โลกหมุนเร็ว / เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง/รถไฟไทย ยุคใหม่

โลกหมุนเร็ว / เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง [email protected]

 

รถไฟไทย ยุคใหม่

 

ชอบที่ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ เคยพูดไว้เมื่อคราวมาเสวนาเรื่อง “รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสอินเดีย” ที่มติชน ว่า “ผมเพิ่งลองนั่งรถไฟไปอยุธยาเมื่อไม่นานมานี้ พบว่ายังเหมือนกับยุคโบราณไม่มีอะไรเปลี่ยน รถไฟไทยสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ยุคเดียวกับที่ญี่ปุ่นก็สร้างรถไฟเหมือนกัน ญี่ปุ่นมีชินกันเซนแล้ว แต่รถไฟไทยยังเหมือนเดิม 555” ว่าแล้วก็หัวเราะน้อยๆ ตามสไตล์ ดร.ชาญวิทย์

ดังนั้น เมื่อมีเพื่อนรุ่นน้องมาชวนไป “เที่ยวหัวหิน” ด้วยการนั่งรถไฟไปภายในวันเดียว จึงเกิดอาการเครียดนิดๆ ไปหัวหินนี่ต้องขับรถไป แล้วก็มีที่พักริมหาด จะได้เดินเล่น กินอาหารทะเล แล้วค่อยกลับ เร็วที่สุดก็วันรุ่งขึ้น

นึกภาพไม่ออก ไปหัวหินวันเดียว ด้วยรถไฟเนี่ยนะ

ไป ไม่ไป ไป ไม่ไป ถามตัวเองอยู่อย่างเนี้ย

เอาละ ไปก็ไป ไม่ไปก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่ไปไม่ได้ เพราะจะพาครูฝรั่งไปเที่ยวอำลาก่อนครูกลับไปอเมริกา มีลูกศิษย์ไปกัน 4-5 คน

 

ไปถึงแต่ไก่โห่ ที่สถานีรถไฟสามเสน เพราะกลัวตกรถไฟ ไปถึงก็ตามคาดละนะ สถานีสกปรก ไม่ถึงกับโทรมนะ ถ้าเช็ดถูก็จะน่านั่งมากขึ้น ชอบคิดว่าถ้าให้เอกชนมาพัฒนาจะดี แต่ก็ไม่รู้ว่าการรถไฟฯ มี “จำนวนผู้โดยสาร” มากพอที่จะจูงใจเอกชนให้ลงทุนหรือเปล่า ถ้ามีร้านกาแฟเล็กๆ ให้นั่งรอ ก็จะศิวิไลซ์ขึ้นไม่น้อย และการรอคอยถึง 45 นาทีคงจะน่าอภิรมย์มากขึ้น ไม่กล้านั่งเก้าอี้ที่ชานชาลาค่ะ ท่าทางไม่ค่อยสะอาด

เกร่ดูป้ายต่างๆ มีป้ายเขียนว่า “ห้อง VIP” ด้วย เดินตามลูกศรไป หาไม่เจอ เลยไปถามเจ้าหน้าที่ เขาบอก ไม่มีหรอกห้อง VIP

ไม่แปลกใจค่ะ ไม่แปลกใจ

ที่ตารางการเดินรถ บอกไว้ชัดเจนถึงรถไฟขบวนพิเศษ ไปกาญจนบุรี และไปหัวหิน สุดปลายทางที่สวนสนประดิพัทธ์ ก็บันทึกภาพเก็บไว้ จะได้ไปเล่าต่อกับเพื่อนฝูง

ถึงเวลาผู้ร่วมขบวนมา จิตใจเริ่มคึกคักสดใส หัวหน้าทีมบอกว่าค่ารถไฟคนละ 250 บาท ผู้ร่วมทีมท่านหนึ่งเป็นผู้บริหารองค์กรขนาดใหญ่ เงินเดือนล้นเหลือ แต่ไม่ติดหรูค่ะ เขาคนนี้เป็นหัวหน้าทีม และเขาเป็นผู้บอกว่าค่าโดยสารคนละ 250 ดีใจจนอยากร้องไห้เลย

จากนั้นเราเก็บเงินกองกลางคนละ 1,000 บาท เป็นค่าเดินทาง ค่าอาหาร และอื่นๆ

 

 

ชีวิตเริ่มดีละนะ เมื่อรู้ว่าในราคา 250 จะได้นั่งตู้รถไฟแอร์

เบาะก็นิ่มใช้ได้ ความสะอาดก็ใช้ได้ ยิ่งนั่งก็ยิ่งรู้สึกดี ได้ชมวิวทุ่งนาสองข้างทาง ไม่ต้องผ่านรถติดที่ไหนเลย พลันก็ตระหนักว่ารางรถไฟสามารถพาเราแล่นตะบึงไปได้ตลอดไม่ต้องหยุดที่ไหน จนกว่าจะถึงจุดหมายหรือสถานีที่กำหนดให้หยุด นั่งคุยกันไปเพลิดเพลิน หรืออ่านหนังสือคนเดียวแบบแหม่มที่สะพายเป้มาคนเดียวที่นั่งเก้าอี้ข้างๆ เราก็ได้

ขาไป ไม่มีคนขายของมาเดินขายโน่นนี่ค่ะ

ภายในเกือบ 1 ชั่วโมงก็ถึงนครปฐมแล้ว ถ้าขับรถไป คงไม่ได้ ดีจังเลยนะ มาถึงด้วยความปลอดโปร่ง รถไฟจอดใจกลางเมืองเลย เดินไปห้านาทีก็ถึงร้านข้าวหมูแดง โดยมีองค์พระปฐมเจดีย์อยู่ข้างๆ รถจอดให้ทานข้าวเช้า เวลากำลังดี 07.40 น. จอด 45 นาที

แล้วรถไฟก็ทะยานผ่านทุ่งนาเขียวสวยต่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะถึงสวนสนประดิพัทธ์ เจ้าพนักงานเข้ามาประชาสัมพันธ์พร้อมกับย้ำเตือนเรื่องการรักษาเวลา ฟังไปฟังมาชักตลกหน้าตาย ขู่นิดๆ เตือนหน่อยๆ ว่าทุกเที่ยวต้องมีคนตกรถไฟนะ และรถไฟไม่สามารถถอยไปรับได้ จากนั้นก็บรรยายเรื่องของฝากว่าไม่ต้องตกใจ ไม่ได้แวะระหว่างทางให้ก็จริง แต่ได้ของฝากครบชัวร์

ว่าแล้วก็ทำการแจกภาพของฝากจากแหล่งต่างๆ พร้อมราคา ล้วนเป็นของฝากยอดนิยม เช่น หม้อแกง สาเกเชื่อม และข้าวแช่จากเพชรบุรี ก๋วยเตี๋ยวแห้งราชบุรี ข้าวหลาม และอื่นๆ อีกสารพัด

เท่านั้นยังไม่พอ เจ้าหน้าที่จอมตลกคนนี้ยังมีระบบการสั่งของฝากที่เข้าทีมาก เขาเดินมาที่ผู้โดยสารทุกคน จดเบอร์ที่นั่ง และจดสิ่งที่ผู้โดยสารแต่ละคนต้องการ ใช้เครื่องคิดเลขบวกราคา และให้ผู้ช่วยที่เดินตามมาเก็บเงิน ทอนเงินเรียบร้อย

เป็นอย่างไรกันคะ บริการเยี่ยมยอดไหม นี่เป็นบริการที่เพิ่มคุณค่าของการรถไฟฯ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เป็นการตลาดที่น่าประทับใจมาก ของทั้งหมดที่สั่งไป ในเที่ยวกลับพนักงานก็นำมาส่งครบครันตรงตามที่สั่งไว้ ต้องเรียกว่ารู้ใจคนไทยจริงๆ คนไทยไปไหนขาดของฝากไม่ได้อยู่แล้ว

 

รถไฟถึงสถานีสวนสนประดิพัทธ์เวลาก่อน 11 โมงเล็กน้อย เราอยู่ท่ามกลางบรรยากาศสงบเงียบของริมทะเล เดินไปเล็กน้อยก็ถึงชายหาด ทุกคนแยกย้ายกันเดินเที่ยวหรือหาที่รับประทานอาหารตามอัธยาศัย เราเดินเลียบหาดไปจนถึงโรงแรมสวนสนซึ่งบริหารโดยทหาร กว้างขวางและมีภัตตาคารที่มีมาตรฐาน เสร็จแล้วก็มานั่งเล่นดูทะเลกันจนได้เวลาบ่าย 3 โมงก็ไปขึ้นรถไฟตามนัด

อะไรที่ไม่คาดหมาย ไม่คาดหวัง มักดีเสมอ ทุกคนหันหน้ามองกันแล้วก็ยิ้มแย้ม ได้ไปสูดอากาศริมทะเล คุยกัน เดินทางด้วยกัน เก็บภาพแห่งความทรงจำร่วมกัน หัวหน้าทัวร์แจกเงินคืนทุกคนขากลับอีกคนละ 150 บาท ช่างเป็นความสุขราคาประหยัดจริงๆ

รถไฟนั้นสามารถทำได้มากกว่า ส่งผู้โดยสารไปตามราง ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง หนึ่งในทางรอด (จากขาดทุน) ของการรถไฟฯ ก็คือการจัดทริปแบบนี้ให้มากขึ้นอีกหลายๆ เส้นทาง ไม่จำเป็นต้องเป็นการเดินทางเช้าไปเย็นกลับ ที่สวนสนประดิพัทธ์นี้ก็มีโรงแรมคุณภาพมาตรฐานรออยู่ สามารถพักค้างคืนกี่คืนก็ได้ แล้วค่อยนั่งรถไฟกลับ

เอาการตลาดเข้าไปจับเสียหน่อย ขี้คร้านจะได้ผู้โดยสารเพิ่ม รถไฟมีเสน่ห์ของมันอยู่แล้ว ปล่อยอารมณ์กับสองข้างทางไปเรื่อยๆ ถึงที่ไหนก็ลงชมบ้านเมือง ถ้าการรถไฟฯ มีโปรแกรมดีๆ บุคลากรก็ทำงานด้วยความสุขสนุกสนาน เหมือนพนักงานคนที่เราแสนประทับใจคนนั้น