โล่เงิน : สิงห์อีสาน “ชูรัตน์ ปานเหง้า” ทัพหน้าภารกิจถ้ำหลวง เปิดนาทีระทึกช่วยชีวิต 13 หมูป่า

คํ่าวันที่ 10 กรกฎาคม คนไทยทั้งประเทศส่งเสียงเฮพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ทั่วโลกร่วมยินดี ไม่ใช่เพราะไทยผ่านเข้าชิงแชมป์ในแมตช์ฟุตบอลโลก แต่เพราะนักเตะเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมีพร้อมโค้ชจากแม่สาย จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย ผ่านปากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ได้รับการช่วยเหลือปลอดภัยทั้ง 13 คน

เสียงเฮดังลั่น ศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย หรือ ศอร. ภายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังจาก “มิชชั่นอิมพอสซิเบิล” กลายเป็น “มิชชั่นพอสซิเบิล” ได้ในเวลาที่เหมาะสม

ช่วย 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง ถ้ำที่ทอดยาวติด 1 ใน 4 ของประเทศ

ออกมาอย่างปลอดภัยหลังติดอยู่ภายในถ้ำนาน 18 วัน

นักดำน้ำอาสาจากหลายประเทศที่ร่วมเป็นทีมกู้ภัยกู้ชีพ นำ 13 หมูป่าอะคาเดมีออกจากถ้ำหลวงประสานเสียงว่า นี่คือภารกิจระดับโลกที่ไม่เคยพบเห็น และยากที่สุดในโลก

“พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า” รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (รอง ผบช.ภ.5) “บิ๊กสีกากี” ที่นำทัพตำรวจร่วมบูรณาการกับทุกหน่วยงานในภารกิจระทึกโลกครั้งนี้เปิดเผยว่า ตลอด 17 วันของภารกิจกู้ภัยนำ 13 ชีวิตหมูป่ากลับบ้าน มีทั้งวันที่มืดมน วันที่ความหวังริบหรี่ และนาทีที่ต้องดิ้นเฮือกสุดท้าย!!

ใครที่ติดตามการแถลงความคืบหน้าภารกิจช่วย 13 ชีวิตติดถ้ำหลวงอย่างต่อเนื่อง ต้องรู้จักเจ้าของคำคมประจำวัน ตัวแทนทัพตำรวจร่วมชี้แจงความคืบหน้าผ่านสื่อมวลชน “พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า”

เช็กโปรไฟล์ “พล.ต.ต.ชูรัตน์” ทัพหน้าสีกากีภารกิจช่วยหมูป่าจากถ้ำหลวง เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 34 เส้นทางสีกากีเติบโตเรียกเป็นสิงห์อีสาน โลดโผนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นรองสารวัตรสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม สภ.นาเชือก จ.มหาสารคาม เป็นสารวัตรสืบสวน สภ.สมเด็จ สภ.หนองกรุงศรี จ.กาฬสินธุ์ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น รองผู้กำกับการสืบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ และตำแหน่งเดียวกันที่ สภ.เมืองขอนแก่น

เป็นผู้กำกับการหัวหน้าโรงพักที่ สภ.สีชมพู สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น สภ.เมืองร้อยเอ็ด สภ.เมืองอุดรธานี เป็นรองผู้บังคับการที่ ภ.จว.กาฬสินธุ์ ภ.จว.สกลนคร

ขึ้นเป็นนายพลดำรงตำแหน่งผู้บังคับการภูธรหลายจังหวัดในภาคอีสาน ทั้งนครพนม หนองคาย และยังเคยเป็นผู้บังคับการสืบสวนภาค 4

เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ก่อนขยับมาเช็กอินถิ่นภาคเหนือ เป็นรอง ผบช.ภ.5 คุมพื้นที่จังหวัดเชียงราย และงานปราบปรามยาเสพติด

เมื่อเกิดเหตุ 13 ชีวิตหายเข้าไปในถ้ำหลวง จึงได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ให้คุมทีมสีกากีภาค 5 ร่วมบูรณการการตำรวจ กำกับฝ่ายปกครอง กองทัพและทุกองคาพยพที่ตามมาสมทบ

พล.ต.ต.ชูรัตน์เล่าว่า ได้รับมอบหมายภารกิจร่วมช่วยชีวิต 13 สมาชิกทีมหมูป่าตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน และเริ่มภารกิจเป็นส่วนหน้านำทัพตำรวจ 13 หน่วย ร่วมบูรณาการการช่วยเหลือ มีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นแม่ทัพ นำทีมร่วมภารกิจครั้งนี้แบบไม่ออกตัวมากนัก

“วันแรกๆ ผมเข้ามาที่ถ้ำหลวง เราไม่แน่ใจเลยว่าเด็กจะเข้าไปติดในถ้ำหรือเปล่า ยังอยู่ในถ้ำ หรือออกไปแล้ว มีชีวิตอยู่หรือเปล่า และที่สำคัญเรามีข้อมูลเกี่ยวกับถ้ำนี้น้อยมาก จนกระทั่งเจอเวิร์น อันส์เวิร์ธ (นักดำน้ำชาวอังกฤษ) เราก็ได้รู้ว่าถ้ำนี้มันซับซ้อน และลึก ทางอีกไกล” หัวหน้าทีมสีกากีในภารกิจถ้ำหลวงกล่าว

พล.ต.ต.ชูรัตน์บอกว่า 13 หน่วย มีกำลังกว่า 900 นายที่ช่วยในภารกิจถ้ำหลวง คือทำหน้าที่ทีมซัพพอร์ตของทุกหน่วย และอีกหน้าที่สำคัญคือจัดระเบียบสังคม จัดระเบียบสื่อมวลชนจำนวนมาก และจัดระเบียบการจราจร เพื่อให้การช่วยเหลือ 13 ชีวิตลุล่วง

“ทางเข้าถ้ำหลวงมีข้อจำกัดมาก ระยะทาง 5 กิโลเมตร จากถนนพหลโยธิน ที่แคบ มีจุดที่ต้องผ่านชุมชน ประกอบกับยิ่งนานวันคนที่เข้ามาเติมในถ้ำเยอะ ทั้งคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง เกี่ยวข้องทางอ้อม ทำให้ผมตัดสินใจย้ายรถ กำหนดเส้นทางจราจรเป็นเข้า 1 ทาง ออก 2 ทาง และย้ายสื่อมวลชนจำนวนมหาศาลออกไปด้านนอก ซึ่งทำให้การบริหารจัดการการช่วยเหลือง่ายขึ้น นี่คือหน้าที่ตำรวจ”

รอง ผบช.ภ.5 กล่าว

พล.ต.ต.ชูรัตน์บอกว่า ช่วงวันที่ 4 วันที่ 5 ที่เด็กหายไป เรายังหาไม่เจอ มันเริ่มมืดมน ฝนตก น้ำขึ้น และเราไม่รู้ว่าเด็กอยู่ตรงไหน ทุกอย่างเป็นข้อสันนิษฐาน เด็กจะอดข้าว อดน้ำ เขาจะไหวไหม นั่นคือความกังวล มันมืดมนแต่เรายังมีความหวัง

“จนวันที่ 2 กรกฎาคม เราเจอเด็ก เราดีใจมาก ใน ศอร. นั่นคือข่าวดีมาก แต่เราดีใจได้แค่ 2 วัน เพราะ 3 วันหลังจากเจอเด็กเราเครียดกันมาก เราจะเอาเด็กออกมาได้ยังไง ในถ้ำมีโค้งหักศอก ทางแคบ เด็กว่ายน้ำไม่ได้ ดำน้ำไม่ได้ ไม่แข็งแรงพอ อ่อนแอ น้ำไม่ลง ออกซิเจนน้อย เราจะทำยังไงให้เด็กทุกคนรอด เราหวังผล 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เราก็ไม่กล้ามั่นใจว่ามันจะออกมา 100 เปอร์เซ็นต์ เทคโนโลยี ความรู้ กำลังคน พลังใจ ศรัทธา เราเอามาใช้ทุกอย่างเพื่อให้ภารกิจสำเร็จ และการเสียชีวิตของ “จ่าแซม” น.ต.สมาน กุนัน อดีตซีลในถ้ำ นั่นทำให้เราใน ศอร. ต้องตัดสินใจและดิ้นเฮือกสุดท้าย ทำให้ได้ เราต้องเอาเด็กออกมา เราเจอเขาแล้ว เราต้องเอาเขาออกมาอย่างปลอดภัยทุกคน” พล.ต.ต.ชูรัตน์เล่าเรื่องราวระทึกจาก ศอร. หน้าถ้ำหลวง

ก่อนทิ้งคำคมว่า ความสำเร็จครั้งนี้ ทุกแรงประสานจากทั่วโลกสำเร็จเพราะพลังความสามัคคี

“สัพเพสัง สังฆะพูตานัง สามัคคี วุฑฒิสาธกา” แปลว่า ความพร้อมเพรียงของหมู่คณะ ย่อมยังความเจริญสำเร็จ” คำจารึกหน้าหมวกผู้พิทักษ์สันติราษฎร์