ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 กรกฎาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ปรุงในครัวทัวร์นอกบ้าน |
เผยแพร่ |
มหาสมุทรอินเดียตรงหน้าเปลี่ยนสีสันอย่างรวดเร็วเกือบทุกวินาที
บางครั้งคราม บางครั้งเขียวแก่ บางครั้งเขียวอมฟ้า
แต่ครั้งที่ทะเลงดงาม คลื่นลมสงบก็จะเป็นครั้งที่ท้องฟ้าสดใส ไร้เมฆดำทะมึนก้อนใหญ่เคลื่อนตัวอยู่เบื้องบน
สีสันบนท้องฟ้าที่สะท้อนมาถึงสีของน้ำรวมทั้งคลื่นทะเลช่างเป็นภาพวาดที่ยิ่งใหญ่ที่เคลื่อนตัวเปลี่ยนแปลงให้เห็นถึงความน่ากลัว ความงดงาม ความไม่เที่ยงซึ่งเป็นอนิจจัง
เสื้อหนาวแขนยาวรุ่มร่าม กางเกงขายาวและถุงเท้าหนาเตอะยังทำให้ฉันสั่นสะท้านบ้างเป็นครั้งคราวในห้องพักของโรงแรมชั้น 12 ซึ่งอยู่ติดกับทางตะวันออกของมหาสมุทรอินเดีย
ฉันนั่งมองภาพข้างหน้าอย่างเพลิดเพลิน แก้วชาแบบเข้มข้นที่ช่วยทำให้ร่างกายฉันอุ่นขึ้นมาบ้างค่อยๆ ลดลง
–หวานเขียนจดหมายเล่าเรื่องราวทางโน้นให้พี่ฟังบ้างนะ
ฉันยังจำวันที่พี่จี๋ คุณบุษกร พิชยาทิตย์ นักเขียนอิสระที่บรรจงเขียนเรื่องของดอกไม้ได้น่ารักน่าชัง พูดกับฉันได้ดี
เราทั้งคู่ชอบฝัน จะบอกว่าเราทั้งคู่คือนักฝันก็ว่าได้
พี่จี๋เธอชอบดอกไม้ เธอมีบ้านที่งดงามล้อมรอบไปด้วยความหอมของดอกไม้ และแมวขนปุยๆ เกือบ 30 ตัว
ส่วนฉันนั้นเน้นความเรียบง่ายเป็นหลักบ้านสวนธรรมของฉันมีแต่ต้นไม้สีเขียว ห่าน เป็ด และไก่ เต่า นก ปลาทั้งหลายตรงบ่อหน้าบ้านคือของแถม
–หวานไม่ชอบดอกไม้เหรอคะ? ทำไมไม่ปลูกดอกไม้บ้าง?
พี่จี๋ถามขึ้นในวันที่เธอแวะมาเยี่ยมเยียนฉัน
นั่นสิ…ฉันตอบไม่ถูกเลย ฉันชอบกลิ่นหอมของดอกไม้
ฉันชอบสีสันที่สวยงามของดอกไม้
ที่สำคัญฉันชอบจัดดอกไม้ แต่…ฉันชอบจัดดอกไม้น้อยกว่าพิธีชา
พิธีชาแบบญี่ปุ่นคือความเรียบง่ายในแบบของนิกายเซน เราจะไม่ทำอะไรที่วุ่นวายหรือเยอะเกินไป เราจะมีแต่สิ่งจำเป็นและความเรียบง่าย
บ้านสวนธรรมเมื่อเทียบกับบ้านที่น่ารักของพี่จี๋แล้วอาจจะเหมือนมีอะไรขาดหาย
แต่อะไรที่ขาดหายเป็นสิ่งที่ฉันชอบและนั่นคือเสน่ห์ที่ฉันหลงใหล
บ้านพี่จี๋มีความน่ารักในแนวยุโรป มีข้าวของเครื่องครัวครบ ทั้งเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับบ้านที่พี่จี๋ปั้นแต่ง หรือเลือกสีสันมาตกแต่งทำให้ฉันเพลิดเพลินใจทีเดียวที่ได้ไปเยี่ยมเยียน พักผ่อน ก่อนเดินทางมาเมืองเพิร์ธ
แต่…ช่างบังเอิญเสียจริงที่ฉันได้บางสิ่งมาด้วย นั่นคือบางอย่างที่เราต้องเขียนถึงกัน
บางอย่างที่เรียกว่าจดหมายที่ผู้คนต่างเกือบจะเลิกเขียนถึงกันแล้ว
เราต่างสร้างมิตรภาพของคนช่างฝันร่วมกัน เราต่างมีมิตรภาพของคำว่านักเขียนร่วมกัน เราจึงสัญญากันว่า
–ค่ะพี่จี๋ หวานจะเขียนเล่าเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตที่เกิดขึ้น โดยอาจจะยกคำคม หรือคำสอนของผู้ใหญ่ในวงการนักเขียนมาเอ่ยถึงบ้างนะคะ
และแล้วชีวิตที่ยุ่งเหยิงเมื่อเดินทางมาถึงเมืองเพิร์ธ ทั้งการรับลูกออกจากหอพักพร้อมข้าวของพะรุงพะรัง การหาบ้านเช่าที่ถูกใจทั้งฉันและลูก รวมถึงการซื้อรถอย่างเร่งด่วน
ชีวิตยิปซีได้ทำให้ฉันลืมสัญญาทุกอย่างหมดสิ้น
–หวานเริ่มเขียนหรือยังคะ?
เมื่อพี่จี๋ทวงถามฉันก็แค่
–โอ้ ยุ่งมากเลยค่ะพี่ หวานคงเขียนไม่ไหวค่ะ
ฉันแก้ตัวไปอย่างคล่องแคล่ว
–หวานเขียนเรื่องวุ่นๆ ให้พี่ฟังก็ได้นะคะ
โอ้แสงสว่างได้ส่องมาถึงฉันทันที เหมือนเมฆดำก้อนใหญ่เคลื่อนตัวหายไปไหนไม่ทราบ เหลือไว้แต่ท้องฟ้าที่สดใส และน้ำทะเลสีเขียวเข้มประปรายด้วยสีขาวของคลื่นที่แซมขึ้นมาบนผิวน้ำอย่างลงตัว
ฉันเคยมีความรู้สึกนี้ครั้งหนึ่งที่หัวหินกับลุงต่วย วาทิน ปิ่นเฉลียว บรรณาธิการเจ้าของหนังสือ ต่วย”ตูน
ลุงต่วยเป็นคุณพ่อของคุณดาวที่ลูกสาวเราทั้งคู่รู้จักและเป็นเพื่อนกัน เด็กๆ ชวนกันไปว่ายน้ำ ส่วนผู้ใหญ่นั้นก็นั่งเฝ้าเป็นเรื่องปกติ (ฮา) แต่ฉันกลับโชคดีที่ได้นั่งคุยกับลุงต่วย และลุงต่วยที่กำลังเหงา (เริ่มป่วย) ก็ว่าสนุกดีที่ได้นั่งคุยกับฉัน
เราคุยและหัวเราะกันอย่างออกรสชาติ ทั้งสนุกและผ่อนคลาย
–หวานอ่านต่วย”ตูนเป็นตั้งเลยค่ะ คืออ่านหนังสือทุกอย่างของต่วย”ตูน เหมือนถูกบังคับ (ฮา) เพราะกลับเมืองไทยทีไร หวานมักจะได้รับอภินันทนาการจากบริษัทมติชนมาค่ะ
–อ้าวเหรอ!
ลุงต่วยหัวเราะกว้างเห็นฟันเกือบครบทุกซี่
–แล้วทำไมหวานไม่เขียนหนังสือต่อล่ะ?
–คือหวานโดนเยอะค่ะ
ฉันตอบยิ้มๆ นึกถึงครั้งที่เริ่มเขียน เริ่มแปล เริ่มสัมภาษณ์นักเขียนหลายท่าน แล้วได้ลงมติชนสุดสัปดาห์ ครั้งนั้นเมื่อ 20 ปีก่อน นักเรียนญี่ปุ่นสายวิศวะเช่นฉันคือสิ่งแปลกปลอมที่นักเขียนผู้ใหญ่หลายท่านยากจะยอมรับ
–สายวิศวะจะมาเขียนหนังสือเป็นได้ไง?
–เด็กเส้น!
หลายๆ อย่างในวงการทำให้ฉันขยาดที่จะเขียนต่อทั้งที่หัวใจเรียกร้อง แต่ก็พยายามลืม พยายามห่างเหินไป จนวันนี้วันที่ลุงต่วยพูดว่า
–ไอ้ช้างมันตาคม ถ้ามันอนุญาตให้เขียน หวานต้องมีแววและเขียนเป็นนะ
ฉันไม่ทราบว่าคำว่าซาโตริจะใช้ในสถานการณ์นี้ได้ไหม แต่ฉันรู้สึกว่าหัวใจฉันพองโต อิ่มเอม และซาโตริในที่สุด ฉันกราบขอบพระคุณลุงต่วยที่ล่วงลับไปแล้วที่ได้จุดประกายให้ฉันได้ทำงานที่มีความสุขนี้จนถึงปัจจุบัน
และกราบขอบพระคุณมติชนที่ให้โอกาสฉันตลอดมา
ชีวิตฉันได้เริ่มต้นใหม่ในดินแดนใหม่และผู้คนใหม่ๆ และในฐานะนักเขียนฉันก็อยากเริ่มต้นใหม่เช่นกัน
ฉันไม่เคยเขียนอะไรที่อยากเขียนจากใจ
แต่กับพี่จี๋ที่เราต้องเขียนจดหมายส่งถึงกันนั้น ฉันรู้สึกอยากเขียนในสิ่งที่อยากเขียนโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใดๆ อีกต่อไป