เสียงปรบมือด้วยความดีใจดังขึ้นอย่างล้นหลามภายในกองบรรณาธิการของสถานีโทรทัศน์เออาร์ทีของยูเครน ทันทีที่นายอาร์คาดี บับเชนโก เพื่อนร่วมงานของพวกเขา ปรากฏตัวในการแถลงข่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา

หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพียง 1 วัน ตำรวจยูเครนเพิ่งจะแจ้งว่า บับเชนโกได้เสียชีวิตลงเพราะถูกลอบสังหาร

แต่บับเชนโกกลับยังมีชีวิตอยู่ในวันถัดมา!!

บับเชนโก นักข่าวสายสงครามมือฉมังชาวรัสเซีย วัย 41 ปี ผู้กล้าวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย มีข่าวว่าถูกลอบยิงเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม และผู้เป็นภรรยาพบบับเชนโกนอนจมกองเลือดอยู่ภายในอพาร์ตเมนต์ในกรุงเคียฟ ในสภาพถูกยิงจากด้านหลังหลายนัด จึงได้เรียกรถพยาบาลมาช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาล

แต่มีรายงานว่า บับเชนโกได้เสียชีวิตลงระหว่างไปโรงพยาบาล เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว

ข่าวการตายของบับเชนโกสร้างความตกตะลึงในยูเครนและทั่วโลก

ขณะที่รัสเซียเองก็ตกเป็นเป้าอีกครั้งในข้อกล่าวหาพยายามสังหารคนของตัวเองอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในอดีต

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยูเครนสอบสวนเบื้องต้นเชื่อว่า สาเหตุของการลอบสังหารมาจากหน้าที่การงานของบับเชนโก ที่ทำงานในฐานะนักข่าวสายสงครามจากประเทศรัสเซีย

 

บับเชนโกซึ่งหนีออกจากประเทศรัสเซียตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2017 เคยบอกว่า เขาถูกขู่ฆ่าและมีความห่วงกังวลว่าอาจจะต้องถูกขังคุก จึงเป็นที่มาของการลี้ภัยอยู่ที่ประเทศยูเครน

ข่าวการตายของบับเชนโก จึงพุ่งเป้าไปที่ “รัสเซีย” ว่าน่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารดังกล่าว แต่ทางรัสเซียเองก็ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารบับเชนโก

แต่เรื่องราวกลับลงเอยด้วยการที่นายบับเชนโก “ไม่ตาย” และยังมีชีวิตปกติดี มาปรากฏตัวในการแถลงข่าว พร้อมกับยอมรับว่า เรื่องการตายดังกล่าวเป็นเรื่องที่สำนักงานความมั่นคงยูเครน หรือเอสบียู จัดฉากขึ้น หลังจากที่มีเจ้าหน้าที่ของยูเครนมาบอกกับบับเชนโกเมื่อราว 1 เดือนก่อนว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของรัสเซียมีคำสั่งให้ลอบสังหารบับเชนโก

และกลายเป็นที่มาของการวางแผน “แกล้งตาย” ของนายบับเชนโก เพื่อให้เกิดการตาย ก่อนที่จะมีการลอบสังหารเกิดขึ้นจริง

อีกทั้งยังสามารถล่อให้มือสังหารที่กองทัพรัสเซียจ้างมา ได้เผยตัวออกมา

วาซิลี ฮริตซัก หัวหน้าของเอสบียู แถลงว่า แผนการแกล้งตายของบับเชนโก ทำให้สามารถจับกุมตัวคนที่พยายามจะก่อเหตุลอบสังหารได้ในช่วงเช้าวันที่ 30 พฤษภาคมนั้นเอง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการสืบสวนสอบสวน และเบื้องต้นพบว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงของรัสเซียได้ว่าจ้างชาวยูเครนให้ก่อเหตุลอบสังหารนายบับเชนโก ด้วยค่าจ้าง 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.27 ล้านบาท

ในส่วนของบับเชนโกเองนั้น ในการแถลงข่าว เขาได้กล่าวขอโทษต่อคนใกล้ชิดทุกคน รวมไปถึงภรรยาของเขาที่ไม่ได้รู้เรื่องราวต่างๆ เลย

และยังได้ขอบคุณทุกคนที่ร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปอย่างปลอมๆ ของเขา

 

หลังการเปิดเผยเรื่องราวการตายอย่างปลอมๆ กระทรวงต่างประเทศรัสเซียออกมาแสดงความยินดีที่นักข่าวเชื้อสายรัสเซียผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่

แต่มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย บอกว่า ปฏิบัติการแกล้งตายครั้งนี้ เป็นปฏิบัติการเพื่อหวังผลโฆษณาชวนเชื่อ และว่า รัฐบาลยูเครนพยายามทำให้ผู้คนอยู่ในภาวะต่อต้านรัสเซีย แต่รัสเซียก็เชื่อมั่นว่า พันธมิตรต่างชาติของรัสเซียและหน่วยงานต่างๆ จะสามารถตรวจสอบความถูกต้องทั้งหมดได้

มีรายงานข่าวด้วยว่า ก่อนหน้าการถูกยิงหลอกๆ ไม่กี่ชั่วโมง นายบับเชนโกได้โพสต์เฟซบุ๊กฉลองวันเกิดครั้งที่ 2 ของเขา ซึ่งหมายถึงวันครบรอบ 4 ปีที่บับเชนโกไม่ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพยูเครนที่ถูกยิงตกในช่วงที่มีการปะทะกันระหว่างยูเครนกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกของยูเครนที่มีรัสเซียหนุนหลังอยู่ ทำให้เขาเหมือนเกิดใหม่เป็นครั้งที่ 2

ขณะที่วาซิลี ฮริตซัก หัวหน้าของเอสบียู ได้กล่าวเปิดการแถลงข่าวคดีสังหารบับเชนโกเอาไว้ว่า คดีการลอบสังหารบับเชนโกคลี่คลายแล้ว และเรียกวันนี้ว่า เป็นวันเกิดครั้งที่ 3 ของบับเชนโก!!