วิเคราะห์ : ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม’ เขย่าโผทหาร! ฉบับฝ่าด่านพิเศษ จับตาสูตรลับ ‘บิ๊กแดง’ กลางสถานการณ์ ‘หมวกแดง’

รายงานพิเศษ

 

‘บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม’ เขย่าโผทหาร

ฉบับฝ่าด่านพิเศษ

จับตาสูตรลับ ‘บิ๊กแดง’

กลางสถานการณ์ ‘หมวกแดง’

เมื่อชะตาฟ้าลิขิต ‘บิ๊กลือ’

 

เป็นที่รู้กันดีว่า ตราบใดที่โผยังไม่ประกาศออกมา เกมการต่อสู้ก็ยังไม่จบ…
แม้ชื่อของผู้นำเหล่าทัพชุดใหม่ หลัง 1 ตุลาคม 2561 นี้ จะออกมาแล้วทั้ง 5 คน ตามหน้าสื่อก็ตาม
ความเคลื่อนไหวในกองทัพ ก็ยังคงคึกคัก เข้มข้น…
แม้ชื่อของบิ๊กๆ ทบ. ที่จะขึ้นมาเป็นแผงอำนาจรองรับการขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ของบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผช.ผบ.ทบ. ครั้งนี้ ดูเหมือนจะลงตัวแล้ว
แต่มันก็ยังไม่จบ…


โดยเฉพาะเมื่อบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม มีการหารือวงเล็กกับปลัดกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.เหล่าทัพ ทุกวันศุกร์เช้า ที่ผู้นำทหารมีประเพณีมากินข้าวเช้าที่บ้าน ร.1 รอ.
จึงทำให้โผนี้อาจมีการขยับเขย่ากันอีกในบางตำแหน่งสำคัญ…
เพราะได้มีการนัดหมายที่จะส่งให้ พล.อ.ประวิตรใหม่อีกครั้ง ในวันศุกร์ที่ 3 สิงหาคมนี้

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์

ทั้งนี้ การจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายในยุค คสช. ของ พล.อ.ประวิตร นั้น ไม่ได้ให้ ผบ. 3 เหล่าทัพ ส่งโผให้ ผบ.ทหารสูงสุด เช่นสมัยก่อน แต่ให้ ผบ.เหล่าทัพ ผบ.ทหารสูงสุด ส่งบัญชีรายชื่อตรงมาให้ พล.อ.ประวิตรเองเลย แล้วจากนั้น พล.อ.ประวิตร ก็จะให้ปลัดกลาโหมนำไปเข้าขั้นตอนตามธุรการ ตรวจสอบให้เสร็จสิ้นกับกรมเสมียนตรา
จากนั้น จึงมีการเรียกประชุมเพื่อลงนามท้ายคำสั่งโยกย้ายนั้นในทุกหน้า เพื่อป้องกันการแก้ไข ก่อนที่จะส่งให้นายกรัฐมนตรี
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขอีก เพราะเมื่อส่งให้บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ก็อาจมีการปรับแก้ได้อีก แต่จะต้องยินยอมพร้อมใจกันทั้งหมด
เพราะถ้าแก้ตำแหน่งใด ไม่ว่าของเหล่าทัพใดแล้ว ก็ต้องให้ ผบ.ทุกเหล่าทัพลงนามท้ายคำสั่งทุกหน้าเหมือนเดิมใหม่อีก
ที่แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตรจะคุยกันมาบ้างแล้ว ก่อนที่ พล.อ.ประวิตรจะหารือกับ ผบ.เหล่าทัพ แต่ก็อาจมี “ปัจจัยนอกเหนือการควบคุม” ที่อาจทำให้ต้องมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนอีก
ด้วยเพราะจากมือนายกฯ ไปแล้ว ยังมีการกลั่นกรองอีกในหลายด่าน

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์

โดยเฉพาะ 5 เสือ ทบ. ที่แม้เดิมจะมีชื่อบิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เสธ.ทบ. ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทบ. ครองอัตราพลเอกพิเศษ ชิงอาวุโส จ่อ พล.อ.อภิรัชต์ เพื่อน ตท.20 ที่เกษียณกันยายน 2563 ส่วน พล.อ.ณัฐพล เกษียณกันยายน 2564
โดยในโผแรกมีบิ๊กตู่น้อย พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อน ตท.20 ของบิ๊กแดง และบิ๊กตี๋ พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 (ตท.18) ขึ้นเป็นพลเอก ผช.ผบ.ทบ. และมีบิ๊กเป้ง พล.ท.ธีระวัฒน์ บุญยะวัฒน์ รอง เสธ.ทบ. (ตท.19) ขึ้นเป็น เสธ.ทบ.
ทั้งนี้ เป็นโผแรกที่บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ที่กำลังจะเกษียณ ได้หารือกับบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผช.ผบ.ทบ. ว่าที่ ผบ.ทบ.คนใหม่ ในการจัดโผตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์เองก็ต้องการจะกระจายรุ่นในระดับห้าเสือ ทบ. และระดับผู้บริหาร มีทั้ง ตท.18 ตท.19 และ ตท.20 เพราะทั้ง ตท.18 และ ตท.19 ก็มีคนเก่งๆ และเป็นรุ่นพี่ทั้งสิ้น
ไม่ใช่ว่า พล.อ.อภิรัชต์จะเอาแต่เพื่อน ตท.20 ขึ้นมายกแผง
แต่ในโผแรกนี้ ก็มีถึง 3 คนคือ พล.อ.อภิรัชต์ พล.อ.ณัฐพล และ พล.ท.กู้เกียรติ
ท่ามกลางข่าวสะพัดว่าอาจมีบางคน “ไม่ผ่านด่าน” ในเบื้องหน้า และอาจมี ตท.21 แทรกขึ้นมา เพื่อให้แผง 5 เสือ ทบ. มีทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องของ พล.อ.อภิรัชต์

พล.ท.สุนัย ประภูชเนย์

โดยเฉพาะบิ๊กนัย พล.ท.สุนัย ประภูชเนย์ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) ตท.21 ที่อาจยังไม่มีชื่อในโผแรก แต่ปรากฏกระแสข่าวสะพัดในสายทหารหมวกแดงรบพิเศษ ถึงความแรงของ ผบ.นสศ.คนนี้
ด้วยเพราะหากดูจากการจัดหน่วยรบพิเศษของ พล.อ.เฉลิมชัย ในห้วงที่ผ่านมา จะพบว่า มีการดันบิ๊กยอง พล.ต.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง จาก ผบ.พล.รบพิเศษ 1 ขึ้นมาเป็นรอง ผบ.นสศ. เมื่อโยกย้ายครั้งที่ผ่านมา จนทำให้เชื่อกันว่า เพื่อมารอขึ้นเป็น ผบ.นสศ. แทน พล.ท.สุนัย ที่จะได้เดินตามรอย พล.อ.เฉลิมชัย ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ.
แม้ว่า พล.ท.สุนัยจะเกษียณราชการกันยายน 2563 พร้อม พล.อ.อภิรัชต์ก็ตาม แต่การขึ้นมาจ่อใน 5 เสือ ทบ. ไว้ก่อน เพราะหากในอนาคตอันใกล้ มีการขยายอายุเกษียณราชการจาก 60 ปี เป็น 63 ปี เมื่อนั้นก็มีสิทธิ์ลุ้น
ด้วยเพราะรู้กันดีว่า พล.ท.สุนัยนั้นเป็นนายทหารมือดีของรบพิเศษ และมากประสบการณ์ในทุกด้าน แม้แต่วิกฤตการเมือง โดยเฉพาะบทบู๊และพลังเงียบ เฉียบขาด และความเด็ดขาด
รวมทั้งบทบาทของบิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และ พล.อ.เฉลิมชัย สองพี่น้องสายรบพิเศษ ที่แม้จะเกษียณราชการ แต่เชื่อกันว่าจะมีตำแหน่งสำคัญรองรับ
จึงไม่อาจมองข้ามความเคลื่อนไหวนี้…

เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวของทหารอีสาน น้องรักบิ๊กป้อม ยังคงก่อศึกชิงเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 2 กันอยู่ เพราะในขณะที่บิ๊กแบล็ค พล.ท.ธรากร ธรรมวินทร ไม่ขอเข้ามาชิงเก้าอี้ 5 เสือ ทบ. เพราะมีแคนดิเดตเยอะมาก แต่ขอเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ต่อ เพื่อคุมสนามเลือกตั้งภาคอีสานปีหน้าให้ก็ตาม
แต่ทว่าบิ๊กโจ่ง พล.ท.สนธยา ศรีเจริญ แม่ทัพน้อยที่ 2 ก็จ่อรอขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่อยู่ และอย่าลืมว่า พล.ท.สนธยา ก็ได้ชื่อว่าน้องรักสายทหารอีสานของบิ๊กป้อมอีกคนเช่นกัน แถมทั้งช่วย “เดินเกมการเมือง” ในอีสาน และต่อสายนักการเมืองอยู่หลายคน และเคลียร์พื้นที่ในภาคอีสานให้
ส่วน พล.ท.ธรากร นั้น พล.อ.ประวิตรก็เห็นมาแต่ยังเด็กๆ เพราะบิดาของบิ๊กแบล็คก็อยู่กับบิ๊กป้อมมายาวนาน
ไม่แค่นั้น ยังมีบิ๊กอิ๊ด พล.ต.ธัญญา เกียรติสาร รองแม่ทัพภาคที่ 2 คนเก่งของ ตท.21 หายใจรดต้นคอรุ่นพี่อยู่อีกคน เพราะหากมีการขยับ เขาก็จะขึ้นจ่อแม่ทัพน้อยที่ 2 ไว้ก่อน

พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี

แต่ที่คนใน ทบ. และกองทัพยังลุ้นว่าจะมีเซอร์ไพรส์หรือไม่ คือตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด
เพราะแม้บิ๊กต๊อก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผบ.ทหารสูงสุด เสนอชื่อบิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เสนาธิการทหาร (ตท.18) ขึ้นมาเป็น “เสือป่า 1” แทนตนเอง
แต่ข่าวก็ยังสะพัดว่า บิ๊กอ้อม พล.อ.วีรชัย อินทุโศภน ผช.ผบ.ทบ. น้องรักบิ๊กป้อม จะข้ามมาเสียบยอด แต่ทว่าแรงตัาน “คนนอก” ที่ บก.ทัพไทย แรงมาก
จน พล.อ.วีรชัย กลายเป็นชื่อที่ใครๆ ก็ถามไถ่ว่าจะไปลงตรงไหน ถ้าไม่ใช่รอง ผบ.ทบ. หรือประธานที่ปรึกษากองทัพบก ที่ครองอัตรา “พลเอกพิเศษ” ก่อนเกษียณ หรือว่าจะข้ามไปเป็นประธานที่ปรึกษากลาโหม ที่เป็นอัตราเฉพาะตัว เพื่อไปติดตามช่วยงาน พล.อ.ประวิตรได้โดยตรง และเป็นอัตราพลเอกพิเศษ
เพราะเก้าอี้ปลัดกลาโหมนั้น พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รองปลัดกลาโหม ลูกเลิฟของ พล.อ.ประวิตร ที่จ่ออยู่ และอาวุโสสูงสุด เพราะรองปลัดกลาโหมทั้ง 4 คน เกษียณราชการหมด ก็ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นปลัดกลาโหมคนใหม่เลย แม้จะเป็น ตท.20 และเกษียณกันยายน 2564 ก็ตาม
แม้จะเป็นลูกเลิฟบิ๊กป้อมด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้ให้ พล.อ.วีรชัยขึ้นมาเป็นปลัดกลาโหมสัก 1 ปีก่อน แล้วปลายปีหน้า พล.อ.ณัฐค่อยขึ้นต่อ แต่ พล.อ.ณัฐขึ้นคุมกลาโหมเลย

พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์

ในขณะที่เป็นเรื่องน่าแปลกที่บรรดานายทหารเรือ ต่างไม่เชื่อว่าบิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ รอง ผบ.ทร. จะขึ้นเป็น ผบ.ทร.คนใหม่ แม้ว่าสื่อจะเสนอข่าวเหมือนกันทุกฉบับ
เพราะส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าบิ๊กตุ๋ย พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ เสธ.ทร. มาแรง แม้จะเหลืออายุราชการแค่ 1 ปี แต่เชื่อว่า พล.อ.ประวิตรจะสนับสนุน
เพราะนอกจากเรื่องผลงานแล้ว ยังเป็นเพราะ พล.ร.อ.พิเชฐ เป็นลูกเลิฟของบิ๊กอุ๊ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ อดีต ผบ.ทร. เพื่อน ตท.6 ของ พล.อ.ประวิตรด้วยนั่นเอง
งานนี้ ก็ต้องมีคนใดคนหนึ่งที่ถูกผู้ใหญ่หลอก หรือให้ความหวัง เพราะฝ่าย พล.ร.อ.ลือชัยก็ดูจะมั่นใจในความชอบธรรมของการเป็นรอง ผบ.ทร. ที่อาวุโสกว่า และมีอายุราชการเหลือถึงกันยายน 2563
รวมทั้งผลงานต่างๆ ในฐานะนายทหารนักวิจัย และทำโครงการพัฒนาต่างๆ และโดยเฉพาะการเป็นผู้รับผิดชอบโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจีน และเป็นที่ไว้วางใจของบิ๊กๆ ทหารจีนอีกด้วย
แต่มีรายงานว่า บิ๊กนุ้ย พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผบ.ทร. เสนอชื่อ พล.ร.อ.ลือชัย เป็น ผบ.ทร. ขึ้นไปให้ พล.อ.ประวิตรพิจารณา และสะท้อนได้ว่า เขาก็ต้องสนับสนุนบิ๊กลือด้วยเช่นกัน
คาดกันว่า ส่วนหนึ่งเพราะนายทหารใน ทร. อาจจะหวั่นเกรงแนวทางการทำงานของ พล.ร.อ.ลือชัย ที่เป็นคนตรง เอาจริง และไม่ค่อยอ่อนข้อ จนกล่าวกันว่า หาก พล.ร.อ.ลือชัยขึ้นเป็น ผบ.ทร. กองทัพเรือจะยิ่ง “เป๊ะ” กว่าเดิมหลายเท่านั้น

พล.อ.วีรชัย อินทุโศภน

เพราะนอกจากจะเป๊ะเรื่องงานแล้ว พล.ร.อ.ลือชัยยังเป๊ะเรื่องระเบียบวินัย การปฏิบัติ และเน้นเรื่องการออกกำลังกาย เพราะเขาเป็นนักวิ่งมาราธอน ไตรกีฬา และเมื่อครั้งเป็นนายทหารเด็กๆ ถึงขั้นเคยไปสมัครเข้าเรียนหลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือหน่วยซีล ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือมาแล้วด้วย
แต่เพราะมีปัญหาเรื่องหูในการดำน้ำ จึงต้องออกจากการฝึกหน่วยซีล จนกล่าวกันว่า อาจเป็นเพราะชะตาฟ้าลิขิตให้ พล.ร.อ.ลือชัยเดินมาในเส้นทางสายบุ๋น จนมาถึงจุดนี้ก็เป็นได้ จึงทำให้เขาไม่ได้เป็นหน่วยซีล

ขณะที่ในส่วนหัวของกองทัพเรือ มีการวางตัวบิ๊กอุ้ย พล.ร.ท.ชาติชาย ศรีวรขาน รอง เสธ.ทร. แกนนำ ตท.20 ขึ้นเป็น เสธ.ทร.คนใหม่
ส่วนเก้าอี้ ผช.ผบ.ทร.นั้น กำลังชิงชัยอย่างเข้มข้น ระหว่างบิ๊กช่อ พล.ร.ท.ช่อฉัตร กระเทศ เจ้ากรมยุทธศึกษา ทร. ตท.19 กับบิ๊กป๋อง พล.ร.อ.พัชระ พุ่มพิเชฏฐ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ทร.
ส่วน ผบ.กองเรือยุทธการคนใหม่นั้นคาดว่าบิ๊กกบ พล.ร.อ.นพดล สุภากร รอง เสธ.ทหาร ลูกหม้อกองเรือยุทธการ จะได้ข้ามจาก บก.กองทัพไทย กลับสัตหีบ มาคุมกำลังเรือรบทั้งกองทัพเรือ

พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ

ดังนั้น ในกองทัพเรือ จึงจะเป็นการชิงเก้าอี้กันเองของ ตท.18 ทั้ง พล.ร.อ.ลือชัย เต็งหนึ่ง และ พล.ร.อ.พิเชฐ คู่ท้าชิง ขณะที่ 5 ฉลาม ก็จะกระจายรุ่น เป็น ตท.19 และ ตท.20
ที่สำคัญ หาก พล.ร.ท.ชาติชายขยับขึ้นมาเป็น เสธ.ทร. นั่นหมายถึงโอกาสที่จะขึ้นมาจ่อเป็น ผบ.ทร. ในอนาคตของ ตท.20 ด้วยเช่นกัน
ตลอดเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมนี้ จึงกลายเป็นช่วงที่ความสนใจของทหารในกองทัพ ไม่ว่าระดับบิ๊ก หรือสมอลล์ ก็จับจ้องอยู่ที่โผโยกย้ายทหารนั่นเอง
ที่สำคัญ โผโยกย้ายคราวนี้ จะเป็นสิ่งชี้วัดด้วยว่า กองทัพจะพบเจอกับความเปลี่ยนแปลงใดในช่วงเปลี่ยนผ่านเช่นนี้บ้างอีกด้วย
อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด…