สำเริงคดี : ข้าฯ ขอแฉ

ข้าฯ ในที่นี้หมายจำเพาะข้ารับใช้ร่วมสมัยในพระราชวังอังกฤษ

แม้พวกเขาและเธอจะได้ให้สัตย์สาบานก่อนเข้าทำงานว่าจะอุทิศตัวรับใช้และเก็บงำความลับหลังกำแพงพระราชวังแลพระตำหนักต่างๆ ไว้ตลอดกาล

แต่หลายคนหาได้ทำตามคำสาบานไม่ บางคนเป็นเพราะเห็นแก่เงินก้อนใหญ่ บางคนเพราะอยากดัง (แม้ในทางลบ) และบางคนอยากแก้แค้น

เรื่อง “รั่วๆ” ในรั้ววังจึงแพลมโผล่ออกสู่สาธารณชนชาวบ้านเป็นครั้งคราวเรื่อยมา

เวนดี้ เบอร์รี่ อดีตแม่บ้านคนทำความสะอาด เขียนเล่าไว้ในหนังสือ The Housekeeper”s Diary ตีพิมพ์เมื่อปี 1995 ถึงการทุ่มเถียงทะเลาะระหว่างปริ๊นซ์ชาร์ลส์กับพระชายาไดอาน่า ต่างวาระไว้ชนิดคำต่อคำ

ไล่เรียงความสัมพันธ์ของไดอาน่ากับเจมส์ ฮิวอิต

แถมเม้าธ์เรื่องกระจุ๋มกระจิ๋มของปริ๊นซ์ชาร์ลส์ไว้ด้วย อาทิ ทรงโปรดพาตุ๊กตาหมีของพระองค์ไปด้วยในการเสด็จประพาสที่ต่างๆ

ปี 1955 นี้เช่นกันที่ปริ๊นซ์ชาร์ลส์ไล่เคน สโตนาร์ก ออกจากตำแหน่งคนรับใช้ส่วนตัวผู้ดูแลเรื่องเสื้อผ้า เพราะเขาขายข้อมูลให้กับ News of the World เรื่องที่ชาร์ลส์เคยลอบไปเมกเลิฟกะคามิลล่าในพุ่มไม้บริเวณพระตำหนัก Highgrove ในขณะที่ไดอาน่านอนหลับอยู่ข้างใน และตัวเขามีหน้าที่ต้องปัดเศษใบไม้ใบหญ้าออกจากพระสนับเพลายีนส์ของเจ้าชายให้หมดจด

นอกจากนี้เขายังบรรยายถึงการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างชาร์ลส์กับไดอาน่าหลายครั้ง โดยมีครั้งหนึ่งที่ชาร์ลส์กริ้วจัดจนกระชากอ่างล้างมือหลุดออกจากผนัง

สําหรับโทนี่ แบล็กมอร์ อดีตบัตเลอร์ของเฟอร์กี้ซึ่งถูกเธอไล่ออกในปี 1994 เพราะทะลึ่งเรียกขานเธอว่า “selfish bitch” ตัดสินใจแก้แค้นโดยไปขายข่าวให้ News of the World เป็นเงิน 140,000 ดอลลาร์ เรื่องที่เฟอร์กี้นัดพบกิ๊กจอห์น ไบรอัน ไปจุ๊กกรู้กันในพระตำหนักที่เธอยังคงอยู่ร่วมชายคาเดียวกับปริ๊นซ์แอนดรูว์แม้หย่าร้างกันแล้ว

โดยตัวเขามีหน้าที่พาหนุ่มมะกันหน่อนั้นลักลอบเข้าตำหนักโดยหมอบไปกับพื้นรถ

แล้วก็ต้องไปทำผ้าปูที่นอนในห้องพักแขกให้ยับย่น เพื่อที่ข้าฯ คนอื่นๆ จะได้ไม่รู้ว่า จอห์นกับเฟอร์กี้ร่วมหอห้องเดียวกันในคืนนั้น

ปี2000 สตีเฟ่น เจฟสัน อดีตเลขานุการของไดอาน่า เขียนหนังสือบันทึกความทรงจำของเขาออกมาในชื่อ Shadows of A Princess โดยยืนยันว่าเป็นหนังสือที่เต็มไปด้วยความจริงและไม่เอนเอียงเข้าข้างใคร

เขาวาดภาพไดอาน่าไว้ในหนังสือว่าเธอนอยด์ เป็นกบฏเจ้าแผนการ ชมชอบเดอร์ตี้โจ๊กสุดๆ

รวมทั้งระบุว่าเธอเริ่มรู้สึกชิงชังรังเกียจเหล่าพระราชวงศ์ด้วย

ทำให้ปริ๊นซ์วิลเลียมและแฮร์รี่ออกมาโต้แย้ง “แฮร์รี่และข้าพเจ้าเสียความรู้สึกกับหนังสือเล่มนี้” วิลเลียมตรัส

“เพราะว่าความไว้วางใจของมารดาเราถูกทรยศ และท่านยังคงขูดรีดหาผลประโยชน์แม้กระทั่งในปัจจุบัน…”

ปี2004 เลขานุการด้านสื่อมวลชนสัมพันธ์ของปริ๊นซ์ชาร์ลส์ ดิ๊กกี้ อาร์บิเตอร์ เขียนเล่าถึงการพังทลายของชีวิตคู่ระหว่างชาร์ลส์กับไดอาน่าไว้ในหนังสือ On Duty with the Queen ตอนหนึ่งว่า

“…ทั้งสองตกหลุมรักซึ่งกันและกันอย่างแน่นอนในตอนแรก ทว่าเมื่อมีพระโอรส คือวิลเลียมและแฮร์รี่ ปริ๊นซ์ชาร์ลส์ก็ทรงอิจฉาลูกๆ เป็นเหตุให้ชีวิตคู่พินาศ”

เขายังพรรณนาถึงช่วงที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ย่ำแย่สุดๆ ด้วยว่า

“ความห่างเหินเป็นปฏิปักษ์ต่อกันนั้น ถึงขั้นที่คุณสามารถขับรถม้าผ่านเข้าไประหว่างสองพระองค์ได้สบายๆ เลยเชียว…”