ศัลยา ประชาชาติ : ครม.สัญจรเหนือจรดใต้ 10 ครั้ง วางงบฯ มัดจำ 2.1 ล้านล้าน สะสม ส.ส. แต้มต่อ คสช.ภาค 2

นับเป็นครั้งที่สิบของการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ที่จังหวัดพิจิตรและนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 11-12 มิถุนายน 2561 พร้อมกับการอนุมัติแผนงาน-โครงการและงบประมาณจำนวนนับแสนล้าน

โดยเฉพาะการอนุมัติให้ 4 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ได้แก่ นครสวรรค์ พิจิตร กำแพงเพชรและอุทัยธานี เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมชีวภาพครบวงจร (Bio Hub) 40,000 ล้านบาท

การอนุมัติก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางแม่สอด-ตาก-กำแพงเพชร-นครสวรรค์-ขอนแก่น (บ้านไผ่)-นครพนม ระยะทางรวม 902 ก.ม. วงเงิน 157,137 ล้านบาท รวมทั้งการขยายถนน-ทางหลวงเพื่อสนับสนุนให้นครสวรรค์เป็น Bio Hub อีก 26,820 ล้านบาท

การประชุม ครม.สัญจร บึง “ชาละวัน” ครั้งนี้ สปอตไลต์ยังสาดส่องไปที่การ “ปิดดีล” ร่วมก๊วน พล.อ.ประยุทธ์-คสช. กับ “อดีต ส.ส.” – “นักการเมืองท้องถิ่น” ในพื้นที่ โดยมี “เฟรนด์ ออฟ สมคิด” เป็น “ดีลเมกเกอร์” อย่างน้อยมี 3 ที่นั่งที่ติดไม้ติดมือ

มีอดีต ส.ส.- ส.ว.เกรดบีและอยู่ในช่วง “ขาลง” ในพื้นที่ แต่ “ไม่ยอมตกขบวน” มาร่วมต้อนรับ อาทิ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ซึ่งในยุค คสช. “ชาดา” ถูก คสช.ปราบปรามอย่างหนัก เพราะถูกขึ้นบัญชีดำเป็น “ผู้มีอิทธิพล”

“ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์” ทายาทชาละวัน “พล.ต.สนั่น” ภายหลังย้ายค่ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) จึงทำให้ถูกมองว่า “ถูกดูด” ไปแล้ว เมื่อครั้งประชุม “ครม.สัญจร” ที่จังหวัดบุรีรัมย์

รวมถึงนายประสาท ตันประเสริฐ อดีต ส.ส.เขต 6 นครสวรรค์ พรรคชาติพัฒนา (ชพ.) ในค่าย “สุวัจน์”

 

4ปีที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เดินเรียงแถวหน้ากระดาน “เหนือจรดใต้” ตีโอบ-กวาดต้อนนักการเมือง-ก๊วนและมุ้งเพื่อเจาะฐานเสียงพรรคการเมืองมาแล้ว “10 ครั้ง” โปรยเม็ดเงินไปแล้วเกือบ 2 ล้านล้านบาท หรือ 2,160,957 ล้านบาท หวังแชร์เก้าอี้ ส.ส.จากพรรคการเมืองไป 86 ที่นั่ง

ครั้งแรก จ.ประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 27-28 มีนาคม 2558 หลัง “รัฐบาลทหาร” ครบ 6 เดือน ครั้งนั้นอนุมัติกรอบวงเงิน “อภิมหาโปรเจ็กต์” แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 ระยะ 8 ปี วงเงิน 1,912,681 ล้านบาท

ครั้งที่สอง จ.เชียงใหม่ วันที่ 29-30 มิถุนายน 2558 อนุมัติโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งตามที่จังหวัดเสนอ จำนวน 46 โครงการ 87,000 ล้านบาท ไว้เป็น “วาระแห่งชาติ”

ครั้งที่สาม เลือกลง “จังหวัดบ้านเกิด” ของนายกรัฐมนตรี นครราชสีมา วันที่ 21-22 สิงหาคม 2560 อนุมัติรวม 272,558 ล้านบาท อาทิ อนุมัติกรอบวงเงิน 225,779 ล้านบาท เพื่อ “ปักหมุด” รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย

อนุมัติ “งบฯ กลางปี 2560” จำนวน 2,101 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและโครงการที่มีความพร้อมเพื่อขอรับการสนับสนุน “งบฯ กลางปี 2561” รวม 348 โครงการ 8,820 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง

การเลือกตั้งเมื่อปี 2554 พรรคชาติพัฒนา (ชพ.) เป็นเจ้าของเก้าอี้ ส.ส. 7 ที่นั่ง บัญชีรายชื่อ 2 ที่นั่ง แบบเขต 5 ที่นั่ง จากทั้งหมด 15 ที่นั่ง ส่วนใหญ่เป็น “ฐานเสียง” ของ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ผู้มีบารมีของพรรค “แทงผล” การเลือกตั้งครั้งหน้า “รัฐบาลทหาร” กลับมาได้แน่นอน

ครั้งที่สี่ จ.สุพรรณบุรี-จ.พระนครศรีอยุธยา วันที่ 18-19 กันยายน 2560 เดินหมากเจาะ “ฐานเสียง” ของพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ของ “บรรหาร ศิลปอาชา” มังกรการเมืองผู้ล่วงลับ

ครั้งนั้นโปรยเม็ดเงินกว่า 158,878 ล้านบาท อาทิ การนำร่อง “เมกะโปรเจ็กต์น้ำ” โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา 17,600 ล้านบาท มอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี วงเงิน 49,120 ล้านบาท

รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ รับน้อง “วราวุธ ศิลปอาชา” ทายาท “มังกรบรรหาร” ที่เขียนพินัยกรรม-มรดกทางการเมืองไว้ให้ เพื่อรักษาที่นั่ง-เก้าอี้ ส.ส. ที่เคยกอดไว้เมื่อการเลือกตั้งปี 2554 แบบบัญชีรายชื่อ 12 ที่นั่ง แบบแบ่งเขต 7 ที่นั่ง รวม 19 ที่นั่ง

ครั้งที่ห้า “พล.อ.ประยุทธ์” รุกคืบทางการเมืองตีโอบปักษ์ใต้-ฐานที่มั่นพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ จ.ปัตตานี และ จ.สงขลา วันที่ 27-28 พฤศจิกายน 2560 “ซื้อใจ” ชาวปักษ์ใต้ กว่า 658,179 ล้านบาท อาทิ โครงการพัฒนาพื้นที่จังหวัดภาคใต้และชายแดนภาคใต้ 500,000 ล้านบาท “ปลดล็อก” ให้นำ “เงินสะสม” ท้องถิ่น 150,954 ล้านบาท

พร้อมกับ “มัดใจ” พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ฐานที่มั่น “สุเทพ เทือกสุบรรณ” โครงการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำประปาลอดใต้ทะเลไปยัง “เกาะสมุย” จ.สุราษฎร์ธานี 2,166 ล้านบาท

 

ครั้งที่หก เยือนถิ่น-ถ้ำ “มัชฌิมา” ของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” จ.สุโขทัย-พิษณุโลก วันที่ 25-26 ธันวาคม 2560 “ซื้อใจ” คนภาคเหนือตอนล่าง 1 กว่า 394,619 ล้านบาท อาทิ โครงสร้างพื้นฐานทางถนนในพื้นที่ภาคเหนือ 115,179 ล้านบาท โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก 276,225 ล้านบาท ซึ่ง “ก๊วนมัชฌิมา” มีอดีต ส.ส. อยู่ในมือกว่า 10 ที่นั่ง

ครั้งที่เจ็ด จ.จันทบุรีและตราด วันที่ 5-6 กุมภาพันธ์ 2561 มี จ.ชลบุรี ฐานเสียงพรรคพลังชล (พช.) ของนายสนธยา คุณปลื้ม ก่อนจะอนุมัติงบประมาณกว่า 320,721 ล้านบาท อาทิ แผนยุทธศาสตร์การค้าผลไม้ครบวงจร “มหานครผลไม้ของโลก” ระยะที่ 1 จำนวน 80 ล้านบาท

โครงการรองรับความต้องการน้ำในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) 10 ปี ได้แก่ โครงการที่เกี่ยวกับการปรับปรุงแหล่งน้ำเดิม 6 แห่ง 1,190 ล้านบาท จัดทำอ่างเก็บน้ำใหม่ 3 แห่ง 2,493 ล้านบาท

เชื่อมโยงแหล่งน้ำและระบบผันน้ำระยะ 5 ปี สูบกลับน้ำท้ายอ่างเก็บน้ำจากคลองสะพานไปอ่างประแสร์ 710 ล้านบาท และการป้องกันน้ำท่วมเมืองและนิคมอุตสาหกรรมระยอง และ จ.ชลบุรี 2,225 ล้านบาท

โครงสร้างพื้นฐานทางถนนในพื้นที่ภาคตะวันออก (2557-2561) วงเงิน 77,323 ล้านบาท โครงการการจัดทำคำขอ “งบฯ ประจำปี 2562” วงเงิน 32,484 ล้านบาท โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ 236,700 ล้านบาท

“ครม.สัญจร” ในครั้งนั้น รัฐบาลแต่งตั้งนายสนธยาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และ “อิทธิพล คุณปลื้ม” อดีตนายกเมืองพัทยา เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา โดยมี “โปรโมชั่น” เป็นเก้าอี้ ส.ส.พช. 7 ที่นั่ง

ครั้งที่แปด จ.สมุทรสาครและ จ.เพชรบุรี วันที่ 5-6 มีนาคม 2561 อนุมัติโครงการ-งบประมาณรวม 10,508 ล้านบาท อาทิ โครงการ “Thailand Riviera” 45 โครงการ (ปี 2562) วงเงิน 170 ล้านบาท

เพชรบุรี-สมุทรสาคร เป็นพื้นที่ “พหุพรรคการเมือง” ไม่มีพรรคการเมืองใด “ผูกปิ่นโต” ข้ามปี

แต่ที่พอจะเป็น “กระบอกเสียง” ให้รัฐบาล-คสช. ได้คือ “อลงกรณ์ พลบุตร” อดีต ส.ส.ปชป. ที่เปลี่ยนเส้นทางจากนักการเมืองในสภาเป็นนักการเมืองในสายทหาร

 

ครั้งที่เก้า เรียกเสียงฮือฮาจาก “คอการเมือง” เมื่อเหยียบลานช้างสุรินทร์-ขับบิ๊กไบก์ชมสนามฟุตบอลสโมสรบุรีรัมย์ วันที่ 7-8 พฤษภาคม 2561 ที่มี “เนวิน ชิดชอบ” ผู้มีบารมีแห่งภูมิใจไทย และ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท.

ครม.สัญจรครั้งนั้น “มัดจำ-มัดใจ” เนวิน-อนุทิน 121 โครงการ 20,706 ล้านบาท โดยอนุมัติทันที อาทิ ด้านการเกษตรและแหล่งน้ำ 84 โครงการ 3,476 ล้านบาท ด้านการท่องเที่ยว 5 โครงการ 496 ล้านบาท ด้านโครงสร้างพื้นฐาน 21 โครงการ 11,824 ล้านบาท ด้านการค้า การลงทุน และการค้าชายแดน 4 โครงการ 1,370 ล้านบาท

หากการเยือนสุรินทร์-บุรีรัมย์ พล.อ.ประยุทธ์หวังได้ใจผู้ลงสมัคร ส.ส.ภท. ในสังกัดเมื่อครั้งการเลือกตั้งปี 2554 ในนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ กว่า 35 ชีวิต พ่วงเก้าอี้ ส.ส. 25 ที่นั่ง

พล.อ.ประยุทธ์-เสธ.ทำเนียบนับนิ้วแล้วโกยคะแนนนิยมจากประชาชน-สะสมแต้มจากการลงพื้นที่ ครม.สัญจร แตะมืออดีต ส.ส. ในพื้นที่ 10 ครั้ง หากนักการเมือง “ทำตามสัญญา” เท่ากับว่าพรรค คสช. มีเครือข่ายอดีต ส.ส. ในมือทะลุ 80 ที่นั่ง

แม้ว่าโรดแม็ปนั้นยังอีกยาวไกล