ประกวดเรื่องสั้น : The Entanglement

โดย ธนเวศม์ สัญญานุจิต

ชายในเสื้อยืดแขนยาวสีดำวิ่งทะลุหน้าต่างออกมา เศษกระจกแตกกระจายเต็มทาง ในมือของเขามีปืนพกสั้นหนึ่งกระบอก เสียงปืนดังไล่หลัง เจ้าหน้าที่สวมสูทจำนวนมาก วิ่งตามเขามาและยิงไปที่เขา

ชายเสื้อดำยกแขนซ้ายที่ถือปืนขึ้นมา ที่ข้อมือสวมนาฬิกาข้อมือสีดำ มันดูใหญ่ ทำจากโลหะ และมีแสงเรืองสีแดงออกมาตามขอบเรือน ในนั้นมีตัวเลขดิจิทัลเขียนว่า 00:05 เขากดปุ่มสีแดงข้างเรือนนาฬิกาแล้วใช้มือตบหน้าปัด

สิ่งที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านั้นเห็นหลังจากนั้น ถือว่าเป็นสิ่งเหลือเชื่อ ชายเสื้อดำกลายเป็นเงาเบลอๆ เคลื่อนไหวเร็วยิ่งกว่าทุกอย่างที่พวกเขาเคยเจอ พริบตาเดียวเจ้าหน้าที่ทุกคนต่างถูกทำให้สลบด้วยแรงกระแทกเข้าที่ศีรษะ

ชายเสื้อดำหยุดวิ่ง นาฬิกาข้อมือส่งเสียงปิ๊บๆ หน้าปัดตัวเลขกลายเป็น 00:00 เขาเดินต่อไปยังประตูโถง ก่อนจะเปิดเข้าไปในนั้น เจ้าหน้าที่ที่รออยู่มีจำนวนแค่ 3-4 คน

หลังการยิงปะทะ เขายิงใส่แขนขาพวกนั้นจนล้มลง ปลดอาวุธออกจากมือ และถอดชิ้นส่วนปืนออกเป็นชิ้นๆ ส่วนคนใส่สูทที่นั่งอยู่ในโถงประชุมกว้างใหญ่ที่เหลือไม่มีทีท่าขัดขืน แต่หวาดกลัว

พวกเขาคือผู้นำประเทศ หรือคนระดับรัฐมนตรีจากนานาชาติ

 

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น ชายเสื้อดำไม่ได้อยู่ที่โถงประชุม เขาอยู่ในฐานทัพของกองกำลังพันธมิตร ในโลกอนาคตเกือบ 20 ปี หลังจากปัจจุบันที่เขายืนอยู่ต่อหน้าผู้นำประเทศในโถงแห่งนั้น

ภารกิจของเขา คือการเปลี่ยนแปลงอดีต นาฬิกาข้อมือนั่นคือซูเปอร์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์หน่วงเวลาพกพา ในยุคอนาคตที่เขาจากมา โลกพ่ายแพ้ต่อสงครามก่อการร้าย ทุกหนแห่งตกอยู่ในความหวาดกลัว ความตายครอบคลุมไปทั่วโลก ประเทศใหญ่หลายชาติกลายเป็นรัฐล้มเหลวเพราะการรุกคืบของกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่ง

เขาเซ็นสัญญาปฏิบัติภารกิจ เพื่อย้อนเวลาไปหยุดยั้งเหตุก่อการร้ายผู้นำประเทศในการประชุมนานาชาติ เพื่อที่โลกจะได้ไม่พ่ายแพ้ต่อกลุ่มก่อการร้ายเหมือนอนาคตที่เขาจากมา

เขาไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่เป็นทหารรับจ้างที่อาสาสมัครเข้าร่วมภารกิจนี้ เขาเคยมีชื่อสลักลงบน Dog Tags แต่นั่นไม่สลักสำคัญแล้ว ไม่มีคนเรียกชื่อเขามานานแล้ว เพราะทุกคนตายหมด ทุกคนที่เขารู้จัก ถ้าไม่ตายด้วยระเบิดฆ่าตัวตาย ก็เพราะระเบิดรถยนต์ บ้านเกิดของเขาคือจุดสู้รบกับกลุ่มก่อการร้าย หลังจากที่สูญเสียทุกอย่างไป เขาก็สนใจทันทีเมื่ออดีตหัวหน้าชักชวนเขาเข้าร่วมโครงการ

หลังจากผ่านแรงหมุน และแสงสว่างจ้า ตัวเขาถูกส่งข้ามเวลามาใกล้จุดเกิดเหตุในอดีตที่สุด แต่เทคโนโลยีในตอนนั้นเพิ่งค้นพบการเดินทางข้ามเวลาได้ไม่นาน ขีดจำกัดมีไม่มากนัก ก่อนที่รอยแยกของเวลาจะหายไป

เขาต้องปฏิบัติภารกิจให้เสร็จภายในเวลาจำกัดเพื่อกลับบ้านได้ทันก่อนรอยแยกจะปิดลง

 

เขาเข้ามาเพื่อค้นหาตัวผู้ก่อการร้าย โดยนาฬิกาข้อมือของเขาจะค้นหารูปแบบการลงมือและผู้ต้องสงสัย รวมถึงค้นหาวัตถุระเบิดในรัศมีทำการ เขาเดินปะปนเจ้าหน้าที่รัฐบาลไปทั่วทั้งตึกเพื่อค้นหาระเบิดที่จะผู้ก่อการร้ายเตรียมไว้สังหารผู้นำประเทศ รวมถึงปลิดชีพตัวการที่จะก่อเหตุเป็นของแถม

เขามาที่นี่เพื่อช่วยชีวิตคนในโถงห้องประชุม และอีกนับล้านชีวิตที่จะตายในสงครามก่อการร้ายในโลกอนาคต

หลังจากที่เขาถูกเจ้าหน้าที่พยายามเข้าขัดขวางเพราะเห็นว่าเขาเป็นบุคคลต้องสงสัย เขาจำเป็นต้องปลดอาวุธเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกคน และเข้าไปในโถงประชุม ตอนนี้กำลังทหารเริ่มปิดล้อมตึกนี้แล้ว

เขาพยายามอธิบายต่อกลุ่มผู้นำประเทศว่า เขามาเพื่อหยุดการก่อการร้าย เหล่าผู้นำต่างแตกตื่น มีบางคนพยายามเจรจากับเขาเพื่อให้ปล่อยพวกเขาไป ในช่วงจังหวะนั้นเขาแอบคิดไม่ได้ว่า มีอะไรแปลกๆ เพราะการรักษาความปลอดภัยของผู้นำประเทศจำนวนมากย่อหย่อนเกินกว่าที่จะเป็น แม้เขาจะมีอุปกรณ์ควบคุมเวลา แต่ด้วยกำลังคนคนเดียวไม่ควรจะทำได้ และทำไมผู้นำประเทศถึงไม่อพยพออกไปจากที่นี่ แต่แล้ว

นาฬิกาของเขาเรืองแสงสีส้ม พร้อมกะพริบ

เขาหยุดคิดสงสัย แต่กลายเป็นการระวังภัย นั่นคือการเตือนภัยวัตถุระเบิด เขาหันไปทางประตู ชายสวมสูทที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินเข้ามากันถึง 5 คน พร้อมกับอาวุธปืนไรเฟิลจู่โจม ระหว่างที่มองอยู่มือขวาของเขาก็หมุนหน้าปัดนาฬิกา ปากกระบอกปืนไรเฟิล 5 กระบอก ไม่ได้เล็งมาที่เขาคนเดียว แต่เป็นกลุ่มผู้นำประเทศ

เขาตบหน้าปัดนาฬิกา เวลาคล้ายหยุดนิ่ง เขาเห็นฝุ่นที่ลอยละลิ่วในอากาศหยุดค้างกลางอากาศ นิ้วของชายใส่สูทถูกยัดเข้าโกร่งไกปืนแล้ว

เขาวิ่งเข้าไประยะประชิด ในระหว่างเวลาถูกหน่วงให้ช้าลง เขาปัดปืนให้เชิดขึ้น แล้วใช้ปืนพกสั้นยิงอัดเข้าลำตัวชายใส่สูท 5 คน ก่อนที่นาฬิกาจะหมดเวลาในการหน่วง พวกนั้นล้มลง

 

“มีอะไรแปลกๆ” เขาหันกลับมาหากลุ่มผู้นำประเทศ ที่ตอนนี้กลายเป็นสับสนงุนงง

“รปภ. พวกนี้จะลอบสังหารพวกท่าน”

“ทำไม รปภ. ของพวกเราถึงจะฆ่าเรา” หนึ่งในกลุ่มคนนั้นถามขึ้น

เขาค้นตัวเจ้าหน้าที่พวกนั้น เขาเจอเข็มขัดพ่วงระเบิดติดตัวคนพวกนี้ 5 เส้น คนพวกนี้คือผู้ก่อเหตุระเบิดนั่นเอง นั่นคือสาเหตุที่ผู้ก่อการร้ายลอบสังหารผู้นำประเทศสำเร็จ พวกนั้นแทรกซึมมาตามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และนี่คือเหตุผลที่วันนี้การรักษาความปลอดภัยหละหลวม เจ้าหน้าที่ที่ภักดีต่อกลุ่มผู้นำประเทศคงถูกลอบฆ่าหมดแล้วระหว่างการประชุม เขาคลายความระวังตัวลง

“พวกท่านต้องออกไปจากที่นี่”

พูดไม่ทันขาดคำ เสียงปืนดังขึ้น ลูกตะกั่วถูกเจาะทะลุเอวของเขา ทำให้เขาล้มคว่ำลง และกลิ้งลงบันไดโถงประชุม ด้านหลังมีชายอีกคนใส่ชุดสีขาว และมีนาฬิกาข้อมือคล้ายๆ ที่เขามี

“คุณเจ้าหน้าที่” ชายคนนั้นเอ่ยปากพร้อมยิ้ม ปืนในมือมีควันลอยกรุ่นเพราะการยิงเมื่อกี้นี้ “พอดีทางฐานทัพมีการเปลี่ยนแผนนิดหน่อย”

สมองของเขาทำงานอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เพราะเขาเห็นนาฬิกาข้อมืออันนั้น คนคนนี้มาจากหน่วยงานเดียวกับเขา หน่วยงานที่ครอบครองเทคโนโลยีข้ามเวลา

“ภารกิจนี้…” เขาพยายามลุกขึ้น หอบหายใจ เขาหวังว่ากระสุนจะไม่เจาะถูกกระบังลม มือขวาเขาเปื้อนเลือดเพราะพยายามปิดปากแผล “…ถูกกำหนดมาให้ล้มเหลวตั้งแต่แรกใช่ไหม”

ชายคนที่ยิงเขาเลิกคิ้ว “ฉลาดกว่าที่คิด… ก็ใช่นะ เมื่อมนุษย์มีพลังอำนาจควบคุมเวลาได้ สิ่งที่จะตามมา คือ ความรู้สึกหวงแหนอำนาจ”

“ทำไม” เขาถาม

“มันชัดเจนอยู่แล้วนี่ พวกเขาส่งนายมา เพื่อทดสอบว่าคนเราสามารถข้ามเวลากลับมาได้โดยไม่มีผลกระทบ แต่ว่าถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอดีตจริงๆ หน่วยงานของพวกเขาอาจจะไม่มีทางเกิดขึ้นเลยในโลกอนาคต” ชายคนนั้นพูดจบก็ใช้ปืนยิงเข้าใส่หัวผู้นำประเทศคนหนึ่งที่ใกล้ที่สุด เสียงร้องดังขึ้น ผู้นำประเทศคนอื่น ลุกฮือหนีไปอยู่อีกฝั่งห้อง แต่ชายคนนั้นยืนคุมประตูเข้าออกเอาไว้ ส่วนทางหนีไฟอื่นๆ ไม่สามารถเปิดได้ คงมีคนเอาอะไรไปขวางไว้ก่อนแล้ว

“พวกนั้นเลยส่งฉันตามนายมา เพื่อทำให้แน่ใจว่านายต้องล้มเหลว แต่ดูเหมือนนายจะทำได้ดีกว่าที่คาด เมื่อกี้ถ้านายหน่วงเวลาไม่ทัน ฉันก็คงไม่ต้องลงมือเอง”

“หมายความว่าไง” เขาเหลือบสายตามองข้อมือตัวเอง ตัวเลขบนหน้าปัด 00:01 เขาหยุดการหน่วงเวลาก่อนหน้านี้ก่อนจะหมดเวลา การใช้หน่วงเวลาของนาฬิกาข้อมือใช้ได้ครั้งละ 5 วินาทีเท่านั้น

“วันเกิดเหตุที่จริง กลุ่มก่อการร้าย 5 คนจะกราดยิงสังหารผู้นำประเทศตายยกห้องพร้อม รปภ. ของพวกเขา พวกเขาเตรียมระเบิดมาเพื่อระเบิดฆ่าตัวตายหนีความผิด แต่เผอิญว่าคงมีกระสุนลูกหลงไปโดนเข้า เลยกลายเป็นว่าเกิดระเบิดสังหารผู้นำประเทศจำนวนมากในการประชุม” ชายคนนั้นอธิบาย “รูปคดีเลยกลายเป็นว่า เกิดระเบิด ซึ่งนายได้รับสรุปภารกิจมาแบบนั้น นายเลยเข้ามามองหาระเบิด แต่ไม่ได้มองหาคนก่อเหตุ”

“ทีนี้ เพื่อไม่ให้ภารกิจนี้สำเร็จ นายเลยต้องฆ่าฉัน ก่อนจะฆ่าทุกคนที่นี่ เพื่อให้ภารกิจนี้ล้มเหลว เพื่อให้หน่วยงานยังคงอยู่ต่อไปด้วยเส้นเวลาเดิม ที่โลกยังเป็นแบบเดิม สุดท้ายพวกแกไม่ได้ต้องการหยุดพวกผู้ก่อการร้าย แค่อยากได้อำนาจควบคุมเวลาเอาไว้ในมือ” เขาพูดถ่วงเวลา

“ใช่เลย” หมอนั่นพูดจบ ก่อนที่จะตบหน้าปัดนาฬิกา หมอนั่นกลายเป็นเงาเคลื่อนไหว เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด กระสุนที่ระเบิดออกจากรังเพลิงในเวลาที่ถูกหน่วงไว้ วิ่งมาโดนต้นขาของเขา แต่เขาไม่ยอมล้มลง กระสุนนัดอื่นวิ่งทะลุตัวผู้นำประเทศหลายคนที่พยายามหนี สายตาเขาจับจ้องยังเงาเบลอนั่น เขาประทับปืนเล็งตามเงาที่เคลื่อนไหว ตั้งแต่การตบหน้าปัดเริ่มขึ้น เขานับเลขในใจ กระสุนอีกนัดหนึ่งยิงมาโดนตัวเขา แต่ปืนในมือยังคงกระชับในมือซ้าย มือขวาอังหน้าปัดนาฬิกา

“5 วินาทีแล้ว” เขาพูด เงาสีขาวนั่นหยุดลง เห็นรูปร่างของชายเสื้อขาวกำลังเปลี่ยนคลิปกระสุน นาฬิกาข้อมือของเจ้าหน้าที่ร้องเตือนว่าหมดเวลา

เขารู้ดีว่าการหน่วงเวลาส่งผลต่อการยิงวัตถุให้พุ่งออกไปจากจุดหน่วงเวลา นั่นคือเหตุผลว่า เขามักใช้การกระแทก หรือการยิงระยะประชิดเท่านั้นระหว่างการใช้นาฬิกา และเป็นเหตุผลว่า ทำไมชายเสื้อขาวยิงเขาพลาดถึง 2 นัด

เขาตบหน้าปัด ชายเสื้อขาวพยายามเอี้ยวตัวไปปรับหน้าปัดนาฬิกาใหม่อีกครั้ง แต่คล้ายหยุดนิ่ง สายตาตื่นตระหนก ในเวลาที่ถูกหน่วงให้ช้าลง ชายเสื้อขาวกลายเป็นเป้านิ่ง เขารู้ดีว่าการยิงจะถูกเบี่ยงออกเล็กน้อย นี่เป็นการเดิมพัน ไกปืนถูกเหนี่ยว กระสุนถูกระเบิดออกจากรังเพลิง วิ่งเข้าใส่ลำคอของชายคนนั้นจนล้มลงขาดใจตาย

หลังเวลาเดินตามปกติ เขาทรุดลงกับพื้นเพราะแผลถูกยิง

 

เหล่าผู้นำประเทศหลังจากตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้า เงยหน้าขึ้นมาพบว่าผู้ลอบสังหารเสียชีวิตแล้ว ต่างหันมามองชายชุดดำ ผู้นำประเทศในสูทสีน้ำเงินกรมท่า เดินมาหาชายเสื้อดำ ที่ตอนนี้เลือดยังคงไหล และหายใจติดขัด เสียงไซเรนและเสียงโหวกเหวก แสดงว่าเจ้าหน้าที่ตัดสินใจบุกเข้ามาแล้วหลังได้ยินเสียงปืนดังหลายนัด

“ทำไมคุณถึงช่วยพวกเรา” เสียงนี้ลอยมาจากคนที่ดูเหมือนจะเป็นประธานาธิบดีประเทศซักประเทศ ชายชุดดำจำไม่ได้แล้วว่าเขาชื่ออะไร “ใจเย็นไว้นะ เดี๋ยวผมจะอธิบายให้พวกเขาพาคุณไปโรงพยาบาล”

เขามองป้ายที่อกเสื้อสูทตัวนั้น ติดสัญลักษณ์ของธงชาติประเทศหนึ่งไว้ “ท่านประธานาธิบดี” ชายชุดดำพูดกับชายสวมสูทด้วยภาษาของชาตินั้น “รบกวนพาผมไปตรงหมอนั่นที”

ไม่มีคำตอบ แต่ร่างเขาถูกเหล่าผู้นำประเทศหลายคนพยุงเพื่อมาหยุดตรงชายชุดขาว

“พวกท่านไม่ควรรับรู้เรื่องเหล่านี้ พวกเรามาจากโลกอนาคตที่พวกท่านถูกลอบสังหาร และพ่ายแพ้ให้ภัยคุกคามจากการก่อการร้าย” เขาถอดนาฬิกาข้อมือของชายเสื้อขาวออก และหยิบเข็มขัดพ่วงระเบิดของผู้ก่อการร้ายมาวางไว้บนตักตัวเอง

“สิ่งที่พวกท่านควรทำหลังจากนี้ คือทำให้โลกในวันพรุ่งนี้ดีขึ้นจากอนาคตที่ผมจากมา” เขามองเข้าไปในดวงตาของเหล่าคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จัก แต่เป็นเหล่าผู้นำประเทศที่รอดชีวิตจากการก่อการร้ายครั้งนี้ “ส่วนสิ่งที่ผมควรทำต่อจากนี้… คือทำให้พวกเขาไม่สามารถแทรกแซงอดีตได้อีก”

พูดจบ เขาก็หมุนหน้าปัดนาฬิกาไปที่ “Return” เพื่อจะส่งเขาย้อนกลับไปในรอยแยกของเวลาที่เขาจากมา ก่อนจะตบหน้าปัดนาฬิกา ตัวของเขาถูกแสงห่อหุ้ม ก่อนจะหายไปพร้อมกับนาฬิกาข้อมือของชายชุดขาว

และเข็มขัดพ่วงระเบิดเส้นนั้น