ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 8 - 14 กรกฎาคม 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | หน้า8 |
เผยแพร่ |
ในจังหวะที่ “พีซทีวี” ของคนเสื้อแดงถูกปิด
คสช. กดดันไม่ให้ฝ่ายคัดค้านรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกมาเคลื่อนไหว
พอ “ฝ่ายต้าน” สงบเงียบ
“เรือดำน้ำ” ของกองทัพเรือก็โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ
เมื่อคณะกรรมการกองทัพเรือลงมติเป็นเอกฉันท์เสนอให้จัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนจำนวน 3 ลำ
ลำละ 12,000 ล้าน
รวมเป็นเงิน 36,000 ล้านบาท
ว่ากันว่าเรือดำน้ำของจีนรุ่นนี้ทันสมัยมาก
ทันสมัยระดับที่ไม่เคยมีประเทศไหนเคยใช้มาก่อน
ไทยเป็นประเทศแรกของโลกที่เป็นเจ้าของเรือดำน้ำรุ่นนี้
การตัดสินใจครั้งนี้จึงยืนอยู่บนเส้นบางๆ ที่คั่นกลาง
ระหว่าง “ผู้นำแฟชั่น”
หรือ “หนูทดลอง”
เมื่อมีคนถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่าทำไมต้องซื้อเรือดำน้ำจากจีน
นอกเหนือจากเหตุผลเรื่องราคาถูก ทันสมัยแล้ว
คำตอบหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ตอนนี้เราซื้อเรือดำน้ำจากสหรัฐอเมริกาไม่ได้
พล.อ.ประวิตร ไม่ได้อธิบายเหตุผล
แต่รู้กันดีว่าสหรัฐอเมริกามีนโยบายชัดเจนที่จะไม่ขายอาวุธให้กับประเทศที่มีการยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลประชาธิปไตย
จากกรณีนี้มี 2 คำถามที่น่าสนใจ
คำถามแรก ทำไมเราต้องซื้อเรือดำน้ำจากจีนถึง 3 ลำ
เพราะตามปกติการซื้อสินค้าใหม่เอี่ยมที่ไม่เคยมีใครทดลองใช้มาก่อน
เราควรจะใช้เงินอย่างระมัดระวัง
แค่ตัดสินใจซื้อก็เสี่ยงแล้ว
ทำไมต้องซื้อถึง 3 ลำ
อย่าลืมว่าเงินที่ซื้อเรือดำน้ำ 1 ลำ
สร้างทางรถไฟฟ้าได้ 1 สาย
ซื้อข้าวจากชาวนาได้ 1 ล้านตัน
อย่าลืมว่าในอดีต เราเคยเจ็บปวดจากแนวคิดทันสมัยนำแฟชั่นมาแล้วครั้งหนึ่ง
ซื้อ “เรือเหาะ” มาปราบโจร
คําถามที่สอง ทำไมต้องซื้อวันนี้
วันที่ประเทศไทยมี “ทางเลือก” น้อย
คิดง่ายๆ ตาม “โรดแม็ป” ถ้ารออีก 1 ปี ประเทศไทยจะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง
กองทัพเรือก็จะมี “ทางเลือก” ในการจัดซื้อ “เรือดำน้ำ” เพิ่มมากขึ้น
อย่างน้อยก็มี “สหรัฐอเมริกา” อีกประเทศหนึ่ง
เรือดำน้ำใช้เวลาต่อเรือประมาณ 5 ปี
และต้องใช้ไปอีกเป็น 10 ปี
ถ้าคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ
คิดถึงเงินภาษีอากรของประชาชน
รออีก 1 ปี จะมีอะไรเสียหาย
หรือว่า…