อภิญญ ตะวันออก / วี 11-จัน วัฒนากา : เครื่องจักรสังหารที่ขาดกลยุทธ์

แม้สมาคมฟุตบอลตามสมาพันธ์เอเอฟซีกัมพูชาจะถือกำเนิดตั้งแต่ปี พ.ศ.2525/1982 แต่การแข่งขันฟุตบอลอาชีพกัมพูชาก็เพิ่งจะกลับมาครองใจประชาชนทุกเพศวัยในช่วงกึ่งครึ่งทศวรรษมานี้ เมื่อนักฟุตบอลทีมชาติกัมพูชาคนหนึ่งได้สร้างผลงานเป็นที่ปรากฏ และเด็กหนุ่มคนนั้นคือ จัน วัฒนากา – ศูนย์หน้าดาวรุ่งกัมพูชาวัย 23 นักเตะที่แจ้งเกิดครั้งแรกในช่วงเวิลด์คัพ 1998

กัมพูชาปีนั้นดูจะประสบกับกระแสฟุตบอลโลกพร้อมๆ กับการเลือกตั้งที่เงียบงัน แต่พรรคประชาชนกัมพูชาได้รับชัยชนะและจัน วัฒนากา ผู้บิดาซึ่งเป็นข้าราชการ ได้เล่าถึงประสบการณ์ของลูกชายที่ไม่มีวันลืมครั้งหนึ่งขณะที่จัน วัฒนากาน้อยมีอายุเพียง 4 ขวบ และติดตามบิดาไปเวียดนาม เขาได้รบเร้าจะเอาถ้วยรางวัลซึ่งมีสัญลักษณ์ลูกฟุตบอลในร้านขายของที่ระลึกแห่งหนึ่งของกรุงฮานอย

ไม่เท่านั้น ยังพบว่า เมื่อวัฒนากาน้อยได้ถ้วยมาครอบครองแล้ว เขาก็กลายเป็นเด็กที่ว่าง่ายอยู่ง่าย และไม่สนใจเล่นอื่นๆ อีกเลย

เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้พ่อของเขาประหลาดและสังเกตว่าลูกชายของตนดูจะมีอาการบ้าบอลตั้งแต่ยังวัยกะเม็งเด็กน้อย

และดูเหมือนตั้งแต่จำความได้ ของเล่นอย่างเดียวที่จัน วัฒนากา หลงใหลเล่นอย่างไม่รู้เบื่อจนไม่หันเหไปหาสิ่งอื่น นั่นก็คือ การเล่นฟุตบอล

กระทั่งจันผู้พ่อเริ่มเห็นทักษะในลูกชาย

 

ด้วยรูปร่างเล็กบางปราดเปรียว แต่จัน วัฒนากา กลับมีพิษสงด้านความเร็วและยิงประตู ท่ามกลางคู่ต่อสู้ซึ่งเป็นเด็กรุ่นโตกว่า กระทั่งเขามีโอกาสเล่นให้กับสโมสรแนวหน้าของฟุตบอลลีกกัมพูชา กระทั่งติดสโมสรบึงเกตองกอร์ ทีมที่เขาสามารถสร้างปรากฏการณ์พิเศษต่อวงการลีกแขฺมร์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ไม่ว่าจะเป็นสถิติจำนวนการทำประตูสูงสุดตลอดการเล่นให้สโมสรที่น่าจดจำและยังไม่มีใครทำได้ นอกเหนือจากการเป็นนักเตะอาชีพที่มีอายุน้อยขณะนั้น

จัน วัฒนากา ยังสร้างกระแสความนิยมการดูบอลของชาวเขมรจนเกิดฉายา “วี 11” หรือ “ซีวี 11” ที่ย่อมาจากชื่อและเบอร์เสื้อที่เขาสวมใส่ รวมทั้ง “แมสซี่วี-แมสซี่แขฺมร์” ที่บ่งถึงความเป็นดาวเด่นของนักเตะศูนย์หน้ารายนี้

 

ตั้งแต่ฉายแววเป็นเครื่องจักรสังหารในการทำประตูในฟุตบอลลีกและทีมชาติ ขณะที่เด็กหนุ่มเขมรวัยเดียวกันเพิ่งจะสอบวัดผลระดับมัธยมนั้น ชื่อ-วี 11 ดูจะกลายเป็นหนึ่งเดียวของจัน วัฒนากา จากสถิติมากมายที่น่าจะจำ

ตั้งแต่ 6 ประตูในแมตช์เดียวที่เขาเคยยิงได้ในฟุตบอลสโมสร และเอฟเอคัฟ 2015 ที่ไปชนะลาว

ไม่เท่านั้น จัน วัฒนากา ยังเป็นนักเตะคนเดียวขณะนี้ที่ยิงให้บึงเกตองกอร์กว่าหนึ่งร้อยสิบประตู ก่อนจะออกไปค้าแข้งในต่างแดน

มันเป็นสูตรสำเร็จที่ฟุตบอลดาวรุ่งทั้งหลายจะถูกผลักดันให้ไปหาประสบการณ์ในสโมสรใหญ่ของประเทศระดับนำ และจัน วัฒนากา ดูจะมีภาษีไม่น้อย ที่เขาได้รับความสนใจจากหลายสโมสรรวมทั้งไทยลีกตลอดช่วง 2 ปีมานี้

แต่ในที่สุด วี 11 ก็ตัดสินใจไปไล่ล่าความฝันที่ประเทศญี่ปุ่นกับสโมสรฟูจิเอดะเอ็มวายเอฟซีในเจลีก 3 ของฤดูกาล 2017

แม้จะไม่ใช่ลีกสูงสุดของญี่ปุ่น แต่สำหรับชาวกัมพูชา นี่มันเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจนัก ต่อการที่นักเตะของตนไปค้าแข้งในต่างประเทศ

นับว่าจัน วัฒนากา มีส่วนสร้างความตื่นตัวต่อวงการฟุตบอลเขมรอย่างมีนัยยะสำคัญ ที่จัน วัฒนากา เป็นเสมือนผู้เปิดโอกาสแห่งความสำเร็จนั้น

แต่มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับเจลีก คือการที่วี 11 ต้องนั่งอยู่คอกตัวสำรองตลอดเกือบซีซั่นเจลีก และถูกส่งตัวลงสนามเพียงครั้งเดียวราว 7 นาที ตลอดทั้งฤดูกาลที่จัน วัฒนากา ไปญี่ปุ่น ดูเหมือนเขาได้เครดิตจากการฝึกซ้อมที่สร้างความเดือดดาลแก่แฟนคลับซี 11 ทั่วกัมพูชา

ความกระหายของชาวเขมรที่จะเห็นจัน วัฒนากา ลงเล่นเต็มเวลา 90 นาทีในสนามแข่งขันของแดนปลาดิบ

แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นเลย เมื่อฮีโร่ของตนกลับกลายเป็นคนไร้เงา

ที่ซ้ำร้ายกว่านั้น คือการที่พวกเขาต้องทนดูจัน วัฒนากา ใช้เวลาว่างไปกับอาหารกลางวันกับนักการเมืองคนดังที่ไปเยือนญี่ปุ่น

รวมทั้งสมเด็จเดโชฮุน เซน

 

“ผมรู้แล้วว่าเจลีกนั้นสูงเกิน” วี 11 สารภาพ

กระทั่งต้นฤดูกาล 2018 จัน วัฒนากา ก็ตกเป็นข่าวโด่งดังในโซเชียล เมื่อสโมสรปาหังเอฟซีแห่งลีกมาเลย์ได้ซื้อตัวเขาเข้าสังกัดด้วยค่าเหนื่อยสูงสุดต่อเดือนที่ 16,000 เหรียญสหรัฐ ไม่รวมรถยนต์ ที่พัก และเงินประกันสุขภาพ

นับเป็นสถิติรายได้สูงสุดที่เคยปรากฏในประวัติการณ์ของวงการฟุตบอลอาชีพกัมพูชา

แต่เพียงครึ่งฤดูกาลสโมสรปาหังฯ ก็ปล่อยตัววี 11 กลับประเทศ ด้วยผลงานที่ไม่น่าประทับใจ

จัน วัฒนากา ถูกนักเลงคีย์บอร์ดทั่วกลุ่มอาเซียนรุมวิพากษ์ถากถางและตั้งข้อสงสัยต่อความสามารถในฐานะนักเตะเกรดเอ ที่มีผลงานไม่ต่างจากนักเตะท้องถิ่น

นอกจากนี้ ฟุตบอลลีกกัมพูชานั้นก็ดูจะยังต่ำกว่ามาตรฐาน เมื่อเทียบกับฟุตบอลลีกของบางประเทศในอาเซียน

จัน วัฒนากา ดูจะถูกกระหน่ำด้วยฝันร้ายลงไปอีกเมื่อเขากลับบ้าน และไม่ประสบความสำเร็จที่จะไปเล่นในสโมสรนอกบ้านระหว่างรอการซื้อขายในเลก 2 อีกครั้ง แม้จะมีข่าวลือว่าเขาจะไปเล่นให้สโมสรของไทยลีก หรือมิฉะนั้นก็เป็นลีกในสิงคโปร์ แต่ในที่สุด สโมสรบึงเกตองกอร์ก็ประกาศศูนย์หน้าเบอร์ 11 คนใหม่ ซึ่งก็คือจัน วัฒนากา นัยว่าเพื่อคลายความวิตกกังวลต่อแฟนบอล ต่อข่าวลือมากมาย นับแต่วันที่เขาออกจากสโมสรปาหังฯ

“สำหรับผมแล้ว สิ่งที่สบายใจคือผมได้ทำหน้าที่อย่างถึงที่สุดแล้ว ส่วนอะไรที่จะต้องทำต่อไป ผมก็จะพยายามมุ่งมั่นต่อไป มันคือบททดลองของชีวิตที่เราจะต้องเดินไป ไม่มีอะไรหยุดยั้งผมได้ ผมต้องการที่ ชนะและไม่อยากจะพ่ายแพ้ แม้จะเหนื่อย จะหนัก จะยากลำบากเพียงใด ผมก็จะต่อสู้ อดทน”

จัน วัฒนากา ประกาศต่อแฟนๆ ในเฟซบุ๊กที่ต่างให้กำลังใจต่อเขาอย่างล้นหลาม เช่น “ผ่านไปให้ได้นะซี 11” “ดีแล้วที่เล่นในบ้าน” “นานแค่ไหนแล้วที่พวกเราไม่ได้เห็นการเล่นของเขา” ฯลฯ

 

ย้อนไป 20 ปีก่อน ตอนที่เวิลด์คัพเริ่มต้นและทำให้เด็กน้อยคนหนึ่งหลงใหลอย่างมากต่อกีฬาประเภทนี้

เด็กน้อยคนนั้นคือ จัน วัฒนากา ที่แม้วันนี้มหกรรมฟุตบอลโลกจะเวียนกลับมาอีกครั้ง และเด็กน้อยคนนั้นได้กลายเป็นนักฟุตบอลคนดังของเขมรไปแล้ววันนี้

สำหรับวี 11 ผู้กอดถ้วยความสำเร็จแห่งชัยชนะที่เขาแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและความพยายาม แต่เส้นทางอาชีพของจัน วัฒนากา วันนี้ ดูเหมือนบทพิสูจน์จากความสำเร็จจากต้นสังกัดเดิมดูจะไม่อาจมอบประสบการณ์ความเป็นนักฟุตบอลอาชีพระดับอาเซียนแก่ตนได้

ตราบใดที่ต้นสังกัดและวี 11 เองไม่พร้อมจะยอมรับความจริงข้อหนึ่งในโลกของฟุตบอลอาชีพ ว่าเต็มไปด้วยการแข่งขัน ซึ่งลำพังพรสวรรค์และความมุ่งมั่นอย่างเดียวคงไม่พอ

คงต้องไม่ลืมว่า กลยุทธ์ การวางแผนทางการตลาดและ “ดีล” ที่ไม่ใช่แค่การขายหรือราคาค่าตัวของบรรดานักเตะ ล้วนแต่คือสิ่งที่ตัวแทนและสโมสรนั้นๆ จะต้องเรียนรู้อย่างถึงที่สุด เพื่อการเติบโตต่อไปของนักเตะและสโมสรต้นสังกัด ซึ่งตัวอย่างความสำเร็จนี้ มีให้เห็นแล้วจากกรณีอ่อง ทู แห่งเมียนมา

หากบึงเกตองกอร์จะเห็น และจัน วัฒนากา จะเรียนรู้