ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 ตุลาคม 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | Cool Tech |
ผู้เขียน | จิตต์สุภา ฉิน |
เผยแพร่ |
ตอนเด็กๆ เวลาอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น เราน่าจะเคยได้เห็นฉากที่ตัวการ์ตูนโทรศัพท์ไปสั่งอาหาร ไม่ว่าจะเป็นราเมน โซบะ หรือข้าวกล่องเบนโตะ หลังจากนั้นก็จะมีพนักงานร้านปั่นจักรยานมาส่งถึงบ้านโดยยื่นกล่องข้าวสี่เหลี่ยมที่ถูกมัดห่อไว้อย่างสวยงามให้แล้วก็โค้งคำนับอย่างกระตือรือร้น
นั่นน่าจะเป็นภาพความทรงจำที่นักอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นมีเวลานึกถึงบริการเดลิเวอรี่อาหารในญี่ปุ่นใช่ไหมคะ
ซู่ชิงเดินทางมาโตเกียวคราวนี้เพื่อมาร่วมงานเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของ Uber แอพพลิเคชั่นเรียกรถรับจ้าง ที่นำการส่งอาหารในแบบญี่ปุ่นมายกระดับปรับปรุงใหม่แต่ยังคงไว้ด้วยคอนเซ็ปต์แบบเดิม กับบริการที่มีชื่อว่า UberEATS ที่เปิดให้บริการแล้วในโตเกียวค่ะ
UberEATS เป็นแอพพลิเคชั่นที่แยกออกมาต่างหากจากตัวแอพพลิเคชั่นหลักของ Uber มีไว้สำหรับให้ผู้ใช้เข้าไปเลือกดูร้านอาหารและเมนูที่ชอบ กดสั่งให้มาส่งที่บ้าน แล้วก็ชาร์จเงินทั้งหมดจากบัตรเครดิตที่เราผูกไว้กับแอพพลิเคชั่น
สั่งแล้วรอกินอาหารสวยๆ ไม่ต้องออกไปฝ่าฟันรถติด ไม่ต้องเจอฝนตก น้ำท่วมขังรอการระบาย หรือแสงแดดแผดเผานอกบ้าน แค่ 30 นาทีอาหารก็มาส่งให้ถึงบ้านเรียบร้อยโรงเรียนอูเบอร์
ซู่ชิงพูดมาถึงตรงนี้แน่นอนว่าคุณผู้อ่านจำนวนไม่น้อยอาจจะขมวดคิ้ว เบะปาก แล้วก็บอกว่า อะไรกัน บริการส่งอาหารผ่านแอพพลิเคชั่น ค่ายอื่นเขาก็ทำกันไปไหนถึงไหนต่อไหนแล้ว นี่จะมาเปิดตัวอะไรกันตอนนี้ ป่านนี้คนอื่นเขาเอาส่วนแบ่งตลาดไปกินกันหมดแล้วมั้ง…
ใช่เลยค่ะ บอกตามตรงนี่ก็คือปฏิกิริยาของซู่ชิงในตอนแรกๆ เหมือนกัน
เพราะฉะนั้น เรามาคุยกันดีกว่าค่ะว่าความแตกต่างมันคืออะไรบ้าง
UberEATS มีหลักการทำงานเหมือนกับแอพพลิเคชั่นหลักค่ะ คนส่งอาหารไม่ใช่พนักงานที่ทางบริษัทจ้างไว้ รถจักรยานที่ใช้ปั่นไปส่งอาหารก็ไม่ใช่ทรัพย์สินของบริษัท
คนส่งอาหาร หรือที่บริษัทเรียกว่า couriers คือคนที่สนใจจะทำงานหรือหารายได้เสริมและไปลงทะเบียนไว้กับทาง Uber ส่งอาหารได้ตามความสะดวกของตัวเอง ว่างตอนไหนก็กดออนไลน์รับออเดอร์
ถ้าไม่ว่างก็ปิดแล้วก็ไปใช้ชีวิตของตัวเองต่อ
อีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างก็คือการเลือกสรรร้านอาหารให้มาอยู่บนแอพพลิเคชั่นค่ะ เรามักจะคุ้นเคยกับการสั่งอาหารให้มาส่ง แล้วก็ไม่ได้แคร์อะไรมากว่าอาหารจะมาในสภาพแบบไหน ขอแค่ให้ไม่หน้าเละ ไม่พลิกคว่ำกลับหัวกลับหาง หรือแพ็กเกจจิ้งไม่ฉีกขาดก็น่าจะโอเคแล้ว
แต่ UberEATS ยกระดับขึ้นไปอีกเลเวล คือไปเป็นพาร์ตเนอร์กับร้านอาหารหรูระดับมิชลิน สตาร์ เดลิเวอรี่อาหารชนิดที่ปกติแล้วจะต้องโทร.ไปจองโต๊ะล่วงหน้านานๆ หรือรอคิวยาวเหยียดกว่าจะได้เข้าไปนั่งกิน
แล้วก็จัดส่งให้ถึงบ้านแบบที่พรีเซ็นเทชั่นอาหารก็ยังสวยหรูชนะเลิศ
หนึ่งในร้านอาหารที่เป็นพาร์ตเนอร์กับ UberEATS คือร้านหรูที่มีชื่อว่า Sougo ร้านนี้เป็นร้านที่เสิร์ฟอาหารประเภทโชจินค่ะ
ตอนแรกซู่ชิงก็ไม่รู้จักเหมือนกันว่าอาหารประเภทนี้คืออะไร
มาได้เรียนรู้ทีหลังว่าเป็นอาหารที่คนญี่ปุ่นทำเสิร์ฟให้พระในศาสนาพุทธฉัน
ดังนั้น จึงเป็นอาหารมังสวิรัติทั้งหมด แต่โอ้โห ทั้งการปรุงอาหาร สตอรี่เบื้องหลังการปรุง รวมไปถึงการจัดวางอาหารออกมาเสิร์ฟอย่างสวยงามนี่ก็ทำให้อึ้งไปเลยค่ะ
ซู่ชิงได้ละเลียดเต้าหู้ที่ปรุงและฝานมาเป็นอย่างดีให้คล้ายกับเส้นบะหมี่ จัดวางให้เป็นคลื่นที่เชฟอธิบายว่าเลียนแบบสายน้ำที่กำลังไหลเอื่อยๆ
หรือของหวานที่เป็นแตงโมในรูปแบบน้ำแข็งใส โรยโกโก้ฝานให้คล้ายเมล็ดแตงโมลงไปให้รสชาติเข้ากันกลมกล่อมหวานอมขม กับวุ้นลอยในน้ำเชื่อมที่มองตาเปล่าจะเห็นเพียงแค่น้ำเชื่อมเท่านั้น
จานนี้เชฟออกมาบอกว่ามีแต่คนซื่อสัตย์เท่านั้นที่จะสามารถมองเห็นวุ้นได้ (แน่นอนว่าไม่มีใครมองเห็นจนกว่าจะใช้ช้อนลองคนดู น่าจะบอกอะไรในสังคมเราได้พอสมควรนะคะ ฮ่าฮ่า)
ทั้งหมดนี้สามารถจัดส่งให้ได้ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาการเสิร์ฟที่เหมือนการนั่งกินที่ร้านเป๊ะๆ ผ่านแอพพลิเคชั่น UberEATS นี่แหละค่ะ
ในช่วงแรกเริ่มของการเปิดให้บริการ UberEATS ในญี่ปุ่นจะจัดโปรโมชั่นสั่งอาหารด้วยราคา 1 เหรียญ ซึ่งก็คือเหรียญ 500 เยนของญี่ปุ่นค่ะ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 170 บาท) แต่ละสัปดาห์ก็จะมีร้านอาหารหมุนเวียนเปลี่ยนกันมาร่วมโปรโมชั่น 1 เหรียญนี้ และแน่นอนร้าน Sougo ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยค่ะ
รายละเอียดที่น่ารู้อื่นๆ ก็อย่างเช่น เวลาเฉลี่ยของการส่งอาหารจะอยู่ที่ไม่เกิน 30 นาทีหลังจากกดปุ่มสั่ง ลูกค้าสามารถติดตามดูสถานะได้ว่าตอนนี้ร้านอาหารรับออเดอร์ไปแล้วหรือยัง อยู่ในระหว่างกำลังปรุงอาหาร จัดส่ง หรือมาถึงแล้ว
ซึ่งเมื่อมาถึงแล้วก็จะมีคำแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาให้รู้ ไม่ต้องควักเงินสดออกมาจ่ายเพราะตัดผ่านบัตรเครดิต และหลังจากทุกกระบวนการเสร็จสิ้น ลูกค้าก็จะสามารถรีวิวร้านอาหารและคนส่งได้ ขณะที่ร้านอาหารก็จะรีวิวคนส่งได้ด้วย
ซึ่งทาง Uber เล่าให้ฟังว่าวัฒนธรรมการรีวิวของลูกค้าชาวญี่ปุ่นนั้นละเอียดยิบหายห่วง นำไปปรับปรุงกันต่อได้ตรงจุดแน่ๆ
เพราะขนาดการนั่งรถ Uber ลูกค้าญี่ปุ่นยังรีวิวถึงขั้นว่าคนขับเดินมาเปิดปิดประตูให้หรือเปล่า และประตูที่ปิดนั้นปิดอย่างเบามือขนาดไหนกันเลยทีเดียว
ไหนๆ ซู่ชิงก็ไปถึงนั่นแล้ว ก็เลยลองสั่งอาหารผ่านทาง UberEATS ในโตเกียวดูค่ะ
เลื่อนดูเมนูอาหารไปมาก็เจออาซาอิถ้วยที่โรยด้วยคอนเฟล็ก สตรอว์เบอร์รี่ กล้วย และนมข้นหวาน น่ากินมากๆ
กดสั่งไปเสร็จปุ๊บ ทางร้านก็รับออเดอร์ทันที
และภายใน 10 นาทีซู่ชิงก็มีถ้วยอาซาอิหวานเย็นเจี๊ยบชื่นใจอยู่ในมือ
โดยถ้วยที่เสิร์ฟมานั้นหน้าตาสวยงามราวกับไปนั่งรับประทานที่ร้าน
แต่ที่อาหารมีให้เลือกเยอะแยะและมาส่งอย่างรวดเร็วนั้นเพราะตำแหน่งที่ซู่ชิงกดสั่งอาหารอยู่ใจกลางศูนย์กลางการให้บริการของ UberEATS เลย
ส่วนใครที่อยู่รอบนอกโตเกียวออกไปหน่อย ก็อาจจะมีตัวเลือกร้านอาหารน้อยลง หรืออาจจะยังไม่ทันครอบคลุมไปถึง ซึ่งทาง Uber ก็บอกให้รอสักหน่อย กำลังค่อยๆ ขยายการให้บริการค่ะ
ส่วนสาเหตุที่ซู่ชิงได้เดินทางไปร่วมงานนี้ถึงญี่ปุ่นก็แน่นอน เป็นเพราะว่า UberEATS จะมาให้บริการในไทยเมืองไทยเร็วๆ นี้ด้วยค่ะ!
ดูจากซิเล็กชั่นของอาหารที่จัดส่งในโตเกียวแล้ว ซู่ชิงก็ตื่นเต้นมากๆ ที่จะรอดูว่า UberEATS ในเมืองไทยจะคัดสรรร้านอาหารแบบไหนมาเป็นตัวเลือกให้ลูกค้าบ้าง
แค่นึกขึ้นมาตอนนี้ก็ท้องร้องจ๊อกๆ แล้วล่ะค่ะ