รายงานพิเศษ

 

โผทหารส่งท้าย คสช.

‘บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่’ ยึดเรียบ

‘บิ๊กแดง’ คนพิเศษ เตรียมนั่ง ผบ.ทบ.

‘บิ๊กณัฐ-บิ๊กกบ-บิ๊กต่าย’ ขึ้นแผง

‘บิ๊กลือ-บิ๊กตุ๋ย’ เบียดชิงดำแม่ทัพเรือ

 

บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นัดให้ ผบ.เหล่าทัพส่งบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายพล ปลายเดือนกรกฎาคมนี้
หลังจากที่ได้มีการหารืออย่างไม่เป็นทางการกับ ผบ.เหล่าทัพแต่ละคนไปแล้ว ในระหว่างที่ ผบ.เหล่าทัพไปรับประทานอาหารเช้าที่บ้านพัก ร.1 รอ. ทุกเช้าวันศุกร์
เรียกได้ว่า รู้กันแล้วว่าใครจะเป็น “หัว” ของแต่ละเหล่าทัพ เหลือแค่การจัดวางตำแหน่งต่างๆ ให้ลงตัว โดยเฉพาะการส่งนายทหารจากเหล่าทัพ ไปอยู่ที่กลาโหม เช่น รองปลัดกลาโหม และรอง ผบ.ทหารสูงสุด ที่ บก.กองทัพไทย

ที่ถือว่าเป็นอัตรา “พลเอกพิเศษ” หลังจากที่ได้มีการยกเลิกอัตราจอมพลของบิ๊กๆ ทหารทุกเหล่าทัพ
จึงคาดว่า ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.เหล่าทัพ จะส่งบัญชีรายชื่อของตนเองให้ พล.อ.ประวิตร ในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ ในระหว่างที่ไปทานอาหารเช้าที่บ้าน ร.1 รอ. ตามประเพณี
“ไม่มีปัญหา แม้จะเปลี่ยน ผบ.เหล่าทัพพร้อมกัน 5 คน เพราะคนที่จะขึ้นมาก็เป็นคนเก่า ที่ขึ้นมาจ่อไว้แล้วใน 5 เสือ แต่ละเหล่าทัพ” พล.อ.ประวิตรระบุ
พร้อมชี้เป้าว่า “ถ้าใครอาวุโสกว่า ก็มีโอกาสสูงกว่า”

ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ชุดนี้มีความสำคัญต่ออนาคตของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เชื่อกันว่าจะลงสู่ถนนการเมืองหลังการเลือกตั้ง เพื่อที่จะคัมแบ๊กกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง
เพื่อที่จะได้มั่นใจว่ากองทัพจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์อย่างเต็มที่ และไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ว่าจะถูกรัฐประหารเสียเองในอนาคต หากเป็นรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรี
“โยกย้ายทหาร ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพราะทหารก็ทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ได้ทำเพื่อรักษาอำนาจ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

 

แต่ที่แน่ๆ หนึ่งในผู้นำกองทัพชุดใหม่นั้นมีบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผช.ผบ.ทบ. ที่จะเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ ในอีกไม่กี่อึดใจเท่านั้น
ไม่ใช่แค่เพราะอยู่ในไลน์ 5 เสือ ทบ. และเป็นน้องรักสายวงศ์เทวัญของ พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น
แต่เพราะยังเป็นนายทหารที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) จากเดิมที่เป็นนายทหาร “ฉก.904” เท่านั้น
ส่งผลให้มีการปรับเปลี่ยนในเรื่องสัญลักษณ์ต่างๆ บนเครื่องแบบทหารบก โดยเฉพาะที่อาร์มข้างซ้าย หลังจากที่ไปฝึกหลักสูตรทหารรักษาพระองค์เสร็จสิ้น
พล.อ.อภิรัชต์เป็นเตรียมทหารรุ่น 20 มีอายุราชการถึงกันยายน 2563 แต่ก็มีแนวโน้มว่า เมื่อถึงเวลานั้น อาจมีการยืดอายุเกษียณราชการ จาก 60 ปี เป็น 63 ปีอีกด้วย
เรียกได้ว่ามี พล.อ.อภิรัชต์ เป็น ผบ.ทบ. ก็ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์อุ่นใจ และไม่ต้อง “ระวังหลัง” มากนัก เพราะ “สายตรง” ถึงกันมาตลอด

อย่าลืมว่า ตอนรัฐประหาร 2557 พล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ.ในเวลานั้น ตั้ง พล.อ.อภิรัชต์ จาก ผบ.พล.ร.11 มาเป็น ผบ.พล.1 รอ. คุมขุมกำลังในนาม “กองพลปฏิวัติ” ก่อนที่ต่อมาจะดันขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 แม่ทัพน้อยที่ 1 และเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ. ที่อาจเรียกได้ว่า เป็น “เด็กสร้าง” ของ พล.อ.ประยุทธ์เลยทีเดียว
จากที่เคยเป็นนายทหารที่มีบทบาททางการเมือง จนถูก “คนเสื้อแดง” ขึ้นแบล๊กลิสต์ ตั้งแต่เป็น ผบ.ร.11 รอ. จนเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จากนั้น พล.อ.อภิรัชต์ ก็ค่อยๆ ลดบทบาทลง และยิ่งมาตอนนี้ เขายิ่งเก็บตัวเงียบ งดออกสื่อ และให้สัมภาษณ์
จนเกิดข่าวลือต่างๆ มากมาย แต่ที่สุดแล้ว ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 17 กรกฎาคม 2561 ก็เป็นคำตอบ คำเฉลย และสยบข่าวลือทุกอย่าง

 

ขณะที่จะมีบิ๊กบี้ พล.ต.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้ รองแม่ทัพภาคที่ 1 จะขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และมีบิ๊กอ๊อบ พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ที่เป็น ผบ.พล.1 รอ. อยู่แล้ว คุมกำลังสำคัญของ “สายวงศ์เทวัญ”
ส่วนตำแหน่งปลัดกลาโหมนั้น คาดบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รองปลัดกลาโหม ลูกเลิฟของ พล.อ.ประวิตร เพื่อนเตรียมทหาร 20 ของ พล.อ.อภิรัชต์ จะขึ้นเป็นปลัดกลาโหมคนใหม่ แม้ว่าจะเกษียณกันยายน 2564 ก็ตาม
และคาดกันว่า บิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เสนาธิการทหาร (ตท.18) จะขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ตามไลน์
โดยที่ ผบ.เหล่าทัพชุดหน้า ก็จะเป็นเตรียมทหาร 18 เพราะแคนดิเดต ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. ก็ล้วนเป็น ตท.18 ทั้งสิ้น
ในขณะที่กองทัพอากาศ ฝุ่นจะเริ่มจาง มีความชัดเจนว่า บิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผช.ผบ.ทบ. จะขึ้นเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ โดยมีอายุราชการถึงกันยายน 2562 ที่คาดว่าบิ๊กยาว พล.อ.อ.วันชัย นุชเกษม เสธ.ทอ. จะขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทอ. เพื่อจ่อเป็น ผบ.ทอ.คนต่อไป
แม้จะรู้กันดีว่า บิ๊กโหน่ง พล.อ.อ.ชาญฤทธิ์ พลิกานนท์ ผช.ผบ.ทอ. ที่เป็นเพื่อน ตท.18 และเพื่อนโรงเรียนสวนกุหลาบฯ ของบิ๊กต่ายนั้น ได้ชื่อว่าเป็นน้องรักของ พล.อ.อนุพงษ์ และเป็นขาประจำบ้าน ร.1 รอ. ของ พล.อ.ประวิตรอีกด้วย

แต่ที่กำลังชิงชัยกันอย่างเข้มข้นคือเก้าอี้ ผบ.ทร. ที่แม้จะมีแคนดิเดตที่เป็นเตรียมทหาร 18 ทั้งสิ้นหลายคน แต่มีการชิงดำกันแค่ 2 คนคือ บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ รอง ผบ.ทร. และบิ๊กตุ๋ย พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ เสนาธิการทหารเรือ
แม้ว่า พล.ร.อ.ลือชัย จะอาวุโสกว่า และเป็นรอง ผบ.ทร. จ่ออยู่แล้ว แถมมีอายุราชการถึงกันยายน 2563 มีความชอบธรรมทุกอย่างก็ตาม
แต่กลับมีแรงเชียร์ พล.ร.อ.พิเชฐ ให้ขึ้นเป็น ผบ.ทร. มหาศาล เพราะหากเทียบกับ พล.ร.อ.ลือชัย แล้ว ถือว่าเป็นนายทหารที่มีบุคลิกประนีประนอม ขณะที่ พล.ร.อ.ลือชัย นั้นเป็นคนแข็ง และตรง คล้ายๆ บิ๊กโชย พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ผู้เป็นพี่ชาย
แน่นอนว่า ในกองทัพเรือ ออกแนวจะกลัวเกรง พล.ร.อ.ลือชัย หากขึ้นมาเป็น ผบ.ทร. ทุกอย่างคงจะตึงเป๊ะ

แต่สถานการณ์ทางการเมืองในเวลานั้น ในสายตาของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร อาจมองว่า พล.ร.อ.ลือชัยเหมาะสมกับสถานการณ์แล้ว อีกทั้งอาวุโสและมีความชอบธรรม
แม้จะมีข่าวสะพัดแรงในทัพเรือว่า พล.อ.ประวิตรแฮปปี้กับ พล.ร.อ.พิเชฐ อย่างมาก โดยเฉพาะหลังจากที่เคยร่วมคณะไปเยือนสหรัฐอเมริกาด้วยกัน แถมเป็นนายทหารตัวเล็กเหมือนกัน
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า พล.ร.อ.ลือชัย คือนายทหารที่ทำโครงการเรือดำน้ำจีน ตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร และสานต่อมาจนปัจจุบัน ก็ยังคงรับผิดชอบโครงการนี้อยู่ แถมทั้งมีความสนิทสนมกับผู้นำทหารจีนอย่างมาก

อีกทั้งในเร็วๆ นี้ พล.อ.ประวิตรมีแผนจะไปเยือนจีน หลังจากที่มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งในกองทัพ และเปลี่ยน รมว.กลาโหมจีนคนใหม่ รวมทั้งติดตามความคืบหน้าของโครงการเรือดำน้ำด้วย
หากแต่ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงสนับสนุน พล.ร.อ.ลือชัย เป็น ผบ.ทร. ด้วยเพราะสนิทสนมกับทั้งพี่ชายและน้องชาย นอกเหนือจากเรื่องความสามารถและความตั้งใจในการทำงาน
ด้วยข้อมูลเหล่านี้ จึงทำให้คลื่นลมในกองทัพเรือ ยังคงไม่สงบนิ่ง เพราะยังคงมีแบ่งข้างกันเชียร์

แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ ผบ.เหล่าทัพที่จะเกษียณราชการในอีกแค่ 60 กว่าวัน จะไปไหน ทำอะไรกัน
ทั้งบิ๊กเข้ พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ปลัดกลาโหม ที่ก็เป็น ตท.18 และน้องรักสายทหารเสือราชินีของทั้ง 3 ป. ก็ลุ้นเก้าอี้รัฐมนตรีในกลาโหม
แม้ก่อนหน้านี้ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พี่รองในบูรพาพยัคฆ์ จะเชื่อว่า พล.อ.ประวิตรจะไม่ทิ้ง พล.อ.ประยุทธ์ ไปไหน แม้จะบอกว่า เมื่อหมดเทอมรัฐบาล คสช. แล้วจะพักผ่อน
“เดี๋ยวไว้รอดูกันอีกที ตอนนั้น เพราะก่อนหน้านี้ที่เรา 2 คนเข้ามา ก็เพราะนายกฯ อยากให้มาช่วย แล้วเราอยู่ด้วยกันมา” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว

จึงยังเชื่อว่า พล.อ.ประวิตรจะมาดูแลกองทัพและตำรวจให้ พล.อ.ประยุทธ์ในสมัยหน้าเช่นเคย
“พล.อ.ประวิตรท่านจัดกองทัพ และจัดวางตัวตำรวจของท่านมา ไม่มีใครดูแลทั้งกองทัพและตำรวจได้อย่างท่าน”
หรืออย่างน้อยที่สุด พล.อ.ประวิตร ก็อยู่เบื้องหลัง แล้วดันให้บิ๊กทหารน้องรักมาเป็น รมว.กลาโหมแทน ซึ่ง พล.อ.เทพพงศ์ ก็เป็นตัวเลือกหนึ่ง แถมเป็น ตท.18 รุ่นเดียวกับ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ด้วย
หรือแม้แต่อาจจะให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และควบ รมว.กลาโหม ด้วยตนเอง แล้วตั้งเป็น รมช.กลาโหม
ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ นั้น ให้อนาคตของตนเองอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์
“ถ้านายกฯ ให้ผมช่วย ผมก็ช่วย แต่ถ้านายกฯ จบ ผมก็จบด้วย” บิ๊กป๊อกระบุ
ขณะที่บิ๊กต๊อก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผบ.ทหารสูงสุด นั้น มีแผนที่จะออกบวชหลังเกษียณ ตามประสานายทหารใจบุญ ที่ชอบทำบุญ ไหว้พระ และนำเงินเดือน สนช. ไปสร้างบ้านให้คนยากจนตามแนวชายแดน

ส่วนบิ๊กนุ้ย พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผบ.ทร. ที่ก็เป็นน้องรักของนายกฯ บิ๊กตู่นั้น ก็มีข่าวสะพัดว่าอาจถูกดึงตัวมาช่วยงานโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อ เพราะต้องอาศัยกองทัพเรือ โดยเฉพาะการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ที่ไม่แน่ว่าอาจมีเก้าอี้รัฐมนตรีในสายคมนาคมรองรับ
ส่วนเตรียมทหาร 16 เพื่อน พล.ร.อ.นริส อีก 2 คน อย่างบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. และบิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ. ที่จะเกษียณนั้น ก็คาดว่าจะมีตำแหน่งสำคัญที่เป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูลรองรับ

จึงทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารครั้งนี้ เข้มข้น คึกคักในทุกเหล่าทัพ

เพราะแม้บางตำแหน่งดูจะลงตัวแล้ว แต่ทว่า ก็อาจมี “เซอร์ไพรส์” เพราะความไม่ลงตัวในบางตำแหน่ง
ที่หวาดหวั่นกันมากที่สุดคือ เพราะเป็นการโยกย้ายทหารก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง และปฏิบัติการ “ดูด” อดีต ส.ส.เข้าพรรคทหาร จึงมีนักการเมืองบางคน บางพรรค ที่สนิทสนมกับบิ๊กทหาร ยื่นเงื่อนไขแลกเปลี่ยนกับการยอมย้ายพรรคมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ แลกกับการสนับสนุนให้บิ๊กทหารได้ตำแหน่งสำคัญในกองทัพ

ที่ไปสอดรับการกระแสข่าวที่มีนายทหารอีสาน และนายทหารที่ใกล้ชิดกับ คสช. เดินสายเจรจาชักชวนให้อดีต ส.ส. ไปร่วมอุดมการณ์กับพรรคพลังประชารัฐ จนมีเสียงคุยโววงในว่า จะได้อดีต ส.ส. ไม่ต่ำกว่า 150 คน
ทั้งหมดนี้อาจทำให้เกิดสถานการณ์ไม่คาดฝันกับบางตำแหน่งในกองทัพเกิดขึ้นได้
เมื่อนั้น ก็อาจเกิดสถานการณ์เซอร์ไพรส์ตามมาในอนาคตก็ได้ หาก พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เลือกนายทหารน้องรัก เด็กในคาถามาคุมกองทัพ
ในขณะเดียวกัน หากบิ๊กทหารคนใดมาแบบไม่ถูกต้อง ก็อาจจะไม่กล้าแหงนหน้ามองฟ้าได้เลย…