ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 8 - 14 มิถุนายน 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | วิถีแห่งอำนาจ |
ผู้เขียน | เสถียร จันทิมาธร |
เผยแพร่ |
วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย / เสถียร จันทิมาธร
มหัศจรรย์ จิ้งจอก 9 หาง (142)
หลังเอี้ยก่วยส่งเสียงจากลมปราณราวกับมังกรคำราม สถานการณ์ก็เกิดการแปรเปลี่ยนอย่างชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ
ไม่ว่าจะในหมู่พี่น้องตระกูลซือ
ไม่ว่าจะในหมู่รังปีศาจภูเขาประจิม
“ตราบใดที่ขุนเขาเขียวยังจีรัง สายธารยังไหลริน ตราบนั้นพวกเราโอกาสหน้าพบกันใหม่” เป็นคำกล่าวจากเจ้าภูเขาหน้าผากขาวต่อเหล่ารังปีศาจภูเขาประจิม
พลางหันไปกล่าวกับเอี้ยก่วย
“ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี พวกเราเหล่าพี่น้องต่อให้ฝึกปรืออีก 30 ปีก็มิใช่คู่ต่อสู้ของท่าน ได้แต่ยอมรับการพ่ายแพ้ นี่เรียกว่าพ่ายแพ้ทั้งปากและใจ นับแต่นี้ไม่กล้าพบหน้าท่านอีก ท่านไปถึงที่ใดพวกเราจะหลบเลี่ยงไปก่อน”
ขณะที่เจ้าภูเขาหน้าผากขาวกล่าวชักชวน “ไปกันเถอะ”
เดินถึงข้างกายราชสีห์เกราะเขียวยื่นมือฉุดแขนของอีกฝ่ายหันกายหมายจากไป
กระนั้น ปมเงื่อนอันละเอียดอ่อนอย่างยิ่งเนื่องแต่ภายในความขัดแย้ง 2 ฝ่ายยังสัมพันธ์กับการเตลิดหนีไปของ “จิ้งจอกวิเศษ 9 หาง” สัมพันธ์กับอาการบาดเจ็บของคนสำคัญในพี่น้องตระกูลซือ เงื่อนไขจึงอยู่ที่
ทำอย่างไรจึงจะได้ “จิ้งจอกวิเศษ 9 หาง” กลับคืนมา
แม้ก๊วยเซียงจะฝากความหวังไว้กับฝีมือและความสามารถของ “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี” แต่ก็ไม่แน่ว่าจะง่ายดายอย่างที่คาดหมาย
พลันที่เสือดาวเผ่นโผนทักท้วงขึ้น
“โกวเนี้ยน้อยทราบอันใด นอกจากเป็นเซียนวิเศษเหาะเหินลงจากฟ้า ไม่เช่นนั้น ยังมีผู้ใดจับ ‘จิ้งจอกวิเศษ 9 หาง’ ตัวนั้นได้”
เอี้ยก่วยยิ้มเล็กน้อย ทราบว่าอีกฝ่ายจงใจกระตุ้น แต่ก็ไม่ตอบคำ
กระนั้น เมื่อมูลเหตุแห่งการบาดเจ็บสาหัสได้รับการเปิดเผย “ผู้ที่ทำร้ายซาตี๋เราเป็นราชบุตรมองโกลผู้หนึ่งเรียกว่าฮั่วตู ฟังว่าเป็นศิษย์ของกิมลุ้นฮวบอ้วง ผู้เป็นราชครูอันดับ 1 แห่งมองโกล”
ย่อมสร้างความเร่งเร้า จูงใจ
ยิ่งรับฟังรายละเอียดและผลสะเทือนจากเสือดาวเผ่นโผนที่ว่า “หลังจากรับบาดเจ็บบอบช้ำเช่นนี้ผ่านไปเป็นเวลานานยังไม่ทุเลา ต้องดื่มเลือดของ ‘จิ้งจอกวิเศษ 9 หาง’ จึงค่อยรักษาอาการบอบช้ำได้”
ยิ่งทำให้ปมแห่ง “ปัญหา” รุนแรง ร้ายกาจ
“จิ้งจอกวิเศษ 9 หาง” เป็นสัตว์แสนรู้ ยากจะพบพานในจัตุบาททั้งหลาย แต่ปรากฏร่องรอยอยู่ที่แดนจิ่นน้ำ ซ่อนตัวอยู่ในหลุมโคลนขนาดใหญ่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ห่างจากที่นี้ 30 กว่าลี้
นั่นย่อมเป็น “บึงมังกรดำ” (ตั๊กเล้งท้ำ)
ต้องยอมรับว่านี่เป็น “กลยุทธ์” ทางการเขียนอันแยบยลของ “กิมย้ง” ทำให้มังกรหยกภาค 2 เหยียบเข้าไปในพรมแดนแห่งมหัศจรรย์
“จิ้งจอกวิเศษ 9 หาง” ถือว่า “มหัศจรรย์” อยู่แล้ว
“จิ้งจอกแสนรู้พอหลบหนีกลับรัง คิดล่อลวงมันออกมาอีกนับว่าลำบากแสนเข็ญ” เป็นการยอมรับจากเสือดาวเผ่นโผน
“จิ้งจอกมีนิสัยมากระแวง ยากที่จะหลอกล่อให้หลงกล โดยเฉพาะ ‘จิ้งจอกวิเศษ 9 หาง’ กลอกกลิ้งเป็นพิเศษ พวกเราใช้ไก่แจ้ 1,000 ตัว ปิ้งย่างไก่ทุกระยะหลายวา กลิ่นหอมของไก่ลอยไปถึงบึงมังกรดำ และให้มันรับประทานวันละตัว รับประทานติดต่อกัน 2 เดือนเศษ ความคิดระแวงของมันค่อยเสื่อมคลายในที่สุดชักนำมาถึงดงไม้แห่งนี้ คราครั้งนี้มันได้รับความแตกตื่น ต่อให้รอคอยอีก 10 ปีมันก็ไม่หลงกลอีกแล้ว”
แม้มีความคิดจะบุกจับจาก “บึงมังกรดำ” ก็ยากแค้นแสนเข็ญ
“พื้นที่รัศมีหลายลี้ของบึงมังกรดำล้วนเป็นหลุมโคลนลึกลับกว่าวา ต่อให้มีวิชาตัวเบาสูงเยี่ยมกว่านี้ก็ยากที่จะหยั่งเท้าได้ ไม่ว่าลำเรือ แพหนัง หรือว่าแพไม้ ล้วนไม่อาจแล่นเข้าไป ‘จิ้งจอกวิเศษ 9 หาง’ รูปร่างเล็กตัวเบา ทั้งมีอุ้งเท้าหนา วิ่งอย่างรวดเร็วจึงสามารถลื่นไหลผ่านผิวโคลนเลนไป”
ยิ่งรับฟัง ยิ่งประจักษ์ในสภาวะ “มหัศจรรย์” อันดำรงอยู่ของ “บึงมังกรดำ”
กระทั่ง “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี” แม้ยอมรับปาก “ผู้น้องจะลองทดสอบดู” กระนั้น ก็ยังกล่าวด้วยว่า “หากทำไม่ได้ ขอท่านทั้งหลายอย่าได้ตำหนิ”
เมื่อเดินทางไปถึง “บึงมังกรดำ” จึงได้ตระหนัก
สถานที่นั้นจำแนกจดจำโดยง่ายดาย ในรัศมี 7-8 ลี้ ปราศจากต้นหญ้างอกเงย ความจริงเคยเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ ภายหลังต้นน้ำแห้งขอดมีสภาพตื้นเขินกลายเป็นหนองขนาดใหญ่สะสมไว้ด้วยโคลนเลน
โคลนเลนต่างหากที่เป็นอุปสรรคอย่างซับซ้อน