉลามอากาศ สุดสวยงาม ทั้งการเป็นผู้ฝูง ผู้การกองบิน ผช.ทูตทหารอากาศ ประจำเยอรมนี เจ้ากรมข่าวทหารอากาศ เจ้ากรมยุทธการทหารอากาศ รอง เสธ.ทบ. และ ผช.ผบ.ทอ. ที่คาดว่าจะขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ. นั้น เป็นเตรียมทหาร 18 เกษียณกันยายน 2562 เหลืออายุราชการแค่ปีเดียว
คงมีแต่บิ๊กยาว พล.อ.อ.วันชัย นุชเกษม เสธ.ทอ. ที่เป็นเตรียมทหาร 18 เช่นกัน ที่มีอายุราชการเหลือ 2 ปี เกษียณกันยายน 2563

พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร กองทัพก็เข้าสู่ยุคของเตรียมทหาร 18 และเตรียมทหาร 20
โดยมี พล.อ.อภิรัชต์เป็นเป้าที่ถูกจับตามองเขม็ง ทั้งในฐานะ ผบ.ทบ. ที่คุมกำลังทหารที่มากที่สุด เหล่าใหญ่ที่สุด รวมทั้งการเป็นนายทหารรักษาพระองค์ ที่ได้เป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) ที่จะนำกองทัพบกเข้าสู่ยุคของความเป๊ะ ทั้งระเบียบวินัย การแต่งกาย และการประพฤติปฏิบัติตัว
อีกทั้งชื่อของ พล.อ.อภิรัชต์ยังคงเป็นที่จ้องจับตาของคนเสื้อแดง และบรรดากลุ่มต่อต้านทหาร ต่อต้าน คสช. มาอย่างยาวนาน
สถานการณ์การเมือง และสถานการณ์บ้านเมืองในยุคที่ พล.อ.อภิรัชต์ เป็น ผบ.ทบ. และมี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงน่าจับตามองอย่างยิ่งยวด