จรัญ พงษ์จีน : “ยุทธศาสตร์(นัก)การเมือง” ของประยุทธ์ และ “ความหวัง” เพื่อนั่งนายกฯต่อ

จรัญ พงษ์จีน

ยิ่งนานวันยิ่งชัดเจนว่า “ใช่เลย” กับลีลาอันเหลือจะกล่าวของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนี้ต้องมนต์การเมืองเข้าไปแล้วเต็มๆ แล้ว ทั้งลีลา ทักษะ “ยุทธศาสตร์-ยุทธวิธี”

ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าแสดงสดหรือแห้ง ตรงกันข้ามกับ “ทหาร-นักรบเก่า” หรือคนที่กำลังจะก้าวลงจาก “หลังเสือ” อย่างสิ้นเชิง งัดไม้ตายทุกชนิดทุกกระบวนท่ามา “ตีกิน” นำร่อง ล้วนเป็นท่วงทำนองของ “นักการเมือง”

โมเดลหนึ่งคือ การนำคณะรัฐมนตรีเดินสายออกพื้นที่ประชุม “ครม.สัญจร” ที่ลอกการบ้านจากรัฐบาล “พลเรือน” มายกดุ้น แมวสีอะไรขอให้จับหนูได้ ไม่เห็นจะเป็นอะไรไป

“บิ๊กตู่” จัดประชุม ครม.สัญจร ถึงตอนนี้ ปาเข้าไปแล้ว 10 ครั้ง “นับหนึ่ง” จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเดือนมีนาคม 2558 จากนั้นได้ใจ ทยอยจัดประชุมมาเป็นลำดับ ตามด้วย “เชียงใหม่-นครราชสีมา-สุพรรณบุรี-สงขลา-สุโขทัย-จันทบุรี-เพชรบุรี”

ดราม่าน้ำตาเล็ด คงไม่มีที่ไหนเกินตอนสัญจรไพร ลงพื้นที่ “นครชัยบุรินทร์” เขต 4 จังหวัดประกอบด้วย “นครราชสีมา-ชัยภูมิ-บุรีรัมย์” และ “สุรินทร์” และล่าสุดวันเวลาห่างกันไม่กี่มากน้อย คือการออนทัวร์ “ภาคเหนือตอนล่าง” คือ พิจิตร-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-อุทัยธานี-ชัยนาท

วงเงินงบประมาณหว่านกระจาย “มัดจำ-ซื้อใจ” กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “เมกะโปรเจ็กต์-อภิมหาโครงการ-มหานครผลไม้โลก “ตัวเลขกลมๆ เฉียด 2 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาล “ท็อปบู๊ต” เขาจัดให้ แล้วไง เมื่อนำไปเทียบกับนายกรัฐมนตรีที่มาจากเลือกตั้ง ประชาธิปไตยทางตรงของประชาชนพลเมือง “จัดหนัก” กว่าซะอีก

ที่ขาดไม่ได้ กลายเป็นของคู่กันโดยปริยายไปเสียแล้ว นอกจากแจกวงเงินงบประมาณพัฒนาจังหวัด คือ “คนการเมือง”

คิวนี้มาตั้งแถวต้อนรับ “พล.อ.ประยุทธ์” กันอย่างล้นหลาม มีข่าวว่าได้รับการอนุเคราะห์จากผู้ว่าราชการจังหวัดในเขตพื้นที่ระดม ละแวกใกล้เคียงทุกจังหวัด มากันหมด ทั้งอดีตนักการเมือง-ผู้นำท้องถิ่น

อาทิ “นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร” อดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคประชาธิปัตย์ “พีระเดช ศิริวันสัณฑ์” อดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคชาติไทยพัฒนา “อนันต์ ผลอำนวย” อดีต ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเพื่อไทย

“สำราญ ศรีแปงวงศ์” กำแพงเพชร จากประชาธิปัตย์ “ผ่องศรี ธาราภูมิ” ลพบุรี ประชาธิปัตย์ “มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช” ลพบุรี ภูมิใจไทย “ชาดา ไทยเศรษฐ์” ชาติไทยพัฒนา อุทัยธานี ควงคู่มากับ “นพดล พลเสน” ต้นสังกัดพรรคเดียวกัน

ที่ไม่ได้ปรากฏตัว ก็มีชื่อแปะอยู่ข้างฝาอีกหลายราย

ที่โดดเด่น เรตติ้งพุ่งแรงมากที่สุดในห้องประชุมวันนั้นคงไม่มีใครเกิน “เสี่ยแฮงค์-อนุชา นาคาศัย” อดีต ส.ส.ชัยนาท พรรคไทยรักไทยเก่า ลูกข่ายมือขวาตัวจริงเสียงจริงของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” หัวหน้ามุ้งมัชฌิมา

เพราะ “นายกฯ ตู่” หยอกเอินกลางวง ถามหาว่า “เจ้าของทีมฟุตบอลชัยนาทฯ อยู่ไหน …ยังแค้นไม่หาย ที่ทำให้ทีมทหารบกตกชั้น”

อดีต ส.ส. ถูกเกณฑ์มาต้อนรับ ครบทุกพรรค ท่ามกลางกระแส “ดูด” กำลังแรงฤทธิ์

 

สังเกตเอาจาก “ครม.สัญจร” ก็พอเดาออกว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เอาแน่ พร้อมแล้วที่จะกลับมาเป็น “นายกรัฐมนตรี” สมัยที่ 2 โดยเลือกมาตามช่องทาง “นายกฯ คนใน” พรรคการเมืองเป็นผู้เสนอชื่อเข้าชิง

ซึ่งน่าจะแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งแล้วว่า “บัญชีชื่อ” คนที่ 1 ของพรรค “พลังประชารัฐ” ที่มีการวางตัวให้คนในรัฐบาล “ตู่ 5” เป็นตัวตั้งตัวตี ตกล่องปล่องชิ้นกันเรียบร้อยแล้ว “อุตตม สาวนายน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหัวหน้าพรรคในเบื้องต้น

แท็กกันเป็นทีม ประกอบด้วย “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ “สุวิทย์ เมษินทรีย์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นผู้บริหารระดับหัวแถว ในจำนวนเบอร์ต้นๆ มีแผนจะดึง “กฤษฎา บุญราช” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ มาทำงานมวลชน ดึงกระแส

นอกจากนั้น “พลังประชารัฐ” ระดมเลือดใหม่ ที่ใช้พลังไฮเพาเวอร์ “ดูด” มาจากพรรคการเมืองอื่นๆ โดยเฉพาะบางส่วนจาก “ประชาธิปัตย์” และ “กปปส.” ซึ่งขณะนี้พรรคเป็นรูปเป็นร่าง มีความคืบหน้าไปมากแล้ว

ขณะที่ในสัดส่วนของอดีต ส.ส.เก่า ที่ไล่จับปลาในอ่างมาหลายก๊วน หลายซุ้ม ก็อาจจะจำลองรูปแบบเดียวกับ “ไทยรักไทย” ในอดีต ให้กางมุ้งอยู่ภายในร่มเงาเดียวกัน คือ “พลังประชารัฐ” ด้วยกัน เป็น “มุ้งเล็กในมุ้งใหญ่” แยกกันรับผิดชอบ สายใครสายมัน “ภาพใหญ่” บริหารจัดการโดยเครือข่ายสายตรงข้างต้น

มีการคำนวณตัวเลขจากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงที่จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในปี 2562 ตัดยอดที่ 70,000 เสียง “พลังประชารัฐ” และ “ลูกข่าย” ที่ล้วนแล้วเป็นกลุ่มการเมืองขาใหญ่ น่าจะได้รับเลือกตั้งเข้ามาที่ 7,000,000 เสียง

เท่ากับได้ ส.ส. ทั้ง 2 ระบบ ปริ่มๆ ที่ 100 ที่นั่ง

จุดที่ทำให้พลังประชารัฐ +มัชฌิมา+บ้านริมน้ำ+พลังชล+ชาติไทยพัฒนา+พรรคท้องถิ่น มั่นใจว่า หลังเลือกตั้งจะเข้าป้ายทะลุหลัก 100 เสียง ได้ฟอร์มรัฐบาล “ตู่ 2/1” ร่วมกับ “ภูมิใจไทย” ที่เสี่ยหนู “อนุทิน ชาญวีรกูล” ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ซึ่งตกลงกันด้วยวาจาเรียบร้อยแล้ว

โดยนำไปรวมกับฐานที่มั่นใหญ่คือ “พรรค ส.ว.” 250 ที่นั่ง เสียงสนับสนุนท่วมท้น เกินครึ่ง 375 เสียง

อย่างไรก็ตาม “ตัวแปร” สำคัญที่สุดที่จะทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ได้เป็นเชนคัมแบ๊ก แบบไม่ต้องหืดจับ

เป็นจุดพลิกผันที่ทำให้นักเลือกตั้งวิ่งตาตั้งมาร่วมสังกัด ทั้งๆ ที่เป็น“พรรคใหม่” และรู้กันโดยนัยว่า “พรรคท็อปบู๊ต”

หนึ่งคือ “กลุ่มทุน” ให้การสนับสนุน “กระสุน” ยิงกันไม่อั้น ใส่เท่าไหร่ “ไม่หมด”

เหนือสิ่งอื่นใด มี “ความเชื่อ” กันว่าการออกแบบรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ที่ใช้กับการเลือกตั้งหนแรก ในปี 2562

เป็นการผลัดกันเกาหลัง โดยออร์แกไนซ์เอาใจ “ทหาร”