ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 กรกฎาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์
AMERICAN ANIMALS
‘นี่ไม่ได้อิงเรื่องจริง…นี่เป็นเรื่องจริง’
กำกับการแสดง Bart Layton
นำแสดง Evan Peters Barry Keoghan Blake Jenner Jared Abrahamson Ann Dowd
ข้อความข้างต้นเป็นตัวหนังสือที่อ่านจากบนจอเมื่อตอนเปิดเรื่อง หลังจากอ้างข้อความเรื่องวิวัฒนาการของ “สัตว์ในอเมริกา” และหนังสือของชาร์ลส์ ดาร์วิน เจ้าของทฤษฎีวิวัฒนาการของสัตว์โลกอันโด่งดัง
และผู้กำกับฯ บาร์ต เลย์ตัน ใช้ช็อตแบบหนังสารคดีที่สัมภาษณ์บุคคลในชีวิตจริงที่เป็นตัวละครหลักในหนัง มาแทรกอยู่ในการเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ใช้นักแสดงอาชีพแสดงแทนบุคคลในชีวิตจริง ซึ่งสูงวัยกว่า เนื่องจากกาลเวลาผ่านไปแล้วสิบสี่ปี
เหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม ค.ศ.2004 ที่มหาวิทยาลัยทรานซิลเวเนีย เมืองเล็กซิงตัน รัฐเคนทักกี ประเทศสหรัฐอเมริกา
พยานที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมทั้งพ่อแม่ผู้ปกครองและอาจารย์ที่รู้จักคนกระทำผิดเหล่านี้ ล้วนบอกว่าเด็กหนุ่มพวกนี้ไม่มีวี่แววอะไรให้รู้ล่วงหน้าเลยว่าจะก่อเหตุแบบนี้ขึ้น ไม่เคยมีประวัติเกเร ไม่มีทีท่าใดๆ ว่าเดือดร้อนเรื่องการเงิน พวกเขามาจากครอบครัวชนชั้นกลางของคนผิวขาวที่ไม่ได้ยากจนขาดแคลน
อยู่ๆ วันดีคืนดี ในช่วงสอบปลายภาคการศึกษาก่อนหยุดคริสต์มาส เด็กหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย 4 คนก็ลงมือปล้นสมบัติล้ำค่าอันมีมูลค่ามหาศาลในห้องสมุดมหาวิทยาลัยอย่างอุกอาจ ตอนกลางวันแสกๆ
สเปนเซอร์ ไรน์ฮาร์ด (แบร์รี่ เคโอแกน ที่ชวนขนลุกอย่างยอดเยี่ยม จาก The Killing of a Sacred Deer) กับวอร์เรน ลิปกา (เอแวน ปีเตอร์ส) เป็นเพื่อนที่มีนิสัยคนละขั้วแบบที่ไม่น่าจะคบกันได้
สเปนเซอร์มีหัวทางศิลปะ เป็นคนอ่อนไหว เงียบๆ และดูเป็นเด็กหัวอ่อน ความประพฤติดี อยู่กับร่องกับรอย และกำลังสมัครเข้าเรียนหลักสูตรศิลปกรรม
ส่วนวอร์เรนได้ทุนการศึกษาของนักกีฬามหาวิทยาลัยในแถบนั้น เป็นคนหุนหันพลันแล่น และพ่อแม่กำลังอยู่ในช่วงของการหย่าร้าง
สเปนเซอร์เอาความคิดเรื่องหนังสือล้ำค่าในห้องเก็บหนังสือหายากที่อยู่ในความดูแลของบรรณารักษ์สาวใหญ่เพียงคนเดียวในหอสมุดมหาวิทยาลัย มาเล่าให้วอร์เรนฟัง
กลุ่มนักศึกษาที่มีสเปนเซอร์รวมอยู่ด้วยเข้าเยี่ยมชมหอสมุดในห้องเก็บหนังสือหายาก โดยมีเบตตี้ จีน กูช (แอนน์ ดาวด์ จาก Hereditary ที่เพิ่งเขียนถึงไปสดๆ ร้อนๆ นี้เอง) เป็นบรรณารักษ์ผู้นำชม
สมบัติล้ำค่าของหอสมุดคือหนังสือรวมภาพเขียนรูป “นกของอเมริกา” ในยุคบุกเบิกเรื่องชีวิตสัตว์ป่า ฝีมือจอห์น เจมส์ โอดูบอน ซึ่งเป็นหนังสือขนาดมหึมา ตั้งโชว์อยู่ในตู้กระจกปิดกุญแจอย่างโดดเด่นอยู่กลางห้องหนังสือหายาก ซึ่งประเมินมูลค่าไว้ที่ 12 ล้านเหรียญสหรัฐ
ยังไม่นับหนังสือหายากอื่นๆ เช่น The Origin of Species ฉบับพิมพ์ครั้งแรกของชาร์ลส์ ดาร์วิน ที่มีมูลค่าหลายแสนดอลลาร์
วอร์เรนและสเปนเซอร์เป็นต้นคิดสองคนแรก แต่จากคำสัมภาษณ์จากความจำที่มองเห็นรายละเอียดในอดีตผิดแผกแตกต่างกันไป เราไม่รู้ว่าใครเป็นคนออกไอเดียในเรื่องโจรกรรม
ทั้งสองหนุ่มหาหนังเกี่ยวกับการวางแผนโจรกรรม อย่างเช่น Ocean’s 11 และ Reservoir Dogs มาดูเพื่อศึกษา ดูลาดเลาสังเกตการณ์กิจวัตรการทำงานและความเคลื่อนไหวของคนที่หอสมุด ตลอดจนวาดภาพผังพื้นที่ในหอสมุด เพื่อหาทางหนีทีไล่เหมือนอย่างการวางแผนปล้นในหนัง
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองยังมองหาช่องทางความเป็นไปได้ของผู้ที่จะรับซื้อสมบัติล้ำค่าที่ผิดกฎหมาย ถึงขั้นที่เดินทางไปติดต่อกับตลาดต่างประเทศในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งจะยอมรับซื้อก็ต่อเมื่อมีใบรับรองว่าเป็นของแท้จากสถาบันใหญ่ๆ อย่างเช่นบริษัทคริสตี้ส์ ที่จัดประมูลของโบราณ
ในที่สุดทั้งสองก็ตระหนักว่าต้องการผู้ร่วมงานเพิ่มขึ้นอีกสองคน เพื่อให้การโจรกรรมลุล่วงไปได้ โดยจะต้องมีแรงงานอีกหนึ่งคนช่วยลำเลียงหนังสือที่หนักอึ้งออกจากห้อง รวมทั้งคนขับรถที่จอดรออยู่เพื่อพร้อมจะขับหนีไปได้ทันที ขณะที่สเปนเซอร์คอยดูต้นทางให้
ในการนี้ เอริก บอร์ซุก (จาเร็ด เอบราแฮมสัน) นักศึกษาการบัญชีที่ใฝ่ฝันจะสมัครเข้าเอฟบีไอ และแชส อัลเลน (เบลก เจนเนอร์) ผู้มีฐานะการเงินค่อนข้างมั่นคงอยู่แล้ว ได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมทีม
เมื่อใกล้เวลาปฏิบัติการเข้ามา ความตึงเครียดและการทะเลาะเบาะแว้งก็เริ่มทวีขึ้นในหมู่โจรผู้อ่อนหัดทั้งหลาย และแผนการที่วางไว้อย่างดีก็เจอเข้ากับอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ ต่างๆ นานา ทุกคนพร้อมจะสติแตกกระเจิดกระเจิงจนนึกอยากถอนตัวอยู่ทุกช่วงทุกตอน
ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของแผนคือการลงมือในช่วงการสอบปลายภาค ซึ่งจะทำให้ทุกคนมีพยานที่อยู่ในห้องสอบ รวมทั้งการปลอมตัวเป็นคนสูงอายุแปลกหน้าที่เข้ามาใช้บริการของห้องสมุด
ความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ ล้วนเกิดขึ้นจริงแทบทุกขั้นตอน และที่สำคัญที่สุดคือการจัดการกับบรรณารักษ์สาววัยกลางคนที่ไม่ยอมหมดสติจากปืนจี้ไฟฟ้า หนุ่มพวกนี้ไม่ใช่คนโหดเหี้ยมและหยาบกระด้าง จึงไม่มีใครใจเหี้ยมหาญยอมทำให้ตัวเองมือสกปรกจากการทำร้ายคนบริสุทธิ์
หนังเล่าเรื่องได้อย่างน่าสนใจทุกช่วงทุกตอน โดยเฉพาะการแทรกฉากบุคคลในชีวิตจริง–แต่ต่างวัย-กับตัวละครในเรื่อง และการวางแคแร็กเตอร์อย่างฉลาดและชัดเจนโดยไม่ทำให้สับสนว่าใครเป็นใครในกลุ่มหนุ่มทั้งแปดคนที่เกี่ยวข้องนี้
สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงเหตุผลของการโจรกรรมครั้งนี้ มุมมองของผู้อยู่ในเหตุการณ์แตกต่างกันไปในรายละเอียดและทัศนคติ แม้แต่ว่าบางเรื่องเกิดขึ้นจริงหรือเปล่าก็ยังเป็นที่สงสัย แม้ในหมู่พรรคพวกกันเอง
ข่าวว่าผู้กำกับฯ บาร์ต เลย์ตัน อยากได้บางฉากจากหนังเรื่อง Ocean’s 11 มาใช้ในหนังของเขา แต่ไม่ได้รับอนุญาต และตอนนี้เมื่อได้ดูหนังแล้ว สตีเวjน โซเดอร์เบิร์ก ผู้กำกับ Ocean’s 11 กำลังนึกเสียดายที่ไม่ได้อนุญาตเสียในตอนนั้น เพราะหนังเรื่องนี้จะต้องกลายเป็นหนังคลาสสิคเรื่องหนึ่งในแง่ของความแปลกใหม่ที่ให้ไว้แก่วงการในการใช้เทคนิคของหนังสารคดีที่สัมภาษณ์จากบุคคลจริงมาผสานไว้ในการดำเนินเรื่อง
ที่สุดของที่สุดแล้ว บทเรียนที่พึงได้จากหนังเรื่องนี้คือ
“โจรกรรมสมบูรณ์แบบเป็นเรื่องที่มีอยู่แต่ในนิยายเท่านั้น”