ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 กรกฎาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ |
ผู้เขียน | หนุ่มเมืองจันท์ |
เผยแพร่ |
ผมก็คงเหมือนกับคนไทยทั่วประเทศที่เอาใจช่วย “ทีมหมูป่า” ทั้ง 13 คน
ติดตามทั้งข่าวโทรทัศน์และโซเชียลมีเดีย
วินาทีที่เด็กคนแรกออกจากถ้ำ
ผมชูมือร้อง “เย้” เหมือนกับตอนทีมบอลที่เชียร์ยิงประตูได้
ประมาณนั้นเลย
เหตุผลที่ดีใจมีอยู่ 2 เรื่องครับ
เรื่องแรก เด็กปลอดภัย
เรื่องที่สอง ดีใจที่เด็กออกมาทันดูบอลโลก
เรื่องนี้เรื่องใหญ่นะครับ
อย่าลืมว่าเด็กกลุ่มนี้คือทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี
มั่นใจได้เลยว่าทุกคนชอบดูบอล
และ “ฟุตบอลโลก” คือสุดยอดของเกมฟุตบอล
พลาดครั้งนี้ต้องรออีก 4 ปี
ตอนอยู่ในถ้ำ ทีมหมูป่าคงนึกในใจ
ติดถ้ำตอนไหนก็ไม่ติด
มาติดตอนฟุตบอลโลก
และถ้าตอนติดถ้ำมีโทรศัพท์มือถือและบังเอิญรับสัญญานอินเตอร์เน็ตได้
บางทีวันที่นักประดาน้ำชาวอังกฤษโผล่ขึ้นมาเห็น “หมูป่า” 13 คน
แทนที่เขาจะเจอเด็กทุกคนนั่งหงอยๆ บน “เนินนมสาว”
เขาอาจโผล่ขึ้นมาแล้วได้ยินเสียงน้องๆ ตะโกนเชียร์บอลอยู่ก็ได้
หรือเรื่องหนึ่งที่ผมอยากรู้ คือ ตอนที่น้องๆ นอนอยู่โรงพยาบาล
ตรงกับรอบรองชนะเลิศ
“ฝรั่งเศส-เบลเยียม”
และ “อังกฤษ-โครเอเชีย”
น้องๆ คงรบเร้าอยากดู
ผมอยากรู้ว่าคุณหมอจะอนุญาตให้เด็กๆ ดูบอลหรือเปล่า
เรื่องแบบนี้สัปดาห์ที่แล้วเขียนไม่ได้นะครับ
แต่ตอนนี้เด็กปลอดภัย
เขียนเล่นได้แล้ว 555
มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมชอบมากจากวิกฤตครั้งนี้
คือ ความงดงามบริเวณ “ถ้ำหลวง”
ท่ามกลางวิกฤต เราเห็น “ดอกไม้” แห่ง “น้ำใจ” บานสะพรั่งอยู่ที่นี่
สถานการณ์แม้จะเลวร้าย แต่กลับทำให้เรามี “ความหวัง” ต่อโลกใบนี้
วันที่คน ณ จุดใดในโลกเดือดร้อน
ทุกคนพร้อมที่จะยื่นมือมาช่วยเหลือ
ผมชอบคำสัมภาษณ์ของ “จอห์น โวลันเธน” นักประดำน้ำชาวอังกฤษที่เป็นคนแรกที่พบเจ้า “หมูป่า”
เขาบอกว่าเขาดำน้ำด้วยความหลงใหลและสงสัยมาตลอดว่าทั้งหมดนี้ทำไปเพื่ออะไร
“จนกระทั่ง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คือคำตอบของทุกอย่างที่ฉันทำมาทั้งชีวิต”
ก้มหัวคารวะเลยครับ
ในภาพข่าวเราอาจจะเห็น “ตัวละคร” ที่คุ้นตาซึ่งทุกคนทุ่มเทกับงานนี้อย่างเต็มที่
ไม่ว่าจะเป็นคุณณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย
คนนี้สุดยอดจริงๆ
หรือนักประดาน้ำจากทั่วโลก
หน่วยซีลของกองทัพเรือ
ทหาร-ตำรวจและคนจากหน่วยงานต่างๆ แล้ว
แต่ในสถานการณ์จริง ยังมีคนตัวเล็กๆ มากมายที่เข้ามาช่วยกัน
จำได้ไหมครับว่าตอนแรก ทุกคนคิดแต่จะสูบน้ำออกจากถ้ำ
แต่สูบเท่าไรก็ไม่ลด
เพราะมีน้ำใหม่เติมเข้าไปตลอดเวลา
ผมชอบ “วิธีคิด” ของการแก้ปัญหาครั้งนี้
เมื่อปัญหานี้เป็นเรื่องใหม่ ไม่มีสูตรสำเร็จในการแก้ปัญหา
วิธีการที่ดีที่สุด คือ คิดให้รอบด้านที่สุด
แล้วลงมือทำทุกอย่าง ก่อนจะประเมินผลเป็นระยะๆ
ภาพของทีมงานขุดเจาะบาดาลที่เข้ามาช่วยเพื่อลดน้ำใต้ดิน
หรือทีมที่ขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อเบี่ยงทางน้ำ
เจอน้ำตรงไหนที่ไหลเข้าถ้ำก็หาทางเบี่ยง
สร้างกำแพงดิน ใส่ท่อเบี่ยงทางน้ำ
มีทีมหนึ่งท่อหมด ถ้ากลับลงมาก็ขึ้นไปไม่ทันเพราะค่ำแล้ว
เขาก็ตัดต้นไผ่เอามาแทนท่อน้ำ
หรือทีมงานเครื่องสูบน้ำพญานาคจากจังหวัดหนึ่งแถบภาคกลาง
อยากนำเครื่องมาช่วย
ผมเจอเรื่องนี้ในเฟซบุ๊กของทีมงานอาสากู้ภัย
เขามีการประสานงานครับ
รถเทรลเลอร์บรรทุกท่อขนาดใหญ่วิ่งผ่านจังหวัดไหน
ทีมงานอาสากู้ภัยจังหวัดนั้นจะรับนำขบวนเปิดไฟนำทางให้
มีการบอกต่อกันเป็นช่วงๆ
ถึงจังหวัดนี้แล้ว รับต่อด้วยนะ
เพราะทุกคนรู้ว่าทุกวินาทีมีความหมาย
ยังมีเรื่องของ “คนตัวเล็ก” ที่มากด้วยน้ำใจอีกหลายคน
งานในถ้ำเป็นงานที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญ
คนจำนวนมากอยากช่วยแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร
เมื่อช่วยทางตรงไม่ได้
ก็ขอช่วยทางอ้อม
เรื่อง “อาหาร” ชัดเจนที่สุด
เป็นงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่อาหารครบถ้วนสมบูรณ์
จะกินอะไร มีหมด
แต่บางมุมเป็นเรื่องที่นึกไม่ถึง
อย่างเช่น “รวินท์มาศ ลือเลิศ” เจ้าของร้านซักรีดที่เชียงราย
เห็นอาสาสมัครต้องใส่เสื้อผ้าที่เปื้อนโคลน
เธอก็ประกาศรับซักรีดเสื้อผ้าให้อาสาสมัครทุกคนฟรี
นโยบายง่ายๆ คือ อยากให้อาสาสมัครมีเสื้อผ้าที่สะอาดใส่ในขณะปฏิบัติงาน
หรือชาวบ้านแถบนั้นบางคนไม่รู้จะช่วยอะไร
ก็เข้าไปช่วยล้างห้องน้ำ
บางคนก็รับนวดผ่อนคลายให้อาสาสมัคร
เห็นอะไรทำได้ก็ทำเลย
แต่ที่ผมชอบที่สุดคือ หลังจากเด็กกลุ่มแรกได้รับการช่วยเหลือออกจากถ้ำ
หลายจังหวัดเลยครับที่มีการทำพิธีแก้บน
คือ อยู่ก็ไกล ไม่รู้จะช่วยอะไร
“บน” ดีกว่า
บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือ
ถ้าเด็กออกมาจะเลี้ยงอาหาร หรือทำโน่นทำนี่
เป็นการแสดงน้ำใจแบบ “วิถีโค้ง” ครับ
หลังจบงานนี้แล้วผมเชื่อว่าคนไทยก็จะเริ่มสรุปบทเรียน
เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นบอกอะไรกับเราบ้าง
คนไทยไม่สรุปยาวครับ
เราจะสรุปสั้นๆ
เป็น “เลข” แค่ 2 ตัว
วันที่ 16 นี้…รวย