หนุ่มเมืองจันท์ : THE RAPPER

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

วันนี้ใครๆ ก็รู้จักรายการ THE RAPPER

ใครจะไปนึกว่าเพลงแร็พที่ฮิตในหมู่คนจำนวนไม่มากนักจะกลายเป็นเพลงที่ “อินเทรนด์” ในวันนี้

โฆษณาหลายชิ้นก็เริ่มนำเพลงแร็พมาใช้

ชัดเจนที่สุดก็คือ โฆษณา “คาราบาวแดง แคน” หรือ “คาราบาวแดง” กระป๋อง

ทั้งหมดเกิดขึ้นจากรายการ THE RAPPER

แต่ที่น่าสนใจก็คือ “โจ้” วิรัตน์ เฮงคงดี คนที่ดูแลหรือโปรดิวเซอร์รายการเป็นคนที่ไม่ใช่ “คอแร็พ”

และไม่ใช่นักฟังเพลง

ผมถาม “โจ้” ว่าไม่ใช่นักฟังเพลงนั้นหมายความประมาณไหน

เขาตอบสั้นๆ

“ถ้าเพลงไหนผมรู้จัก แสดงว่าเป็นเพลงฮิต”

ชัดเจนมาก

THE RAPPER ใช้กลยุทธ์เอา “เพลงฮิต” ที่คุ้นหูมานำก่อนที่ผู้เข้าแข่งขันจะ “แร็พ” เพื่อทำให้คนดูรู้ว่าแนวแร็พเพลงนี้จะเป็นเรื่องอะไร

และเพื่อทำให้ “แร็พ” ย่อยง่ายขึ้น

เป็นกลยุทธ์ขยายฐานคนดูของเขา

ตอนประชุมน้องๆ ทีมงานจะต้องเสนอ “เพลงฮิต”

“พี่ เอาเพลงนี้ไหม…เพลงนี้ดัง”

“โจ้” ฟังแวบนึง ส่ายหน้า

“ไม่ดัง”

ครับ ถ้าเขาไม่รู้จักแสดงว่าไม่ใช่ “เพลงฮิต”

ก่อนหน้านี้ “พี่จิก” ประภาส ชลศรานนท์ เคยมอบหมายให้เขาทำคอนเสิร์ต “เพลงของประภาส”

“โจ้” ก็บอก “พี่จิก” ว่าเขาไม่ใช่นักฟังเพลง รู้เรื่องเพลงน้อยมาก

“ดีแล้ว”

“พี่จิก” บอกว่า “โจ้” จะได้เป็นตัวแทนของคนดู

รู้เรื่องเพลงไม่มากนัก

ถ้า “โจ้” ชอบ แสดงว่าคนดูชอบ

วิธีคิดนี้ก็นำมาใช้กับรายการ THE RAPPER

“โปรดิวเซอร์” คือตัวแทน “คนดู”

“โจ้” สรุปบทเรียนว่า ถ้าคนทำรู้เยอะเกินไปก็ไม่ดี

เขาควรจะเป็น “ที่ปรึกษา” มากกว่า

เหมือนกับ “โจ้” ตอนเขียนบทภาพยนตร์หรือบทละคร

พออยู่กับบทนานๆ ก็จะมองไม่เห็นจุดอ่อน

ต้องให้คนอื่นอ่าน

“เพราะเรารู้มากไป อยู่ใกล้เกินไป”

นั่นคือข้อคิดแรกที่ผมได้จาก THE RAPPER

“ความไม่รู้” คือ “ความรู้” รูปแบบหนึ่ง

ศิลปิน “แร็พ” ที่ “โจ้” รู้จักมีอยู่ 3 คน

“โจ้อี้ บอย-ขันเงิน-กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่”

ส่วน “ปู่จ๋านลองไมค์” ก็รู้จักจากเพลง “ตราบธุลีดิน” ที่ “หน้ากากหอยนางรม” นำมาร้อง

ตอนเจอ “ปู่จ๋าน” ครั้งแรก

“โจ้” ยังแซวเลยว่าทำไมถึงเอาเพลงของ “หน้ากากหอยนางรม” มาร้อง

เรื่องของ “ปู่จ๋าน” ก็สนุกครับ

เขาเป็นศิลปินแร็พที่งานชุกที่สุด

ปีหนึ่งมีงาน 300 กว่าวัน

เกือบทุกวัน

กลยุทธ์การทำตลาดของเขาไม่ธรรมดา

เป็น “แร็พป่าล้อมเมือง”

เวทีของ “ปู่จ๋าน” ไม่ใช่ตามผับนะครับ

เขาเคยเล่าว่า ตอนที่คิดว่าจะทำอย่างไรให้เหมือน “แอ๊ด คาราบาว” ที่มีงานเล่นทุกวัน

เขาคำนวณว่าจังหวัดหนึ่งมีกี่ผับ

ถ้าผับนี้จ้างเขาเล่นแล้ว อีกกี่เดือนกว่าจะได้เล่นอีก

ระหว่างที่คิด รถตู้ที่เขานั่งผ่านวัดไป 5 วัด

เขาปิ๊งทันที

เล่นใน “วัด” ดีกว่า

เพราะที่วัดในต่างจังหวัดจะมีงานเยอะมาก

งานบวช งานศพ ฝังลูกนิมิต ฯลฯ

“ปู่จ๋าน” ยึดครับ

ส่วน “โต้ง” TWOPEE กับ “UrboyTJ” เป็นศิลปินแร็พรุ่นใหม่ที่ดังมาก

ทั้งหมดคือ “คน” ที่ “โจ้” บอกว่าต้องมีในรายการนี้

เพราะเป็นตัวแทนของ “แร็พเปอร์” เมืองไทย

เขาบอกว่ากลยุทธ์การทำรายการนี้คือ 1.หา “คนเก่ง” มาทำ

คนหน้าจอได้แล้ว

ยอดฝีมืออย่าง “แร็พ อิส นาว” ซึ่งถือเป็นศาสดาเด็กแร็พยุคนี้ก็ต้องดึงมา

“แต็ป AF-นีโน่” คนทำเบื้องหลังก็ต้องมา

“พอได้คนเก่งแล้วทำไงต่อ” ผมถาม

ขั้นตอนที่สองของเขาก็คือ “ทำให้คนเก่งเชื่อเรา”

ครับ ทำให้ศิลปินแร็พเชื่อคนที่ไม่ใช่คอเพลงแร็พอย่าง “โจ้”

“โจ้” บอกทุกคนว่าเขาเป็นคนทำทีวี

ถ้าทำให้คนดูทั่วไปชอบรายการนี้

ทุกอย่างจะดีขึ้น

“แร็พ” เป็นเพลงที่อยู่ใต้ดินมานาน

ถ้าออกทีวี ศิลปินก็จะมีคนจ้างออกงานมากขึ้น

เพราะทุกคนคุ้นเคยแล้ว

และนั่นคือเป้าหมายร่วมที่อยู่ในใจของคนกลุ่มนี้มานาน

เขาอยากให้เพลงแร็พเป็นเหมือนเพลงป๊อปทั่วไป

ศิลปินหาเลี้ยงชีพได้

พอทุกคนเข้าใจ และพร้อมปรับตาม

บีตและดนตรีของแร็พยังอยู่

เพียงแต่เนื้อหามีหลายแนว

ไม่ดิบและโหดอย่างเดียว

มีทั้งสนุก ตลก และเป็นกันเอง

ถามว่ามีอะไรที่เปลี่ยนไปหลังจากรายการดัง

ที่แน่ๆ ก็คือ ทุกคนมีคนรู้จักมากขึ้น

“โต้ง” ที่ดังอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ดังขึ้นกว่าเดิม

มีคนกลุ่มใหม่ๆ อย่างแม่ค้าหรือผู้ใหญ่มาขอถ่ายรูปมากขึ้น

“ปู่จ๋าน” งานเพิ่มขึ้น

จากวัด ก็เริ่มเข้าผับ

และตอนนี้แม้แต่งานในสวนยางพารา

เขาก็จ้าง “ปู่จ๋าน” ไปเล่น

UrboyTJ เด็ดสุด

ตามปกติเขาก็เป็นศิลปินแร็พที่ดังมาก รายได้ดี

แต่กู้แบงก์ซื้อบ้านไม่ผ่าน

ทั้งที่เงินในบัญชีก็มีเยอะทีเดียว

พอรายการ THE RAPPER ดัง

แบงก์โทร.มา บอกว่ากู้ซื้อบ้านผ่านแล้ว

เขาคงมั่นใจว่าศิลปินแร็พก็มีเงินผ่อนบ้าน

ศิลปินใหม่ๆ ที่ออกรายการ จากเดิมค่าจ้าง 3,000 บาท

ตอนนี้เป็น 30,000 บาท

สามารถเดินไปบอกพ่อแม่ว่าที่เขาทำมาตอนนี้เลี้ยงชีพได้แล้ว

ไม่แปลกที่หลังจาก THE RAPPER โด่งดัง

ทุกคนจะขอบคุณ “โจ้” เยอะมาก

แต่ “โจ้” ยกประโยชน์ให้ “พี่จิก” และ “กร” ชลากรณ์ ปัญญาโฉม ที่คิดว่าน่าจะทำรายการเกี่ยวเพลงแร็พ

เพราะกระแสโลกมาแล้ว แต่เมืองไทยยังไม่มา

ทั้งคู่เป็นคนชี้ทาง ส่วนเขาเป็นแค่คนเปิดประตู

คนที่ทำให้รายการดังและเป็นที่นิยม คือ ศิลปินแร็พทุกคน

“ไม่มีใครทำให้ก้อนกรวดเป็นเพชรได้ เพชรก็คือเพชร”

สรุปได้คมแบบ THE RAPPER

…RESPECT ครับ