บทความพิเศษ / นงนุช สิงหเดชะ/ปักหมุดคำพูด ‘ทักษิณ’ ประชาธิปไตย ‘ไม่ใช่สิ่งสำคัญสูงสุด’

บทความพิเศษ /  นงนุช สิงหเดชะ

 

ปักหมุดคำพูด ‘ทักษิณ’

ประชาธิปไตย ‘ไม่ใช่สิ่งสำคัญสูงสุด’

 

อาจจะนับเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ สำหรับการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ชัดเจนของทักษิณ ชินวัตร โดยประกาศว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งแน่นอน หลังจากทำตัวเงียบมานาน โดยที่ผ่านมาแม้จะเคลื่อนไหวผ่านโซเชียลมีเดียอยู่หลายครั้ง แต่มักหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงการเมือง

ครั้งแรกที่เปิดหน้าชน คสช. ก็เมื่อคราวที่ทักษิณและยิ่งลักษณ์ไปเยือนญี่ปุ่นเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อร่วมเปิดงานหนังสือของอดีตรัฐมนตรีมหาดไทยญี่ปุ่น คราวนั้นทักษิณบอกว่าพรรคของเขาจะชนะได้เก้าอี้ 220-230 ที่นั่ง

ครั้งที่สอง เป็นต้นเดือนพฤษภาคม เมื่อ ส.ส.เพื่อไทยราว 50 คนบินไปสิงคโปร์ กินเลี้ยงโต๊ะจีนที่ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์จัดไว้ให้ ครั้งนั้นทักษิณย้ำอีกว่าจะชนะเลือกตั้งแน่นอน

ครั้งล่าสุดคือ 21-22 มิถุนายนที่ผ่านมา ถือว่าแรงที่สุดเพราะมีการพูดจาทิ่มแทง คสช. แบบตรงๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้ง

 

การเปิดหน้าชน คสช. เกิดขึ้นในโอกาสที่เขาจัดงานวันเกิดครบรอบ 51 ปีให้กับยิ่งลักษณ์ที่ลอนดอน ซึ่งเป็นห้วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปเยือนอังกฤษ พบปะกับนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีเมืองผู้ดีพอดี

สถานะการเป็น “พี่น้องแพ็กคู่” ที่ต้องลี้ภัยอยู่นอกประเทศและควงคู่กันบินไปโผล่ที่นั่นที่นี่ ประจวบกับใกล้ถึงฤดูเลือกตั้ง และการเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐเริ่มเข้มข้นขึ้นทุกขณะ เนื่องจากคนที่เคยอยู่ใต้ชายคาของคุณทักษิณ ทั้งสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สมศักดิ์ เทพสุทิน จะมาซบพลังประชารัฐ ซึ่งชัดเจนว่าจะเป็นพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ให้นั่งนายกฯ ต่อไป

ทำให้คุณทักษิณโกรธแค้นและหวั่นไหว เพราะอดีต ส.ส. พรรคของทักษิณเริ่มจะย้ายมาอยู่กับพลังประชารัฐเสมือนรู้ทางลม จนมีการปล่อยข่าวจากพรรคเพื่อไทยว่ามีการใช้เงินจำนวนมากมาล่อ มาดูดอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยไปอยู่ด้วย

เมื่อทักษิณโกรธแค้น ก็จะปลดปล่อยออกมาอย่างที่เห็น คือออกมาขู่อดีต ส.ส. ทำนองว่าถ้าใครย้ายพรรคสอบตกแน่ คล้ายกับจะมั่นใจว่ายี่ห้อทักษิณยังขายได้ คนจะเลือกที่พรรค ไม่ใช่เลือกที่ตัวบุคคล

พูดอีกอย่างก็คือ พรรคเพื่อไทยขึ้นกับกระแสทักษิณคนเดียว ส.ส. ไม่สามารถจะพึ่งพาความสามารถของตัวเองเพื่อโดดเด่น เป็นได้เพียงดาวเคราะห์ที่ต้องอาศัยแสงสว่างจากคนอื่น

ทักษิณอ้างว่า ได้ติดต่อสื่อสารกับประชาชนโดยตลอด มีการทำโพลหยั่งเสียงอยู่เป็นระยะ จึงมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งแน่นอน

ซึ่งการพูดเช่นนี้ของทักษิณเป็นไปได้สองทางคือ 1.ทักษิณมั่นใจจริงว่าจะชนะเพราะทำโพลแล้วได้ข้อมูลอย่างนั้น 2.ไม่มั่นใจว่าจะชนะจึงพูดดักคอโดยอ้างเรื่องโพลซึ่งเป็นแนวที่ทักษิณถนัดจนทำให้ ส.ส. ที่จะย้ายพรรคเริ่มลังเล

นอกจากนี้ ก็เป็นการใช้จิตวิทยาสื่อสารไปยังประชาชนที่เป็นฐานเสียงว่าพรรคเพื่อไทยยังเป็นที่นิยม ซึ่งจะมีผลโน้มน้าวให้ประชาชนที่เคยเลือกเพื่อไทย ยังคงเลือกเพื่อไทยต่อไป

 

เมื่อใกล้ศึกเลือกตั้ง ทักษิณ เครือข่ายบริวารและพรรคพันธมิตร พากันประโคมตีฆ้องร้องป่าวเรื่องคืนอำนาจให้ประชาชน เรื่องเลือกตั้งและประชาธิปไตยมาเป็นระยะ

อันที่จริงคุณทักษิณและพวกพ้อง ตั้งแต่ถูกรัฐประหารในปี 2549 เป็นต้นมา ก็จะกลายเป็นผู้รักและเชิดชูประชาธิปไตยมากเป็นพิเศษ และนำประเด็นนี้มาหาเสียงสนับสนุนจากต่างชาติและสื่อนอกต่างๆ

พูดพร่ำถึงประชาธิปไตยมากคล้ายกับจะลืมไปว่า ครั้งหนึ่งตัวเองเคยพูดอะไรไว้เกี่ยวกับประชาธิปไตย

ต้องปักหมุดไว้ตรงนี้กันลืมว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2546 คุณทักษิณเคยพูดไว้ว่า “ประชาธิปไตยไม่ใช่สิ่งสำคัญสูงสุด ประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือที่จะบรรลุเป้าหมาย”

คำพูดที่สะท้อนถึงทัศนคติ (ที่อาจจริงแท้) ของคุณทักษิณที่มีต่อประชาธิปไตยดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากเขาบริหารประเทศครบ 3 ปี และเกิดเหตุการณ์หลายอย่างที่ทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงเรื่องการไม่เคารพสิทธิมนุษยชน และไม่สนใจกระบวนการตรวจสอบทางรัฐสภาและองค์กรอิสระตามครรลองประชาธิปไตย

ประเด็นที่ทำให้คุณทักษิณถูกวิจารณ์มากที่สุดคือนโยบายปราบปรามยาเสพติด ที่ก่อให้เกิดปัญหาฆ่าตัดตอน 2,500 ศพ เพราะเป็นการติดอำนาจให้เจ้าหน้าที่รัฐมากจนกลายเป็นดาบสองคม ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องสังเวยชีวิต

นอกจากนี้ การมีเสียงข้างมากในสภา ทำให้เขาไปตอบกระทู้สภาเพียงครั้งเดียว เท่านั้นยังไม่พอ เขายังประกาศว่าเลือกตั้งสมัยหน้าจะกวาดที่นั่งให้ได้มากถึง 400 ที่นั่ง (หมายความว่ากุมอำนาจเด็ดขาดเบ็ดเสร็จมากกว่าเดิม)

 

หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ตีพิมพ์บทความเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2546 แสดงความไม่เห็นด้วยที่จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ประธานาธิบดีสหรัฐสมัยนั้นมาคบค้าและเอาใจทักษิณ ซึ่งวอชิงตันโพสต์ระบุว่า “กำลังปกครองประเทศตามรอยผู้นำสิงคโปร์และมาเลเซียซึ่งเป็นระบบอำนาจนิยม”

วอชิงตันโพสต์กล่าวถึงการฆ่าตัดตอนในประเทศไทย กล่าวถึงคำพูดของทักษิณที่ว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่สิ่งสำคัญสูงสุด เป็นเพียงเครื่องมือเพื่อบรรลุเป้าหมาย

“แม้ประธานาธิบดีบุชจะกล่าวครั้งแล้วครั้งเล่าว่านโยบายต่างประเทศของสหรัฐมุ่งสนับสนุนประชาธิปไตย แต่กลับปรากฏว่าบุชไปสร้างสัมพันธ์กับผู้นำประเทศที่กำลังนำพาประเทศไปในทิศทางตรงข้ามกับประชาธิปไตย แทนที่บุชจะเอาตัวออกห่าง แต่กลับอ้าแขนรับการกระทำของทักษิณด้วยการให้รางวัลพันธมิตรนอกนาโต้และยังชื่นชมผลงานปราบยาเสพติด” นี่คือส่วนหนึ่งของบทความดังกล่าว

ปักหมุดคำพูดนี้ของคุณทักษิณเอาไว้ เพื่อให้พากันหยุดคิดว่าประชาธิปไตยที่ทักษิณและพวกพ้องกำลังนำมาเป็นจุดขายสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นประชาธิปไตยแบบไหน

และโดยเนื้อแท้แล้ว ในทางปฏิบัติจะชื่นชอบและยึดถือแนวทางประชาธิปไตยอย่างแท้และ true หรือไม่