เกมการแข่งขันของธุรกิจทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แข่งกันในรายละเอียดทุกเม็ดของสินค้าและบริการ ไม่เฉพาะแต่ธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีเท่านั้น แม้แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เองซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ ที่ว่ากันว่ามีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าธุรกิจอื่นๆ ก็ยังสามารถสังเกตเห็นความเร็วของการเปลี่ยนแปลง

ผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทย อาทิ บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซึ่งโดดเด่นในตลาดระดับสูง เป็นต้นแบบโมเดลธุรกิจอสังหาฯ ที่มีรายได้หลายรูปแบบที่หลายค่ายกำลังพัฒนาตามอย่าง และยังเป็นบริษัทอสังหาฯ ที่มีมาร์เก็ตแค็ปสูงสุด 130,000 ล้านบาท

บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท เป็นผู้นำด้านยอดขาย เป็นเจ้าตลาดกลางและล่าง โดยมีโรงงานผลิตพรีคาสต์ที่ใหญ่และทันสมัยที่สุด

บมจ.ศุภาลัย เป็นผู้นำตลาดอสังหาฯ ที่มีความคุ้มค่ามากสุด และเป็นบริษัทอสังหาฯ ที่มีการควบคุมต้นทุนการดำเนินการได้ดีที่สุด

บมจ.แสนสิริ เป็นผู้นำอสังหาฯ ตลาดหรูหรา ลักชัวรี่

โครงสร้างตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นเช่นนี้มานาน ตั้งแต่หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เป็นต้นมาประมาณ 20 ปี

แต่ในเวลานี้ก็เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง อาทิ

 

บมจ.เอสซี แอสเส็ท ขึ้นมาเป็นแชมป์ยอดขายตลาดบ้านระดับราคาสูงเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา

บมจ.โกลเด้นท์แลนด์ มียอดขายทาวน์เฮาส์พุ่งสูงขึ้นมาประกบกับ บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท ซึ่งครองตลาดทาวน์เฮาส์มานานแต่ผู้เดียว

นอกจากนี้ยังมีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คลื่นลูกใหม่ คนรุ่นใหม่ที่เติบโตรวดเร็วกับโครงการคอนโดมิเนียม ได้แก่ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นต์ บมจ.เอพี.(ไทยแลนด์) บมจ.ออริจิ้น เป็นต้น

การเติบโตของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ กลยุทธ์เกี่ยวกับตลาดเงินตลาดทุนนับเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็เป็นเพียงเครื่องหล่อเลี้ยง เทคโนโลยีและกระบวนการก่อสร้างก็สำคัญที่ช่วยควบคุมต้นทุนและคุณภาพสินค้า แต่ก็ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

คำตอบสุดท้ายอยู่ที่ตัวสินค้า ทาวน์โฮม บ้านแฝด บ้านเดี่ยว ห้องชุดคอนโดมิเนียม ที่ตรงกับพฤติกรรมการอยู่อาศัยและความต้องการของผู้ซื้อ

ถ้าใครมีโอกาสไปตระเวนดูบ้านตัวอย่าง ห้องตัวอย่าง ของโครงการที่เปิดตัวใหม่เป็นประจำจะพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก

รูปแบบสถาปัตยกรรมภายนอกก็มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นทั้งการเปลี่ยนเพื่อตอบสนองความนิยมของตลาดและเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับระบบการผลิตแบบพรีคาสต์

รายละเอียดภายในที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นทาวน์โฮม บ้านแฝด บ้านเดี่ยว หรือห้องชุด ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเยอะ

เหตุหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็คือ การเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคที่เป็นผู้ซื้อที่อยู่อาศัยนั่นเอง อาทิ ขนาดของครอบครัวเปลี่ยนไป สมาชิกของครอบครัวลดลง จำนวนรุ่นลดลง สัดส่วนคนโสดหรือคนไม่มีลูกมากขึ้น

กิจกรรมการใช้ชีวิตภายในที่อยู่อาศัยก็เปลี่ยนแปลงไป กิจกรรมหลายอย่างที่เคยทำในที่อยู่อาศัยถูกผลักออกไปเป็นกิจกรรมนอกที่อยู่อาศัย ด้วยแนวคิดอีโคโนมี แชริ่ง อาทิ ที่นั่งทำงานอ่านหนังสือ ที่ซักผ้า ที่ทำครัว

 

โครงการคอนโดมิเนียมต้องตอบสนองความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยการสร้างพื้นที่กิจกรรรมร่วมเหล่านี้ด้วย Co-working Co-laundry Co-kitchen และต้องเพิ่มขนาด Locker เพื่อให้เพียงพอกับการเก็บของที่สั่งซื้อทาง E-comerce

ตลอดจนเรื่องของรสนิยมคนรุ่นใหม่ก็มีการเปลี่ยนแปลง นิยามของคำว่าลักชัวรี่ คำว่าเท่ ที่ผ่านมาแตกต่างกับปัจจุบันและอนาคต

จึงไม่แปลกที่ปีนี้เราจะเห็น บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) ร่วมมือกับ MUJI แบรนด์ดังจากญี่ปุ่นในนาม MUJI Interior Coordinator และไม่แปลกที่ บมจ.แสนสิริ เข้าไปถือหุ้นใน monocle สื่อ lifestyle ระดับลักชัวรี่ของคนรุ่นใหม่ระดับโลก

ก็เพื่อก้าวให้ทันกับความต้องการและรสนิยมของผู้ซื้อนั่นเอง