นงนุช สิงหเดชะ/จับ ‘ธัมมชโย’ อ่อนย้วย ‘คว้าน้ำเหลว’ จับ ‘พุทธะอิสระ’ รุนแรงเว่อร์ ทำแต้ม คสช. หดหาย?

บทความพิเศษ / นงนุช สิงหเดชะ

 

จับ ‘ธัมมชโย’ อ่อนย้วย ‘คว้าน้ำเหลว’

จับ ‘พุทธะอิสระ’ รุนแรงเว่อร์

ทำแต้ม คสช. หดหาย?

 

เป็นประเด็นร้อนพอสมควรกรณีตำรวจกองปราบปรามพร้อมอาวุธหนักครบมือ นำกำลังบุกจู่โจมจับกุมพระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย นครปฐม เมื่อสัปดาห์ก่อน

เนื่องจากถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า “เกินกว่าเหตุ” เพราะมีทั้งการทุบประตูพังเข้าไปในห้องนอน เมื่อเข้าไปได้แล้ว ก็ยังตามเอาปืนหลายกระบอกจ่อหัวถึงที่นอน

ตำรวจอ้างว่า เหตุที่ต้องใช้กำลังพร้อมอาวุธหนักเพราะการข่าวทราบมาว่าพระพุทธะอิสระมีการ์ดคอยคุ้มกันพร้อมอาวุธหนักรอบวัด แต่เนื่องจากวันที่เข้าไปจับกุมนั้นโชคดีเพราะการ์ดอยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยนเวร (แปลว่าตอนนั้นไม่มีการ์ด) ตำรวจจึงเข้าไปได้สะดวกโยธิน

เป็นที่เข้าใจได้หากตำรวจจะนำกำลังจำนวนมากพร้อมอาวุธหนักเพื่อเข้าไปในบริเวณวัดเพราะเกรงว่าจะมีการ์ดของพระพุทธะอิสระอยู่ภายใน

แต่ที่เข้าใจได้ยากก็คือ เมื่อเข้าไปในห้องนอนของพระพุทธะอิสระได้แล้ว และมองเห็นแล้วว่าในนั้นไม่มีการ์ดและพระพุทธะอิสระก็นอนอยู่คนเดียว และห้องนั้นก็แคบ เท่ากับว่าตำรวจสามารถควบคุมและจำกัดพื้นที่ได้แล้ว ความเสี่ยงที่จะถูกตอบโต้จากผู้ต้องหาแทบไม่มี

ดังนั้น ก็ไม่น่าจะมีความจำเป็นที่จะต้องเอาปืนจ่อหัวถึงที่นอน

 

อีกประการหนึ่ง ถึงแม้ว่าพุทธะอิสระจะมีการ์ด แต่คงเป็นไปได้น้อยที่การ์ดจะใช้อาวุธขัดขวางเจ้าหน้าที่ เพราะโดยวิสัยของพุทธะอิสระ คงไม่คิดสั้นถึงขนาดนั้น

แน่นอนว่าฝ่ายตรงข้ามพุทธะอิสระ ต่างพากันออกมาสนับสนุนตำรวจว่าทำถูกต้องแล้ว พร้อมกันนั้นก็หาเหตุผลมารองรับเปรียบเทียบว่าคนนั้นคนนี้ (ที่เป็นฆราวาส) ก็โดนแบบเดียวกับพุทธะอิสระไม่เห็นมีใครโวยวาย

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องยอมรับว่ามีความละเอียดอ่อน เพราะพื้นที่ปฏิบัติการเป็นเขตสงฆ์ การที่ใช้กำลังและอาวุธเทียบเท่ากับการจับโจรที่มีประวัติอาชญากรรมโชกโชน ประเภทค้ายาหรือไอ้เสือปล้นฆ่าตัวฉกาจ จึงดูไม่สมเหตุผล

ฝ่ายที่ไม่ชอบพระพุทธะอิสระพยายามหาเหตุผลมารองรับอีกว่า พระรูปนี้เคยเป็นผู้นำม็อบนกหวีด (กปปส.) ตั้งเวทีอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะ ช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และอ้างว่าการ์ดของพระรูปนี้เคยซ้อมตำรวจนอกเครื่องแบบที่แฝงกายเข้าไปหาข่าวในม็อบจนได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นก็สมควรแล้วที่จะถูกจู่โจมแบบนี้

จริงอยู่ที่พุทธะอิสระเคยเป็นผู้นำม็อบการเมือง แม้จะถูกวิจารณ์ว่าเป็นกิจของสงฆ์หรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้ยังถกเถียงกันได้อีกนาน แต่พระรูปนี้ก็ได้ให้เหตุผลไปแล้วว่าทำไมจึงทำอย่างนั้น

ขณะเดียวกันอย่าลืมว่าช่วงตั้งเวทีอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะ พระพุทธะอิสระและมวลชนถูกฝ่ายตรงข้ามยิงด้วยระเบิดเอ็ม 79 แทบจะทุกวัน โดยที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองขณะนั้นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่

ดังนั้น หากว่ากันตามเนื้อผ้าก็เป็นธรรมดาอยู่ดีที่พุทธะอิสระจะต้องมีการ์ดคุ้มกัน

นอกจากนั้น อย่าลืมว่าช่วงการเมืองกำลังเข้มข้น วัดอ้อน้อยของพุทธะอิสระก็ถูกคนร้ายยิงถล่มถี่ยิบเช่นกัน

 

การกระทำที่ถูกมองว่าเกินกว่าเหตุดังกล่าวทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต้องออกมาขอโทษ สำหรับผู้ที่อาจสะเทือนใจ

ประเด็นนี้เองที่ทำให้หลายคนจากพรรคการเมืองที่ถูกยึดอำนาจและผู้สนับสนุน ดาหน้ากันออกมาโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ว่าเป็นพวกเดียวกับพุทธะอิสระในการโค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พร้อมกับตำหนิฝ่ายที่ออกมาปกป้องพุทธะอิสระ

ในสถานการณ์การเมืองแบ่งขั้วแบ่งสีเช่นนี้ ย่อมเป็นปกติที่คนเรามักเลือกหยิบประเด็นมาเข้าข้างตัวเอง โดยที่ลืมหรือแกล้งลืมว่าตอนที่ “พระ” ที่เป็นพวกเดียวกับตัวเองกำลังจะโดนจับนั้น

พวกตัวเองมีปฏิกิริยาอย่างไร

 

นี่กำลังจะพูดถึงปฏิบัติการที่รัฐบาล คสช. เมื่อต้นปีที่แล้วที่เตรียมเข้าจับกุมพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่ทำให้ประชาชนนับหมื่นรายสูญเสียเงินออมทั้งชีวิต ซึ่งทราบกันดีว่าพระรูปนี้มีสายสัมพันธ์กับพรรคการเมืองสีไหน แม้ไม่ได้ออกหน้าโจ่งแจ้งเหมือนพุทธะอิสระ แต่ก็เป็นที่รู้กัน

ปฏิบัติการคราวนั้น ดำเนินการโดยดีเอสไอ แต่จนถึงบัดนี้ยังไม่สามารถจับพระธัมมชโยได้หลังจากยืดเยื้อนับเดือน และข่าวล่าสุดคือพระรูปนี้น่าจะหนีไปอยู่ยุโรปเรียบร้อยแล้ว

เหตุที่จับไม่ได้ก็เพราะศิษย์ธรรมกายนับหมื่น เอาตัวเองมาเป็นกำแพงมนุษย์ล้อมวัดเอาไว้ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปได้ มีการตั้งป้อมค่ายอย่างมียุทธวิธี ละม้ายสไตล์การจัดม็อบการเมืองสีหนึ่ง ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีการติดอาวุธ เน้นเจรจาลูกเดียว เรียกว่าใช้วิธีอ่อนนุ่มและย้วยยานมาก เพราะรัฐบาลเองไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงและสูญเสีย

ระหว่างนี้สาวกที่เป็นนักการเมืองของพรรคหนึ่งก็ออกมาเคลื่อนไหว เรียกร้องให้ คสช. ยกเลิกการใช้มาตรา 44 ควบคุมวัดพระธรรมกาย ส่วนอีกคนหนึ่งก็ออกมาโจมตีรัฐบาลว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน แถมมีคนที่เคยเป็นถึงอดีตรองนายกฯ ไปผลุบๆ โผล่ๆ อยู่แถวนั้น

ภาพการเตรียมจับพระธัมมชโย ช่างตรงกันข้ามกับภาพที่จับพุทธะอิสระดังนั้นก็เป็นธรรมดาที่จะทำให้ฝ่ายที่นิยมพระพุทธะอิสระ ไม่พอใจรัฐบาล คสช.หนักเอาการ เพราะธัมมชโยมีม็อบมาขวางเห็นๆ จัดตั้งกันเป็นขบวนการ แต่เลือกใช้วิธีนุ่มนวล แถมยังจับไม่ได้ ทั้งที่ใช้เวลาจับอยู่ตั้ง 1 เดือน

แต่พระพุทธะอิสระเห็นๆ ว่าไม่มีการ์ด ไม่มีใครมาขัดขวาง แต่ใช้หน่วยคอมมานโดพร้อมอาวุธร้ายแรงเต็มอัตราศึก (full gear) บุกจับ และยังจับได้ด้วย

 

พระพุทธะอิสระนั้นถูกจับกุมครั้งนี้สองข้อหาคือ อั้งยี่ซ่องโจรจากคดีนำม็อบปิดถนนแจ้งวัฒนะและมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอีกข้อหาหนึ่งคือปลอมพระปรมาภิไธยมาใช้ในการทำพระเครื่อง ซึ่งข้อหาหลังนี้ค่อนข้างจะหนักสักหน่อย แต่ข้อมูลแท้จริงต้องไปต่อสู้ในชั้นศาล

ข้อหาปลอมพระปรมาภิไธยนี้เองที่ทำให้รัฐบาล คสช. ไม่มีทางหลีกเลี่ยงในการจับกุมพระพุทธะอิสระ เพราะไม่เช่นนั้นก็จะถูกสังคมโจมตีหนัก

ถึงกระนั้นก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบระหว่างการจับธัมมชโย ที่อ่อนย้วยและคว้าน้ำเหลว ตามติดมาด้วยการปล่อยให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำเลยคดีจำนำข้าวแสนล้านหนีลอยนวลไปอยู่ต่างประเทศ และภาพการจับพระพุทธะอิสระ หนีไม่พ้นที่มวลชนที่เคยเป็นฝ่ายเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จะเคือง พล.อ.ประยุทธ์เอามากๆ

ไม่ใช่เคืองที่จับพระพุทธะอิสระ เพราะต้องเคารพกฎหมาย แต่เคืองที่ปล่อยให้ธัมมชโยและยิ่งลักษณ์หนีลอยนวล

จากเรื่องนี้ บางทีอาจทำให้พรรคที่ตั้งขึ้นมาสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้าอาจต้องกุมขมับ เพราะแต้มอาจหดหายจากกรณีนี้

งานนี้ไม่รู้รัฐบาลถูกวางยา หรือว่าทำตัวเอง