เผยแพร่ |
---|
ภาพของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เมื่ออยู่ในวงล้อมของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีความต่างอย่างเด่นชัด
เมื่อเอ่ยถึง “รัฐธรรมนูญ”
แม้ในสถานการณ์ “ชัตดาวน์” ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษ ภาคม 2557 นายไพบูลย์ นิติตะวัน จะเคยเป่านกหวีดและร่วมขึ้นเวทีปราศรัยกับกปปส.
แต่พลันที่ประกบใกล้กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็สร้างความต่างให้เกิดขึ้น
ทั้งๆที่เคยร่วม”เป่านกหวีด”มาเช่นเดียวกัน
นี่ยังไม่ต้องกล่าวถึงพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือพรรคพลังประชารัฐ
ไม่ว่าบนเวทีเสวนาแห่งใดพลันที่มีการเสนอคำถามต่อ”คสช.”และ ต่อ “รัฐธรรมนูญ” ก็จะเกิดสภาพเหมือนที่เกิดขึ้นบนเวทีคณะรัฐ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นั่นก็คือ การแยกแตกออกเป็น 2 ขั้ว
ขั้ว 1 ยกย่อง สรรเสริญให้เห็นความเด่นเลิศประเสริฐศรีของ “รัฐธรรมนูญ” และรวมถึงของ “คสช.”
ขั้ว 1 ตั้งข้อสงสัย ไม่แน่ใจ และถึงกับปฏิเสธ
เหมือนท่าทีระหว่าง นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายธนาธร จึงรุ่ง เรืองกิจ ต่อ นายไพบูลย์ นิติตะวัน
ยืนอยู่คนละข้าง ยืนอยู่คนละฝ่าย
ฝ่ายหนึ่ง ต้องการรักษา ต้องการเอามาใช้เป็นเครื่องมือ ฝ่ายหนึ่ง ต้องการแก้ไข และรุนแรงถึงขั้นว่าจำเป็นต้อง “ยกร่าง”ขึ้นใหม่
นี่คือการต่อสู้ในทาง “ความคิด” ที่ดำรงอยู่ในสังคมไทย
นี่คือ “กระแส” ที่จะต้องปะทุขึ้นและจะทวีความร้อนแรงเป็นลำดับในสมรภูมิด้าน “การเลือกตั้ง”
มีความเป็นไปได้เด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับว่า ประเด็นสำคัญของการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 คือ
1 ท่าทีและความรู้สึกต่อ “รัฐธรรมนูญ”
1 ท่าทีและความรู้สึกต่อ “รัฐประหาร” ไม่ว่าจะเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าจะเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
1 ในที่สุดก็รวมศูนย์ไปที่ “คสช.”