บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่หันมาสร้างยอดขายด้วยโครงการแนวราบเป็นหลักกันแล้ว เห็นได้ชัดเจนที่สุดในครึ่งหลังของปีนี้โครงการเปิดตัวใหม่ของบริษัทอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการแนวราบ

เพราะเหตุใด

บริษัทอสังหาฯ นั้นเขาไม่จำกัดตัวเองหรอกว่า จะเป็นบริษัทที่ทำโครงการแนวสูงหรือโครงการแนวราบ อะไรที่ทำแล้วขายได้เขาก็ทำกัน แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าตลาดที่อยู่อาศัยแนวสูงหรือคอนโดมิเนียมนั้น โดยเฉพาะตลาดระดับราคากลางนั้นค่อนข้างจะอิ่มตัว ที่ขายได้อัตราการขายก็ช้า

บางทำเล กล่าวได้เลยว่า มีห้องชุดสร้างเสร็จเหลือขายเยอะ

บางทำเล ยังขายได้และขายไปเกินจุดคุ้มทุน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีห้องเหลือขายกันแทบทุกโครงการ

อัตราการขายต่ำ จำนวนยูนิตเหลือไม่มาก ก็ต้องถอนทีมขายออกไปเพราะไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย

บริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ มีจำนวนโครงการทั้งแนวราบ แนวสูงจำนวนมากในทุกทำเลจะทราบข้อมูลเหล่านี้ดี จึงปรับทิศทางมาขึ้นโครงการแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ทาวน์เฮาส์ กันมากขึ้น

เพื่อเสนอขายกับกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ กลุ่มที่ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นแนวราบ ไม่เป็นทาวน์เฮาส์ ก็เป็นบ้านเดี่ยว ตามกำลังซื้อ แต่ไม่มีความคิดที่จะซื้อคอนโดฯ

แล้วห้องชุดที่เหลือขายอยู่จะทำอย่างไร

นี่แหละจึงเป็นที่มาของ Hot Deal CONDO

 

บริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ที่มีบริษัท Sold Agent ในเครือก็ให้บริษัทในเครือรับห้องชุดที่เหลือเหล่านี้ไปดำเนินการรณรงค์การตลาดเพื่อขาย ส่วนบริษัทอสังหาฯ ที่ไม่มีบริษัทย่อยที่ทำหน้าที่นี้ ก็ต้องให้ทีมขายทำแคมเปญขายเฉพาะเจาะจงห้องชุดส่วนนี้

การหาทางแก้ปัญหาของบริษัทอสังหาฯ เช่นนี้ ก็เป็นโอกาสของผู้ซื้อที่มีความต้องการซื้อคอนโดมิเนียม เพราะจะได้เงื่อนไขพิเศษต่างๆ มากมาย ความเสี่ยงก็ไม่มีเพราะเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ สามารถดูห้องจริงๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ

ถือว่าทีใครทีมันระหว่างคนซื้อกับคนขาย

ขายดีมากๆ ผู้ซื้อต้องเข้าคิว ขายไม่ดีคนขายก็ต้องเข้าคิวบ้าง

โลกหมุนเร็ว ตลาดเปลี่ยนเร็ว เมื่อ 1-2 ปีก่อนบริษัทอสังหาฯ มักอ้างตัวเลข backlog หรือยอดขายสะสมล่วงหน้าเพื่อแสดงว่าตุนยอดขายไว้เยอะแล้ว อนาคตแม้ขายใหม่จะต่ำลงแต่ยอดโอน ยอดรับรู้รายได้จะไม่ลดลงตาม แต่ตอนนี้ไม่ค่อยพูดตัวเลขนี้กัน เพราะมันจะเจือๆ ความเสี่ยงเรื่องอัตรากู้ไม่ผ่าน เรื่องทิ้งจอง ซึ่งสุดท้ายเป็นตัวเลขเหลือขาย

ก็ปรับตัวกันไป

ปัญหามีไว้แก้

โอกาสมีไว้ใช้