วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย / เสถียร จันทิมาธร/มหัศจรรย์ จิ้งจอก 9 หาง (142)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย / เสถียร จันทิมาธร

 

มหัศจรรย์ จิ้งจอก 9 หาง (142)

 

หลังเอี้ยก่วยส่งเสียงจากลมปราณราวกับมังกรคำราม สถานการณ์ก็เกิดการแปรเปลี่ยนอย่างชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ

ไม่ว่าจะในหมู่พี่น้องตระกูลซือ

ไม่ว่าจะในหมู่รังปีศาจภูเขาประจิม

“ตราบใดที่ขุนเขาเขียวยังจีรัง สายธารยังไหลริน ตราบนั้นพวกเราโอกาสหน้าพบกันใหม่” เป็นคำกล่าวจากเจ้าภูเขาหน้าผากขาวต่อเหล่ารังปีศาจภูเขาประจิม

พลางหันไปกล่าวกับเอี้ยก่วย

“ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี พวกเราเหล่าพี่น้องต่อให้ฝึกปรืออีก 30 ปีก็มิใช่คู่ต่อสู้ของท่าน ได้แต่ยอมรับการพ่ายแพ้ นี่เรียกว่าพ่ายแพ้ทั้งปากและใจ นับแต่นี้ไม่กล้าพบหน้าท่านอีก ท่านไปถึงที่ใดพวกเราจะหลบเลี่ยงไปก่อน”

ขณะที่เจ้าภูเขาหน้าผากขาวกล่าวชักชวน “ไปกันเถอะ”

เดินถึงข้างกายราชสีห์เกราะเขียวยื่นมือฉุดแขนของอีกฝ่ายหันกายหมายจากไป

กระนั้น ปมเงื่อนอันละเอียดอ่อนอย่างยิ่งเนื่องแต่ภายในความขัดแย้ง 2 ฝ่ายยังสัมพันธ์กับการเตลิดหนีไปของ “จิ้งจอกวิเศษ 9 หาง” สัมพันธ์กับอาการบาดเจ็บของคนสำคัญในพี่น้องตระกูลซือ เงื่อนไขจึงอยู่ที่

ทำอย่างไรจึงจะได้ “จิ้งจอกวิเศษ 9 หาง” กลับคืนมา

 

แม้ก๊วยเซียงจะฝากความหวังไว้กับฝีมือและความสามารถของ “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี” แต่ก็ไม่แน่ว่าจะง่ายดายอย่างที่คาดหมาย

พลันที่เสือดาวเผ่นโผนทักท้วงขึ้น

“โกวเนี้ยน้อยทราบอันใด นอกจากเป็นเซียนวิเศษเหาะเหินลงจากฟ้า ไม่เช่นนั้น ยังมีผู้ใดจับ ‘จิ้งจอกวิเศษ 9 หาง’ ตัวนั้นได้”

เอี้ยก่วยยิ้มเล็กน้อย ทราบว่าอีกฝ่ายจงใจกระตุ้น แต่ก็ไม่ตอบคำ

กระนั้น เมื่อมูลเหตุแห่งการบาดเจ็บสาหัสได้รับการเปิดเผย “ผู้ที่ทำร้ายซาตี๋เราเป็นราชบุตรมองโกลผู้หนึ่งเรียกว่าฮั่วตู ฟังว่าเป็นศิษย์ของกิมลุ้นฮวบอ้วง ผู้เป็นราชครูอันดับ 1 แห่งมองโกล”

ย่อมสร้างความเร่งเร้า จูงใจ

ยิ่งรับฟังรายละเอียดและผลสะเทือนจากเสือดาวเผ่นโผนที่ว่า “หลังจากรับบาดเจ็บบอบช้ำเช่นนี้ผ่านไปเป็นเวลานานยังไม่ทุเลา ต้องดื่มเลือดของ ‘จิ้งจอกวิเศษ 9 หาง’ จึงค่อยรักษาอาการบอบช้ำได้”

ยิ่งทำให้ปมแห่ง “ปัญหา” รุนแรง ร้ายกาจ

“จิ้งจอกวิเศษ 9 หาง” เป็นสัตว์แสนรู้ ยากจะพบพานในจัตุบาททั้งหลาย แต่ปรากฏร่องรอยอยู่ที่แดนจิ่นน้ำ ซ่อนตัวอยู่ในหลุมโคลนขนาดใหญ่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ห่างจากที่นี้ 30 กว่าลี้

นั่นย่อมเป็น “บึงมังกรดำ” (ตั๊กเล้งท้ำ)

 

 

ต้องยอมรับว่านี่เป็น “กลยุทธ์” ทางการเขียนอันแยบยลของ “กิมย้ง” ทำให้มังกรหยกภาค 2 เหยียบเข้าไปในพรมแดนแห่งมหัศจรรย์

“จิ้งจอกวิเศษ 9 หาง” ถือว่า “มหัศจรรย์” อยู่แล้ว

“จิ้งจอกแสนรู้พอหลบหนีกลับรัง คิดล่อลวงมันออกมาอีกนับว่าลำบากแสนเข็ญ” เป็นการยอมรับจากเสือดาวเผ่นโผน

“จิ้งจอกมีนิสัยมากระแวง ยากที่จะหลอกล่อให้หลงกล โดยเฉพาะ ‘จิ้งจอกวิเศษ 9 หาง’ กลอกกลิ้งเป็นพิเศษ พวกเราใช้ไก่แจ้ 1,000 ตัว ปิ้งย่างไก่ทุกระยะหลายวา กลิ่นหอมของไก่ลอยไปถึงบึงมังกรดำ และให้มันรับประทานวันละตัว รับประทานติดต่อกัน 2 เดือนเศษ ความคิดระแวงของมันค่อยเสื่อมคลายในที่สุดชักนำมาถึงดงไม้แห่งนี้ คราครั้งนี้มันได้รับความแตกตื่น ต่อให้รอคอยอีก 10 ปีมันก็ไม่หลงกลอีกแล้ว”

แม้มีความคิดจะบุกจับจาก “บึงมังกรดำ” ก็ยากแค้นแสนเข็ญ

“พื้นที่รัศมีหลายลี้ของบึงมังกรดำล้วนเป็นหลุมโคลนลึกลับกว่าวา ต่อให้มีวิชาตัวเบาสูงเยี่ยมกว่านี้ก็ยากที่จะหยั่งเท้าได้ ไม่ว่าลำเรือ แพหนัง หรือว่าแพไม้ ล้วนไม่อาจแล่นเข้าไป ‘จิ้งจอกวิเศษ 9 หาง’ รูปร่างเล็กตัวเบา ทั้งมีอุ้งเท้าหนา วิ่งอย่างรวดเร็วจึงสามารถลื่นไหลผ่านผิวโคลนเลนไป”

ยิ่งรับฟัง ยิ่งประจักษ์ในสภาวะ “มหัศจรรย์” อันดำรงอยู่ของ “บึงมังกรดำ”

 

กระทั่ง “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี” แม้ยอมรับปาก “ผู้น้องจะลองทดสอบดู” กระนั้น ก็ยังกล่าวด้วยว่า “หากทำไม่ได้ ขอท่านทั้งหลายอย่าได้ตำหนิ”

เมื่อเดินทางไปถึง “บึงมังกรดำ” จึงได้ตระหนัก

สถานที่นั้นจำแนกจดจำโดยง่ายดาย ในรัศมี 7-8 ลี้ ปราศจากต้นหญ้างอกเงย ความจริงเคยเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ ภายหลังต้นน้ำแห้งขอดมีสภาพตื้นเขินกลายเป็นหนองขนาดใหญ่สะสมไว้ด้วยโคลนเลน

โคลนเลนต่างหากที่เป็นอุปสรรคอย่างซับซ้อน