ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 29 มิถุนายน - 5 กรกฎาคม 2561 |
---|---|
ผู้เขียน | เสถียร จันทิมาธร |
เผยแพร่ |
วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย / เสถียร จันทิมาธร
แล้ว อิดเต็งไต้ซือ ก็มา (145)
ยังไม่ทันที่เอี้ยก่วยจะตัดสินใจปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อสตรีชรา ยามนั้นที่ด้านหลังพลันบังเกิดเสียงสรรเสริญพระคุณ
“อมิตตพุทธ”
ตามด้วยคำกล่าว “อาตมา อิดเต็ง ขอพบ ยังหวังเอ็งโกวแย้มหน้าออกมา”
ก๊วยเซียงกวาดตามองรอบข้าง ไม่พบเห็นผู้คน สร้างความสงสัยใจยิ่ง ฟังจากสุ้มเสียงนี้ไม่ก้องกังวานแสดงว่าเปล่งจากระยะใกล้ แต่บริเวณโดยรอบไม่มีที่ซ่อนตัว คนกล่าววาจาอยู่ที่ใด นางเคยได้ยินมารดาบ่งบอก
ทราบว่า “อิดเต็งไต้ซือ” เป็นยอดคนผู้อาวุโส เคยช่วยชีวิตมารดา ทั้งยังเป็นซือแป๋ บู๊ซำทง บู๊แป๊ะแปะ ผู้เป็นบิดาของ 2 พี่น้องตระกูลบู๊ เพียงแต่ไม่เคยพบหน้ามาก่อน
ยามนี้พลันได้ยินว่ามีคนเรียกตัวเองเป็น “อิดเต็ง” ถึงกับทั้งแตกตื่น ทั้งยินดี
ขณะเดียวกัน เอี้ยก่วยพอได้ยินสุ้มเสียงของอิดเต็งไต้ซือก็ยินดียิ่ง ทราบว่าท่านใช้ออกด้วยยอดวิชากำลังภายในนาม “ถ่ายทอดเสียงพันลี้” โซยซี้ท่วมอิม) สามารถถ่ายทอดคลื่นเสียงไปไกลหลายลี้ มิหนำซ้ำฟังดูคล้ายกับผู้คนอยู่ข้างกาย
พลังลมปราณยิ่งสมบูรณ์ สุ้มเสียงยิ่งอ่อนโยน
แท้จริงแล้ว สตรีชราซึ่งอาศัยอยู่ใน “บึงมังกรดำ” คือ “เอ็งโกว” นี่ย่อมเป็นเรื่องผูกพันยาวนานระหว่างเอ็งโกวกับอิดเอ็ง สมัยเป็นฮ่องเต้อยู่ในแดนไต้ลี้
เอ็วโกวเป็นสนม แต่มีสัมพันธ์สวาทกับจิวแป๊ะทง
กระทั่งกำเนิดบุตรชาย ภายหลังฮิ่วโชยยิ่ม ใช้พลังมือเหล็กกระแทกทำร้ายทารกบาดเจ็บบอบช้ำ อิดเต็งซึ่งเป็น “ตวนอ้วงเอี้ย” บังเกิดจิตหึงหวง ไม่ยอมรักษาเยียวยาเป็นเหตุให้ทารกเสียชีวิต
ตวนอ้วงเอี้ยบังเกิดความเสียพระทัยถึงทรงผนวชเป็นหลวงจีน
ภายหลังเอ็งโกวขึ้นสู่ยอดเขาฮั้วซัว พยายามสังหารฮิ้วโชยยิ่มแต่ไม่สำเร็จ เมื่อตามหาจิวแป๊ะทงก็ไม่เป็นผล จึงออกร่อนเร่ยุทธจักร สุดท้ายมาลงหลักปักฐาน ณ บึงมังกรดำ
ยามนี้อิดเต็งไต้ซือมาถึงนอกบึงมังกรดำได้ 7 วัน
ทุกวันเวลานี้ล้วนถ่ายทอดเสียงแสดงความจำนงขอพบ แต่เอ็วโกวจดจำความแค้นของหลายสิบปีก่อน ในใจเคียดขึ้ง อาฆาต ไม่ต้องการพบ
“อาตมาอิดเต็งเดินทางมาเป็นพันลี้ ขอให้เอ็งโกวปรากฏพบหน้า”
เอี้ยก่วยเห็นเอ็งโกวโอบอุ้ม “จิ้งจอกวิเศษ 9 หาง” ทั้ง 2 ตัว หาได้แยแสสนใจไม่ จึงครุ่นคิด “อิดเต็งไต้ซือมีพลังฝีมือสูงเยี่ยมกว่านางมากหลาย หากเข้ามาพบหน้า สุดที่นางจะปฏิเสธได้ ไยต้องวิงวอนขอร้องเช่นนี้”
นี่ยิ่งเพิ่มความสลับซับซ้อนให้กับเรื่องราวอันเอี้ยก่วยเข้าไปพันพัว
ทาง 1 เป็นความต้องการที่จะแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของเอี้ยก่วย เสียงของอิดเต็งไต้ซือมาจากแห่งหนใด ก๊วยเซียงอาจไม่รู้ แต่เอี้ยก่วยรู้
“ท่านอยู่ทางมุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ห่างจากที่นี่หลายลี้”
เป็นการบ่งบอกว่ารู้ในวิชา “ถ่ายทอดเสียงพันลี้” ถึงกับสามารถอธิบาย “บอกว่าถ่ายทอดเสียงพันลี้ แท้ที่จริงสามารถได้ยินเสียงในระยะทางลี้เศษ”
แต่เมื่อก๊วยเซียงนำเอามันไปวางเรียงเคียงกับอิดเต็งไต้ซือ
ยามนี้เอี้ยก่วยย่างเข้าวัยกลางคนทั้งผ่านเหตุการณ์แยกทางกับเซียวเล้งนึ่ง มาตรแม้นยังห้าวหาญไม่เสื่อมคลาย แต่นิสัยอันอวดโอ่ถือดีเช่นเมื่อวัยหนุ่มฉกรรจ์กลับซุกงำไปกว่าครึ่ง ได้ยินเช่นนั้นคำกล่าวก็ออกมาว่า
“อิดเต็งไต้ซือมีวัยวุฒิและคุณวุฒิสูงส่ง ได้รับขนานนามคู่กับประมุขเกาะดอกท้อตั้งแต่หลายสิบปีก่อน เป็นราชันย์ทักษิณในยอดคนทั้ง 5 เมื่อครั้งกระโน้น ข้าพเจ้าไหนเลยเทียบเทียมได้”
เอี้ยก่วยฉุดดึงก๊วยเซียงกระโดดปราด ลื่นไหลไปเบื้องหน้า 10 กว่าวา
มองแต่ไกลเห็นบนพื้นหิมะยืนไว้ด้วยคนผู้หนึ่งซึ่งไว้เคราขาวยาวจรดอก ครองจีวรสีเทา นั่นย่อมเป็นอิดเต็งไต้ซือ
“ศิษย์เอี้ยก่วยกราบพบไต้ซือ”
พลางนำก๊วยเซียงเกร็งลมปราณวิ่งไปก้มลงกราบยังเบื้องหน้าของอิดเต็งไต้ซือ
พลันที่เอี้ยก่วยผุดลุกขึ้นยืนเห็นบนพื้นด้านหลังอิดเต็งไต้ซือนอนขวางด้วยคนผู้หนึ่ง ใบหน้าเหลืองซีด 2 ตาปิดสนิท คล้ายเป็นซากศพซากหนึ่ง กลับเป็นหลวงจีนชื้ออึง
ที่แท้ถูกกิมลุ้นฮวบอ้วงทำร้าย
นี่ย่อมเป็นบุญคุณความแค้นอันสลับซับซ้อนวกวนอย่างยิ่ง เหตุเพราะหลวงจีนชื้ออึงก็คือ ฮิ้วโชยยิ่ม พลังมือเหล็กที่กระแทกฝ่ามือเดียวทำร้ายทารกบุตรของเอ็งโกว
ทุกอย่างล้วนมารวมศูนย์อยู่โดยรอบเอี้ยก่วยอย่างเจตนา