ในประเทศ/’พี่แม้ว-น้องปู’ In London เบิร์ธเดย์ ปลุกขวัญ ‘พท.’ กลบข่าว แย่งซีน ‘ลุงตู่’ เจอเอาคืนตรวจคลิปหาช่องยุบ ‘เพื่อไทย’

ในประเทศ

 

‘พี่แม้ว-น้องปู’ In London

เบิร์ธเดย์ ปลุกขวัญ ‘พท.’

กลบข่าว แย่งซีน ‘ลุงตู่’

เจอเอาคืนตรวจคลิปหาช่องยุบ ‘เพื่อไทย’

 

การไปเยือนอังกฤษ-ฝรั่งเศสของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วงระหว่างวันที่ 20-26 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้รับการจับตาตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง

ประเด็นหนึ่ง ไม่ใช่แค่เพราะเป็นการไปเยือนอังกฤษ ประเทศต้นแบบประชาธิปไตยอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 4 ปีหลังทำรัฐประหาร

ยังเป็นการเยือนในห้วงเวลาเดียวกับที่นายทักษิณ ชินวัตร พำนักอยู่ในกรุงลอนดอน และจัดงานวันเกิดให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาว ที่เพิ่งได้รับวีซ่าจากอังกฤษนาน 10 ปี

ประเด็นหนึ่ง นอกจากเป็นการโรดโชว์เศรษฐกิจ ยังเป็นการโรดโชว์การเมืองไปในตัว

ระหว่างการพบปะนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันรัฐบาลไทยยึดมั่นเดินหน้าตามโรดแม็ปเดิม โดยจะจัดให้มีการเลือกตั้งช่วงต้นปี 2562 แน่นอน

เป็นการยืนยันขณะที่การเมืองภายในประเทศเริ่มเข้ารูปเข้ารอย

พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่เพื่อสนับสนุนสืบทอดอำนาจ ส่งแกนนำในนาม “กลุ่มสามมิตร” ออกเดินสายดูดอดีต ส.ส. และนักการเมืองแต่ละพื้นที่มาเข้าพรรคได้เป็นกอบเป็นกำ

มีการเปิดโพยรายชื่อจำนวนมากเกือบ 60 คน ทั้งที่ดูดสำเร็จแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการ

มีการเปิดเวทีหารือร่วมรัฐบาลกับตัวแทนพรรคการเมือง 74 พรรค รับฟังและแสวงหาวิธีการ “คลายล็อก” การเมือง ว่าจะต้องทำอย่างไร

ซึ่งผลการหารือได้ขจัดความคลุมเครือไปได้บางส่วน แม้จะไม่ทั้งหมด ไม่ว่าการกำหนดตุ๊กตาวันเลือกตั้งไว้ช่วงต้นปี 2562 เร็วสุด 24 กุมภาพันธ์, 31 มีนาคม, 28 เมษายน และช้าที่สุด 5 พฤษภาคม

โดยมีกำหนด “คลายล็อก” การเมืองในช่วงเดือนกันยายน 2561 ตรงกับช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมกับพรรคการเมืองใดหรือไม่ อย่างไร

มองจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปตามแผนที่ปูทางกันมา

รัฐบาล คสช. กระชับอำนาจ คุมเกมไว้ได้แทบทุกจุด ยกเว้นการเคลื่อนไหวของ “บางคน” ในต่างประเทศ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของ คสช. และรัฐบาล

ตรงนี้เอง ถูกมองเป็นปัจจัยหนึ่งในหลายๆ ปัจจัยรุมเร้า

ทำให้ “สฤษดิ์น้อย” เกิดอารมณ์หงุดหงิด

 

ห่างหายจากการโพสต์เฟซบุ๊กไปนานนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2560

ในวาระครบรอบวันเกิด 51 ปี วันที่ 21 มิถุนายน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือฤกษ์กลับมาโพสต์เฟซบุ๊ก ครั้งแรกในรอบ 10 เดือน

ขอบคุณแฟนคลับที่ส่งของขวัญและการ์ดอวยพรมาให้จำนวนมาก

ทั้งยังขอบคุณพี่ชาย ทำให้วันเกิดเป็นไปอย่างอบอุ่น และให้คำแนะนำทำตัวให้มีความสุข เพื่อคนที่เรารักจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะชีวิตทุกคน ต้องเผชิญกับความท้าทายในการดำรงชีวิต

ขณะที่ทักษิณโพสต์อินสตาแกรมอวยพรวันเกิดน้องสาว ตอนหนึ่ง

“พี่จะดูแลน้อง ให้การใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนของเรามีคุณค่าและให้เป็นประโยชน์กับครอบครัวเรา และคนที่เรารัก เมื่อเราได้มีโอกาสตอบแทนเขา”

ใครเคยคาดหวังให้ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ต้องตกระกำลำบากในต่างแดน น่าจะผิดหวังกับภาพที่ปรากฏผ่านสื่อโซเชียลอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าที่จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ หรืออังกฤษ

กระนั้นก็ตาม ฉาก “เสียดแทง” ผู้มีอำนาจมากที่สุด น่าจะเป็นฉากในร้านอาหาร “อีสานเขียว” กรุงลอนดอน ที่ทักษิณใช้เป็นสถานที่จัดเลี้ยงวันเกิดยิ่งลักษณ์ พร้อมครอบครัวและคนสนิท

บนโต๊ะอาหาร ทักษิณฮัมเพลง

“คิดฮอดบ้านแฮง เส้าหรือแลงมองนาฬิกา หลายปีที่จากบ้านมา ใจห่วงหาพี่น้องชาวไทย…” พร้อมระบุว่า “อีสานเขียว พรรคเพื่อไทยมีโอกาสเขียวทั้งอีสาน”

ต่อมามีการเผยแพร่คลิปขณะทักษิณต่อสายวิดีโอคอลพูดคุยกับอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย

“มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะทุกเขต ทั้งอีสาน ไอ้พวกที่ไป ผมกำลังจะทวิตเตอร์ขอบคุณ ว่าเป็นคนเสียสละอย่างยิ่ง ที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มาเป็นผู้แทน

ผมเคยบอกไปว่าใครที่อยากออกจากพรรค มีสองประการ

ประการที่หนึ่ง ไปเก็บเงินแล้วเลิกเล่นการเมือง เพราะพวกนี้หน้าโง่ จ่ายแพงก็เก็บตังค์ไปพักผ่อน

ประเภทหนึ่ง มั่นใจในคะแนนตัวเอง โดยลืมไปว่าคะแนนตัวเองสู้คะแนนพรรคไม่ได้ มาเที่ยวนี้คงได้เด็กรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมาแทนบ้าง จังหวัดเลย จังหวัดนครราชสีมา ต้องมีคนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทน ดีมากเลย”

พร้อมปิดท้ายด้วยเพลง “ไปดีเถอะนะ พี่ขออวยพร…”

 

ภายหลังงานเลี้ยงวันเกิดยิ่งลักษณ์

ทักษิณให้สัมภาษณ์เว็บไซต์บีบีซีไทยถึงการเลือกตั้งว่า ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จัดเลือกตั้งตามสัญญาที่ให้ไว้ อย่างยุติธรรม โปร่งใส

ทั้งมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยมีโอกาสชนะเลือกตั้งเป็นที่ 1

“ถ้าเป็นลูกผู้ชายก็อย่าไปโกง โดยเฉพาะเป็นลูกผู้ชายชาติทหาร อย่าคิดไปโกงเด็ดขาด อายเค้า ถ้าไม่อายใครก็ควรอายตัวเอง” ทักษิณกล่าวแบบลอยๆ

ต่อมาเว็บไซต์บีบีซีไทยยังเผยแพร่คลิปสัมภาษณ์ทักษิณเพิ่มเติมผ่านทางยูทูบ ความยาว 12 นาที

โดยทักษิณกล่าวถึงกรณีที่ตอนนี้ดูเหมือนชาติตะวันตกให้การยอมรับรัฐบาลทหารเพิ่มมากขึ้นว่า เป็นการยอมรับของโลกทุนนิยม ยอมรับกันที่ผลประโยชน์

หากเป็นเหตุการณ์ปกติ ทางยุโรปจะไม่ต้อนรับผู้นำที่ไม่ได้มาจากประชาชน แต่ถ้าจะทำให้เขาต้อนรับ ก็คือ ถ้าเรามีทุน เขาจะนิยม เรามีเงินไปซื้อของ เขาก็ขอบคุณทั้งนั้น

แต่ปัญหาคือประเทศเราได้อะไร อังกฤษรู้ว่าไทยกำลังขัดแย้งทางการเมือง คงไม่อยากเลือกข้าง เพราะเขาต้องเลือกผลประโยชน์ที่ต้องทำมาหากินร่วมกับไทย

สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ยังไม่รู้จะออกมาแบบไหน ด้วยกติกา-กรรมการซึ่งเอียงกันอยู่ ไม่รู้จะเป็นอย่างไร แต่มั่นใจว่ากระแสประชาชนยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทย

ส่วนสาเหตุทำให้มั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้ง เพราะตนเองใกล้ชิดประชาชน ยังมีการติดต่อสื่อสารกับประชาชนเป็นระยะๆ จึงพอรู้ว่าประชาชนคิดอย่างไร

สำหรับอดีต ส.ส. ที่ออกจากพรรคเพื่อไทย ส่วนใหญ่มีคดี เขาเอาคดีมาขู่ กับประเภทที่เป็นหนี้สิน เมื่อมีคนเอาเงินก้อนใหญ่มาให้ ก็น่าสนใจอยู่

กับอีกประเภท พวกมั่นใจในตัวเองว่าเป็นที่นิยม แล้วคิดว่าได้เงินเยอะดี ก็น่าจะไป

ซึ่งตนขอแสดงความยินดีกับพรรคเพื่อไทย ที่บุคคลเหล่านี้เสียสละออกไปจากพรรค เพื่อเปิดโอกาสให้นักการเมืองรุ่นใหม่ๆ ได้เข้ามาทำงาน

ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง ก็เพราะความอยากของคน ห้ามไม่ได้

“เพราะมันอยาก พอเป็นแล้วมัน-มัน”

 

นอกจากกรณีนิตยสาร “ไทม์” เวอร์ชั่นเอเชีย ฉบับ 2 กรกฎาคม 2018 ขึ้นปกภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเนื้อหาบทความ

เปรียบเทียบเป็น “สฤษดิ์น้อย”

กรณีวิดีโอคอลของ “ทักษิณ” รวมถึงการให้สัมภาษณ์ผ่านบีบีซีไทย คืออีกประเด็นหนึ่งทำให้ “สฤษดิ์น้อย” เดือดดาล

เปิดฉากตอบโต้แบบจัดหนัก “คนแดนไกล” ทันทีที่เดินทางกลับมาถึงไทย พร้อมขอสื่อมวลชนไทยไม่ควรให้เครดิตหรือให้เกียรติคนหลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ

“อย่าไปให้เครดิตกับคนไม่สร้างสรรค์ โจมตีประเทศตัวเอง ไปอาศัยประเทศคนอื่นเขาอยู่ แล้วเกิดมาเป็นคนไทยทำไม ไปอยู่แบบคนชั้นสองขออาศัย ขออยู่อย่างนี้น่ะหรือ อย่าทำ เพราะไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ”

ท่ามกลางความหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์ต่อความเคลื่อนไหวของทักษิณ ที่ดูเหมือนเป็นการ “แย่งซีน” กลบข่าว “ท่านผู้นำ” เยือนยุโรปไปจนหมดสิ้น

 

การจุดพลุเปิดประเด็น ผลักดันให้มีการตรวจสอบคลิปวิดีโอคอลของทักษิณ ตามมาตรา 28 และ 29 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อนำไปสู่การยุบพรรค

ยังสะท้อนให้เห็นศึกเลือกตั้งในอีก 8-11 เดือนข้างหน้า

คสช. ภายใต้เสื้อคลุมพรรคพลังประชารัฐ ยังคงมอง “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” และพรรคเพื่อไทย คือศัตรูหมายเลข 1 จำเป็นต้องกำจัดให้สิ้นซาก ไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสืบทอดอำนาจระยะยาว

ปฏิบัติการขุดรากถอนโคนจะสำเร็จหรือไม่ ต้องเฝ้าดูกันต่อไป