Acoustic Energy ลำโพงระดับ World Class หวนคืนสู่ตลาดเครื่องเสียงบ้านเรา

กับชื่อ Acoustic Energy หรือที่เรียกๆ กันในแวดวงคนเล่นเครื่องเสียงว่า AE นั้น แม้จะมีชื่อชั้นจัดอยู่แถวหน้าๆ ของวงการโดยเฉพาะทางแถบยุโรปมากว่าสามทศวรรษ

ทว่า, กับในบ้านเราแล้ว กลับเป็นที่รู้จักกันไม่แพร่หลายสักเท่าไรนัก

ด้วยไม่ได้มีการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ในความหมายที่ว่ามีการเปลี่ยนมือตัวแทนจำหน่ายที่นำเข้ามาเป็นช่วงๆ ก็เลยไม่มีขาประจำสักกี่มากน้อย ด้วยความไม่มั่นใจในการยืนระยะของผู้นำเข้าอันนำไปสู่เรื่องสำคัญ คือบริการหลังการขายนั่นเอง

ทั้งๆ ที่ดังได้บอกไปข้างต้น ว่าชื่อชั้นของเขานั้นอยู่ในระดับเอาการเอางานได้เลย

ซึ่งใครที่เคยใช้ลำโพงของค่ายนี้ย่อมทราบดีว่าคุณภาพเสียงของลำโพงชื่อนี้จัดอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าคือ Award Winning Loudspeakers แบบตัวจริงเสียงจริง, อะไรทำนองนั้น

ด้วยลำโพงส่วนใหญ่ของเขามักจะได้รับการยกย่อง หรือได้รางวี่รางวัลต่างๆ อยู่เนืองๆ นั่นเอง

อีกทั้งที่สำคัญอีกประการก็คือ เป็นลำโพงที่มีราคาอยู่ในระดับที่ใครก็สามารถเป็นเจ้าของได้สบายๆ ด้วย

เที่ยวนี้ที่ได้หยิบเอาลำโพงจากค่ายนี้มาแนะนำให้รู้จักกัน ก็เนื่องเพราะเมื่อปีสองปีที่ผ่านมา AE ได้หวนคืนสู่ตลาดเครื่องเสียงบ้านเราอีกครั้ง หนนี้เป็นการนำเข้าโดยมือเก่า ระดับเก๋าของวงการ เพราะโลดแล่นอยู่ในยุทธจักรนี้มากว่าสี่ทศวรรษแล้ว และยังไม่ได้ผลัดใบ หัวเรือใหญ่ยังคงคัดท้ายองค์กรอยู่อย่างมุ่งมั่น

และเป็นจักรกลสำคัญที่ทำให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำเข้าที่มีความรับผิดชอบในเชิง After Sale Service ระดับเบอร์ต้นๆ ของวงการนี้ในบ้านเรามาตั้งแต่ยุคแรกๆ ที่เริ่มต้นกิจการจนตราบถึงทุกวันนี้ก็ยังได้รับความเชื่อมั่นในการนี้จากลูกค้าระดับสูงเช่นเดิม

ก็เลยทำให้ออกจะมั่นใจได้ว่า AE กลับเข้ามาบ้านเราเที่ยวนี้ น่าจะยืนระยะอยู่ได้อีกนับนานเลยทีเดียว

Acoustic Energy นั้น ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตลำโพงระดับ World Class มากว่า 30 ปี โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ในสหราชอาณาจักร ลำโพงของเขามิเพียงเป็นที่ยอมรับอย่างมากในสตูดิโอบันทึกเสียงเท่านั้น หากยังเป็นที่แพร่หลายนิยมชมชอบในหมู่คนเล่นเครื่องเสียงอย่างมากอีกด้วย ด้วยความเที่ยงตรงในน้ำเสียงที่กอปรเข้ากับเสน่ห์เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวอย่างน่าฟัง

ทำให้นอกจากจะเป็นที่ชื่นชมของนักวิจารณ์ และสื่อทางด้านนี้แล้ว ยังได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งนวัตกรรมเชิงนี้ทั้งในแง่ของการรังสรรค์วัสดุ และการคิดค้นทางด้านการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประสานใช้ได้อย่างลงตัว

โดยเมื่อแรกเปิดตัวในปี ค.ศ.1987 กับ Model AE1 นั้น ได้รับการยกย่องอย่างมาก ว่าเป็นลำโพงแบบวางหิ้งที่ใช้งานประกอบขาตั้งแบบ Stand-Mounted ที่สามารถให้น้ำเสียงออกมาได้อย่างเลอเลิศในระดับต้นๆ ของลำโพงยุคนั้น จากนั้นก็มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง

และเช่นเดียวกันคือมีเสียงชื่นชมตามมาไม่ขาดสาย โดยเฉพาะกับสื่อชั้นนำของอังกฤษทั้ง What Hi-Fi? และ Hi-Fi Choice ต่างชื่นชอบและยอมรับคุณภาพเสียงของลำโพงค่ายนี้มาโดยตลอด

รวมทั้งรุ่นหลังๆ อย่าง Model AE100 ที่เป็นลำโพงเล็กแบบ Compact Bookshelf Stand-Mounted Speaker ซึ่งให้น้ำเสียงมีความยอดเยี่ยมและโดดเด่นอย่างมาก ทำให้ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย

โดยเฉพาะในแง่ของคุณภาพเสียงที่มีความคุ้มค่าอย่างมาก ด้วยมีราคาจำหน่ายไม่ถึงหมื่นบาทต่อคู่ และปัจจุบันยังอยู่ในสายการผลิต

สําหรับที่เป็นพัฒนาการล่าสุดและเพิ่งเข้ามาในบ้านเราคือ ลำโพงในอนุกรม 300-Series ซึ่งที่กำลังถูกพูดถึงกันมากก็คือ Model AE300 ที่นำภาพมาให้ชมกันนี่แหละครับ เป็นลำโพงวางหิ้งที่ใช้งานประกอบเข้าขาตั้ง ผู้ผลิตบอกว่าพัฒนาขึ้นมาโดยนำความสำเร็จของ Model AE100 มาต่อยอดให้โดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งในแง่ของคุณภาพเสียง วัสดุที่ใช้ และโครงสร้างตู้ ที่ล้วนกล่าวได้ว่าก้าวล้ำขึ้นไปอีกระดับ

Model AE300 ใช้ชุดตัวขับเสียงแบบพิเศษที่เป็นวิวัฒน์แห่งเทคโนโลยีอันสืบทอดมาจาก Model AE1 โดยเฉพาะกับ Mid-Bass Driver ขนาด 130 มิลลิเมตร ที่ใช้การขึ้นรูปกรวยแบบ Cone ด้วยวัสดุและเทคโนโลยีล่าสุด ที่เป็นการใช้อะลูมิเนียมเคลือบเซรามิกขึ้นรูปอัดซ้อนกันสองชั้น ซึ่งช่วยเสริมรายละเอียดและเพิ่มพลังเสียงได้มากขึ้น

กอปรกับการออกแบบการทำงานของมอเตอร์ในระบบขับกรวย ที่ช่วยให้ได้ช่วงชักลึกกว่าเดิมด้วยแล้ว ทำให้นอกจากจะให้การกระจายเสียงได้ดีกว่าเดิม ยังสัมผัสได้ถึงพลังเสียงในย่านความถี่ต่ำๆ ที่เพิ่มมากขึ้น และรองรับกำลังขับได้มากขึ้นด้วย

ส่วนทวิตเตอร์ขนาด 28 มิลลิเมตรที่ขึ้นรูปด้วยอะลูมิเนียมนั้น ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้กับลำโพงในอนุกรม 300-Series นี้โดยเฉพาะ

ซึ่งนอกจากจะสามารถทานกำลังขับได้สูง และต่ำด้วยค่าเรโซแนนซ์แล้ว ยังให้การทำงานที่ปลอดค่าความพร่าเพี้ยนอีกด้วย

นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีการกระจายเสียงแบบพิเศษที่เรียกว่า Wide Dispersion Technology Waveguide ซึ่งเป็นสิทธิบัตรเฉพาะ นอกจากจะช่วยให้ได้การกระจายเสียงที่ดีขึ้น กว้างขึ้นแล้ว ยังสามารถหลอมรวมเข้ากับการกระจายเสียงของ Mid-Bass Driver ได้อย่างกลมกลืนเป็นเนื้อเดียว ทำให้สามารถสัมผัสความสุนทรีย์ของเสียงดนตรีได้อย่างเป็นธรรมชาติอันสมจริงแล้ว ยังให้รู้สึกรับรู้ได้ด้วยว่าตำแหน่ง Sweet-Spot ในห้องฟังนั้น กว้างขึ้นกว่าเดิมด้วย

พูดง่ายๆ ก็คือ แทบจะทุกตำแหน่งที่นั่งฟังในห้องนั้น ได้อรรถรสของเสียงดนตรีอย่างเท่าเทียมกัน ทำนองนั่งฟังอยู่ใกล้กัน ติดกัน หรือเยื้องๆ กัน ก็สัมผัสได้ถึงความสมบูรณ์ของเสียงในระดับเดียวกันนั่นเอง

สําหรับโครงสร้างตู้ขึ้นรูปด้วย MDF ขนาดความหนา 18 มิลลิเมตร ที่มีความหนาแน่นสูง โครงสร้างภายในใช้เทคโนโลยีการคาดดามแบบเดียวกับที่ใช้ในลำโพงอนุกรม Reference Series ที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย ซึ่งเป็นโครงสร้างตู้ที่มีความเสถียรสูง ปลอดการก้องสะท้อนภายใน ไม่ก่อให้เกิดอาการเสียงก้องซ้อนแต่อย่างใด

เสียงที่หลุดออกมาจากลำโพงจึงเป็นคลื่นเสียงที่แปลงมาจากสัญญาณไฟฟ้าของชุดไดรเวอร์ล้วนๆ เสียงที่ได้ยินจึงเป็นเสียงที่มีความถูกต้องเที่ยงตรงอย่างถึงที่สุด อันนำมาซึ่งความเป็นเสียงดนตรีที่น่าฟังอันเสมอด้วยการฟัง Live Music อย่างแท้จริง

ส่วนคุณสมบัติด้านเทคนิคระบุว่าให้การตอบสนองความถี่ 45Hz – 30kHz วัดค่าความไวได้ 86dB ทำงานในระบบ 2-ทาง โดยมีจุดตัดความถี่ที่ 2.8kHz อิมพีแดนซ์ปกติ 6-Ohm ทานกำลังขับได้ถึง 100Wrms

สนนราคาค่าตัวประมาณว่า (ไม่น่าจะเกิน) สองหมื่นบาทต่อคู่ครับ