วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย / เสถียร จันทิมาธร / ท้าชน จิวแป๊ะทง เอี้ยก่วย (149)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย / เสถียร จันทิมาธร

ท้าชน จิวแป๊ะทง เอี้ยก่วย (149)

พลันที่เอี้ยก่วยกล่าว “ข้าพเจ้าบอกชื่อคนผู้นี้ออกมา ห้ามมิให้ท่านสะบัดหน้าจากไป” จิวแป๊ะทงแม้ได้ชื่อว่าเป็น “เฒ่าทารก” มีจิตใจสัตว์ซื่อแต่หาโง่เขลาไม่
มิเช่นนั้น ไหนเลยฝึกปรือพลังฝีมือลึกล้ำถึงเพียงนี้
จึงเน้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จริงจัง “ทั่วทั้งแผ่นดินนี้เราไม่ขอพบกับบุคคล 2 คน 1 คือ ตวนอ้วงเอี้ย 1 คือ พระสนมของเขานามเอ็งโกว นอกจากคนทั้ง 2 นี้แล้วไม่ว่าเป็นผู้ใดเรายินดีไปพบหน้า”
จำเป็นอยู่เองที่เอี้ยก่วยต้องใช้แผนกระตุ้น
“ที่แท้ท่านเคยพ่ายแพ้ในเงื้อมมือของพวกเขา พลังฝีมือสู้พวกเขาไม่ได้ ดังนั้น พอพบเห็นพวกเขาจึงบังเกิดความหวาดกลัว”
“มิใช่ มิใช่” จิวแป๊ะทงสั่นศีรษะปฏิเสธ
“เป็นเราเฒ่าทารกประพฤติต่ำช้า เลวทราม ละอายต่อพวกเขา ดังนั้น จึงไม่อาจแบกหน้าไปพบพาน”
จริงใจอย่างยิ่ง ตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง
“หรือว่าพวกเขาทั้ง 2 ประสบเหตุเภทภัยกรายกล้ำ ชีวิตร่อแร่คับขัน เป็นตายเท่ากัน ท่านก็มิยอมยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ”
สร้างภาวะงงงันให้กับคนซื่อ บริสุทธิ์ จิวแป๊ะทง

กระนั้น เพียงวูบเดียว เพราะในความเป็นแป๊ะทง หากคนทั้ง 2 มีเภทเหตุร้าย ต่อให้สละชีวิตตัวเองเข้าช่วยเหลือก็ไม่รีรอ ลังเล
กระนั้น เมื่อหันไปมองก๊วยเซียงก็เห็นยิ้มแย้มแจ่มใสจึงหัวร่อออกมา
“เจ้าคิดหลอกลวงเราหรือ ตวนอ้วงเอี้ยมีพลังฝีมือลึกล้ำสุดยอด ไหนเลยประสบเหตุเภทภัยกรายกล้ำ หากแม้นมีคู่ต่อสู้อันร้ายกาจนี้จริงๆ เขาสู้ไม่ได้ ไหนเลยเราจะสู้ได้”
เมื่อเห็นเช่นนั้นเอี้ยก่วยจำเป็นต้องปาเข้าตรงเป้า


“บอกต่อท่านตามความสัตย์ เอ็งโกวคิดถึงท่านยิ่งนัก ไม่ว่าอย่างไรต้องการให้ท่านไปพบกับนางสักครา”
ได้ยินนามเอ็งโกว ใบหน้าจิวแป๊ะทงก็แปรเปลี่ยน กลับกลาย
“เอี้ยเฮียตี๋ ขอเพียงเจ้าเอ่ยอีกคำหนึ่ง ขอเชิญออกจากหุบเขาร้อยบุปผาของเรา อย่าได้โทษว่าเราเฒ่าทารกแตกหัก ไม่ยอมรับผู้คน”
ครานี้ก็เหลือเพียงกลยุทธ์สุดท้าย
“จิวเล่าเฮีย ท่านคิดขับไล่ข้าพเจ้าออกจากหุบเขาร้อยบุปผา กลับไม่ง่ายดายถึงเพียงนั้น”
ได้ยินเสียงหัวร่อเฮอะฮะจากจิวแป๊ะทง “หรือว่าเจ้าคิดต่อสู้กับเราด้วย” ก็ไขออกมาว่ากลยุทธ์สุดท้ายของเอี้ยก่วยคืออะไร

สัมผัสได้จากคำกล่าว “ข้าพเจ้ากำลังคิดขอรับคำแนะนำสั่งสอน หากข้าพเจ้าพ่ายแพ้ ยินดีออกจากหุบเขาร้อยบุปผา ไม่ขอย่างกรายเข้ามาอีก หากแม้นท่านพ่ายแพ้ต้องติดตามข้าพเจ้าไปพบกับเอ็งโกว”
กระนั้นเมื่อปะกับเงื่อนไขจิวแป๊ะทงที่ว่า
“ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง 1 นั้นเราไหนเลยพ่ายแพ้แก่เด็กน้อยเจ้า 2 ต่อให้เราพ่ายแพ้ เราก็ไม่ไปพบกับเอ็งโกวเด็ดขาด”
เท่ากับเข้าสู่ประตูที่ไม่เป็น “ทางออก”
“ท่านชนะแล้ว ไม่ไปพบนาง มาตรว่าสู้แพ้ยังไม่พบ อย่างนั้นพวกเราเดิมพันอันใด”
“ไม่พบก็ไม่พบ มีอันใดต้องกล่าว รีบลงมือเถอะ”
นี่ย่อมเป็นภาระที่เอี้ยก่วยจำเป็นต้องคลี่คลาย หากลงมือประลองยุทธ์จริงๆ ก็ไม่มีความมั่นใจ จิวแป๊ะทงมีนิสัยชมชอบการต่อสู้ มาตรแม้นเร้นกายในหุบเขาร้อยบุปผา ยังฝึกซ้อมฝีมือไม่เคยว่างเว้น ด้วยพลังฝีมือของเฒ่าทารกตอนนี้ทั่วทั้งแผ่นดินไหนเลยหาคู่ต่อกรได้ง่ายๆ
เมื่อเห็นเอี้ยก่วยยินยอมประลองฝีมือย่อมสร้างความพอใจให้กับเฒ่าทารก จิวแป๊ะทง อย่างเหลือล้น
ยกมือซ้ายขึ้นตวาด “รับหมัด”
ขาดคำพุ่งหมัดขวา ใช้ออกด้วย 72 ท่าเพลงหมัดสูญจำรัส (คงเม้งคุงฮวบ) ของตน

สําหรับคนที่ชมชอบในวิชาฝีมือ ไม่ว่าจะชื่อว่าจิวแป๊ะทง ไม่ว่าจะชื่อเอี้ยก่วย นี่ย่อมเป็นวินาทีอันทรงความหมายยิ่งในการประลอง
ยิ่งเป็นการประลองอันมิได้มีเป้าหมายเพื่อฆ่าฟันยิ่งท้าทาย
จึงไม่เพียงแต่เท่ากับเป็นภาพสะท้อนแห่งพัฒนาการของจิวแป๊ะทง เฒ่าทารกแห่งสำนักช้วนจิน หากแต่ยังเป็นภาพสะท้อนแห่งพัฒนาการของวิชาฝีมือกว่า 10 ปีของเอี้ยก่วยที่สืบทอดและต่อยอดมาจากต๊กโกวคิ้วป่าย ผู้สาบสูญ
จำเป็นต้องให้รายละเอียดอย่างเป็นพิเศษ