ยานยนต์ สุดสัปดาห์ / สันติ จิรพรพนิต/ซูซูกิ ‘สวิฟท์ ใหม่’-ไม่ผิดหวัง แรงเกินตัว-สวยงามตามท้องเรื่อง

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ / สันติ จิรพรพนิต [email protected]

 

ซูซูกิ ‘สวิฟท์ ใหม่’-ไม่ผิดหวัง

แรงเกินตัว-สวยงามตามท้องเรื่อง

 

“ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่” รถอีโคคาร์ที่เปิดตัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เป็นรถยนต์ของปีนี้ที่ผมอยากสัมผัสมากที่สุดรุ่นหนึ่ง

ยิ่งเมื่อน้องนักข่าวโต๊ะรถยนต์ “ข่าวสด” ที่เคยทดสอบมาแล้วชมนักชมหนาว่าขับดีเหลือเกิน จึงยิ่งอยากลองของมากขึ้น

แต่จังหวะและโอกาสก็คลาดกันไปคลาดกันมา

รวมไปถึงซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย ก็จัดทดสอบแบบกลุ่มหลังเปิดตัวไม่นาน จากนั้นน้องนักข่าวก็ขอยืมมาทดสอบเองอีก ทำให้ผมต้องทิ้งช่วงสักนิดเนื่องจากการทดสอบรถแต่ละรุ่นของผม นอกจากจะเขียนลงในหน้า “ยานยนต์สุดสัปดาห์” นี้แล้ว ยังต้องเขียนลงในหนังสือพิมพ์ข่าวสดด้วย

เรียกว่าขอยืมมาทั้งทีแล้วก็เขียนให้คุ้มไปเลย

แต่อย่างที่บอกไปแหละครับว่าอยากลองของ “สวิฟท์ ใหม่” เหลือเกิน จึงตัดสินใจขอยืมรถมาทดสอบโดยไม่ต้องทิ้งช่วงแล้ว

ที่ได้มาเป็นรุ่นท็อป GLX-Navi CVT

 

สวิฟท์ ใหม่ ถือว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 แล้ว แต่ในเมืองไทยถือว่าเข้ามาเป็นรุ่นที่ 2 เนื่องจากเจนฯ แรกไม่ได้ทำตลาดในบ้านเรา เนื่องจากราคากระโดดไปไกลเหลือเกิน

จนเมื่อประเทศไทยมีนโยบายสนับสนุนรถเล็กประหยัดน้ำมัน หรืออีโคคาร์ ให้เป็นโปรดักต์แชมเปี้ยนตัวใหม่ ต่อจากรถปิกอัพ โดยให้สิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย

ซูซูกิจึงตัดสินใจเข้าโครงการ และขึ้นไลน์ผลิตในประเทศไทย

รุ่นแรกที่ทำตลาดในไทยยอดขายถล่มทลาย ในบางช่วงเวลามียอดจองยาวนานข้ามปี

กระทั่งในปี 2018 สวิฟท์ ใหม่ ก็เปิดตัวออกมา ถือว่าไม่ผิดหวังสำหรับแฟนานุแฟนที่รอคอย

รูปร่างหน้าตาเทียบกับของเดิมคงบอกยากเพราะแล้วแต่รสนิยมของแต่ละท่าน สำหรับผมแล้วถือว่าดูดีขึ้น

กระจังทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ มีตาข่ายอยู่ตรงกลาง ซึ่งจะเป็นเอกลักษณ์ของรถซูซูกิในรุ่นอื่นๆ ด้วย เด่นอีกนิดด้วยเส้นคาดสีแดงตรงกลาง

ไฟหน้า LED Projector ปรับได้ 5 ระดับ พร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่ง ต่ำลงมาเป็นไฟตัดหมอกทรงกลม

เส้นสายตัวถังมองผาดๆ เหมือนรถ 3 ประตู เนื่องจากมือเปิดประตูผู้โดยสารตอนหลังขึ้นไปซ่อนอยู่ด้านบนและทำเป็นสีดำกลืนไปกับตัวรถ

ไฟท้ายแบบ LED เช่นกัน

ล้อต้องถือว่าไม่ธรรมดาเพราะให้มาถึง 16 นิ้ว

 

รุ่นท็อปมาพร้อมระบบเปิดประตูอัจฉริยะ มีปุ่มรับสัญญาณที่ประตูคู่หน้าและประตูบานท้าย ถือว่าสะดวกมาเวลาหอบของพะรุงพะรัง ไม่ต้องควักกุญแจออกมา

หรือในช่วงที่ต้องการหยิบของท้ายรถก็สามารถกดปุ่มล็อกประตูได้เลย ไม่ต้องเดินมาที่ประตูด้านคนขับอีกรอบ

ภายในถือว่ากว้างกว่ารุ่นเก่าถึง 40 มิลลิเมตร ทำให้ไม่อึดอัดทั้งผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง

พวงมาลัย 3 ก้านแบบไฟฟ้าทรงท้ายตัดปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมแบบมัลติฟังก์ชั่น ด้านซ้ายปรับเครื่องเสียง ส่วนด้านขวาเป็นระบบควบคุมความเร็ว

มาตรวัดสไตล์สปอร์ตที่ตกแต่งด้วยลายเส้นสีแดง พร้อมจอแสดงข้อมูลขับขี่แบบ LCD ซึ่งแสดงผลต่างๆ อย่างครบถ้วน

ติดตั้งจอสัมผัส Suzuki Smart Connect ขนาด 7 นิ้ว มีฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่าน Bluetooth พร้อมโปรแกรม Apple CarPlay

มีปุ่มสตาร์ต-สต๊อป และปุ่มปิดระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์ (IDLING STOP) ซึ่งระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์สามารถปรับตั้งเวลาได้

เพราะความรู้สึกส่วนตัวทำให้การขับขี่ของผมไม่ได้ใช้ระบบนี้เลย ติดเครื่องปุ๊บก็ปิดระบบนี้ก่อนเพื่อนเลย

ระบบแอร์อัตโนมัติใช้งานง่าย

ส่วนเกียร์อัตโนมัติซีวีที รูปทรงไม่ได้หวือหวาอะไรมาก

ที่นั่งตอนหลังถือว่ากว้างในระดับหนึ่ง เรียกว่านั่งได้สบายๆ

 

ที่น่าสนใจผมยกให้ระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่ใส่มาแน่นคันเกินหน้าเกินตารถอีโคคาร์ไปมาก ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัย SRS 6 ตำแหน่ง

ระบบ TCS ช่วยในการควบคุมรถขณะขับขี่บนถนนลื่นหรือในทางโค้ง, ระบบ Hill Hold Control ที่จะช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน, ดิสก์เบรก 4 ล้อ, ระบบป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBD, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP ฯลฯ

ถือว่าเป็นอีโคคาร์รุ่นแรกที่ครบเครื่องขนาดนี้

เครื่องยนต์ K12M DUALJET 1,197 ซีซี กำลังสูงสุด 83 แรงม้า/6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร/4,400 รอบต่อนาที

อ่านมาถึงตอนนี้หลายท่านอาจจะตาโตว่า ทำไมกำลังเครื่องยนต์ถึงน้อยกว่ารุ่นเก่า ซึ่งให้มาถึง 91 แรงม้า

อย่าเพิ่งตกใจครับ เพราะแม้แรงม้าจะน้อยลง แต่ตัวถังน้ำหนักก็ลดลงด้วย จากแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT ช่วยให้รถมีน้ำหนักน้อยลงแต่คงความแข็งแกร่ง

ทำให้น้ำหนักรวมของสวิฟท์ใหม่ เบากว่ารุ่นเดิมถึง 65 กิโลกรัม

ทำให้สวิฟทฺใหม่มีอัตราเร่งที่เมามันกว่ารุ่นเดิมพอสมควร

 

เปิดประตูก่อนสไลด์ตัวเข้าไปยังที่นั่งคนขับ สัมผัสแรกคือเบาะนั่งนุ้มนุ่ม ปีกเบาะโอบกระชับร่างกายได้พอเหมาะ

มองซ้ายมองขวาพร้อมเอื้อมมือไปยังปุ่มต่างๆ อยู่ในระยะพอดี มีก็แต่ตัวปิดระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์ (IDLING STOP) ที่ห่างมือไปสักหน่อย

บอกตรงๆ ว่าผมคาดหวังค่อนข้างสูงกับรถรุ่นนี้ เนื่องจากโดยส่วนตัวชอบรถเล็กๆ น่ารักๆ อยู่แล้ว อีกทั้งได้ฟังนักข่าวรถยนต์ “ข่าวสด” ที่บอกว่าแรงจริง แรงจัง

แต่ถึงกระนั้นก็พยายามทำใจไว้ล่วงหน้าว่านี่คือรถอีโคคาร์ และเครื่องแค่ 1.2 ลิตร จึงต้องตั้งสมาธิและจดจำไว้เสมอว่านี่คือการทดสอบรถเล็ก

พระเจ้าช่วย…เพียงแต่กดคันเร่งผมต้องตกใจกับกำลังเครื่องที่มาแรงและมาเร็วมาก ความเร็วระดับ 120-150 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไม่ทันรู้สึกตัวก็มาถึงแล้ว

ความเร็วระดับ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง รอบเครื่องยนต์อยู่ที่แค่ 2,000 รอบเท่านั้น

รอบเครื่องยนต์ 2,000 รอบ ถือว่าเป็นรอบเครื่องที่ค่อนข้างประหยัด หากใครสามารถขับขี่โดยยึดความเร็วรอบขนาดนี้ได้ บอกเลยสบายกระเป๋าแน่นอน

ส่วนถ้าปรับเป็นโหมดสปอร์ต รอบเครื่องยนต์จะจัดขึ้น อัตราเร่งดีขึ้น เหมาะสำหรับการเร่งแซงยามขับขี่ทางไกล

เสียงลมและเสียงเครื่องเข้ามาไม่มากนัก เรียกว่าพอรับได้

เครื่องเสียงไม่ได้ดีมากแต่ไม่ถึงกับแย่ ลำโพงมีมาให้ทั้งหน้า-หลังและทวิตเตอร์ หากใครอยากได้เสียงแจ่มกว่านี้แนะนำให้เปลี่ยนลำโพงครับ

ช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมคอยล์สปริง ด้านหลังทอร์ชั่นบีมพร้อมคอยล์สปริง นิ่มนวลดีมาก การเข้าโค้งหนักๆ ไม่มีปัญหากวนใจเพราะมีตัวช่วยเยอะพอสมควร

ภาพรวมแล้ว “ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่” ถือว่าครบเครื่อง โดยเฉพาะอัตราเร่งและความสนุกในการขับขี่เป็นรองรถขนาด 1.5 ลิตร หรือกลุ่มซิตี้คาร์ ไม่มากนัก

สนนราคาอยู่ที่ 499,000-629,000 บาท