รายงานพิเศษ/มิชชั่น Possible ของ ‘พี่ใหญ่’ ระวัง ‘เซอร์ไพรส์’ การเมือง จับตา ‘บิ๊กเข้’ ทายาท ‘บิ๊กป้อม’ จับสัญญาณ ‘บิ๊กอาร์ท’ แม่ทัพ 4 คนใหม่ โฟกัส ‘บิ๊กเจี๊ยบ’ และทหาร ‘สายเป๊ะ’

รายงานพิเศษ

 

มิชชั่น Possible ของ ‘พี่ใหญ่’

ระวัง ‘เซอร์ไพรส์’ การเมือง

จับตา ‘บิ๊กเข้’ ทายาท ‘บิ๊กป้อม’

จับสัญญาณ ‘บิ๊กอาร์ท’ แม่ทัพ 4 คนใหม่

โฟกัส ‘บิ๊กเจี๊ยบ’ และทหาร ‘สายเป๊ะ’

 

บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ย้ำหลายครั้งว่าจะหยุดทำงานทางการเมือง หลังพ้นหน้าที่จากรัฐบาล คสช.

ปล่อยให้บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ก้าวสู่สนามการเมืองต่อไป โดยที่ตนเองจะคอยเป็น “กองหนุน” ให้กำลังใจเท่านั้น

โดยการอ้างเหตุผลเรื่องอายุที่มากขึ้น ด้วยวัย 73 ปี และสุขภาพที่ไม่แข็งแรง โดยเฉพาะขา ที่ทำให้เดินเหินไม่สะดวก กะเผลกๆ แบบพร้อมจะล้ม จนต้องทำกายภาพบำบัดทุกวัน ด้วยการเดินในน้ำและว่ายน้ำ

อีกทั้งไม่ต้องการให้ตนเองกลายเป็น “จุดอ่อน”  ให้ พล.อ.ประยุทธ์น้องรักถูกโจมตี อันเป็นผลพวงจากเรื่องนาฬิกาหรู

แต่เชื่อกันว่า พล.อ.ประวิตรจะทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีอีกครั้ง ในการช่วย พล.อ.ประยุทธ์และพรรคทหารสู้ศึกเลือกตั้ง และจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เพื่อดันน้องรักให้ขึ้นเป็นนายกฯ อีกสมัย

เพราะกองหนุนการเมืองของ คสช. และ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ถึงขั้นหลั่งน้ำตายอมตระบัดสัตย์ กลับคำมาเล่นการเมือง จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องอวยพรให้ประสบความสำเร็จและพร้อมสนับสนุน

รวมทั้งพรรคพลังประชารัฐ ที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และ รมต. ในรัฐบาล คสช. ร่วมจัดตั้งนั้น ถูกมองว่า พล.อ.ประวิตรอยู่เบื้องหลัง

แม้ พล.อ.ประวิตรจะแสร้งบอกว่าไม่รู้จักพรรคนี้ พรรคของใคร และไม่รู้ด้วยว่าจะหนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้งก็ตาม

ท้ายที่สุด ก็ไปเป็นที่ปรึกษาและช่วยงานการเมือง พล.อ.ประยุทธ์แบบเงียบๆ เพราะไม่มีวันที่พี่ป้อมจะทิ้งน้องตู่

แม้จะไม่มี พล.อ.ประวิตรร่วมคณะรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์หลังการเลือกตั้ง ที่ พล.อ.ประยุทธ์ตอกย้ำว่า “ยังไงก็กุมภาพันธ์ 2562 แน่ ผมยืนยัน” ก็ตาม แต่ในสายของนายทหารสายบูรพาพยัคฆ์ ต่างเชื่อกันว่า พล.อ.ประวิตรจะเลือกน้องรักคนใดคนหนึ่งมาเป็นตัวตายตัวแทน

แม้ว่าจะไม่มีใครเป็น รมว.กลาโหม ที่มากบารมีเท่า พล.อ.ประวิตรได้ นอกจากให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ควบ รมว.กลาโหมแทนเท่านั้น

แต่เชื่อกันว่า พล.อ.ประวิตรจะส่งน้องรักมาร่วม ครม. ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะรัฐมนตรีคนนอก

ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า บิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ใน ครม. “ประยุทธ์ 5” นี้ จะได้ไปต่อในรัฐบาลหน้า หรือว่าจะจบแค่นี้

พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์
พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท

โดยมีการจับตามองไปที่บิ๊กเข้ พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ปลัดกลาโหม ที่กำลังจะเกษียณราชการกันยายนนี้ ที่เป็นน้องรักสายทหารเสือราชินี ที่อยู่ใน ร.21 รอ. และบูรพาพยัคฆ์ พล.ร.2 รอ. ด้วยกันมากับทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์

เดินตามรอยเท้าพี่ป้อมและพี่ตู่มาตลอด จนเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. และก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และเป็น ผช.ผบ.ทบ. แต่ทว่าไปไม่ถึงเก้าอี้ ผบ.ทบ. เพราะต้องเปิดทางให้บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท จากสายรบพิเศษ บ้านสี่เสาฯ ผู้มาใน “สถานการณ์พิเศษ” ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. นั่ง 2 ปี

พล.อ.เทพพงศ์ต้องข้ามมาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นตำแหน่งสุดท้ายในชีวิตรับราชการทหาร

ด้วยความเป็นนายทหารที่ไม่ค่อยพูด ชอบทำงานแบบเงียบๆ นี่เอง ที่ทำให้ทั้งพี่ป้อมและพี่ตู่รักและเอ็นดู พล.อ.เทพพงศ์มาตั้งแต่เป็นนายทหารเด็กๆ

ว่ากันว่า ชื่อ “เข้” เป็นชื่อเล่นที่ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งให้ พล.อ.เทพพงศ์ จนเป็นที่รู้กันว่า นายทหารที่เคยเป็นนักมวยนั้น ได้ฉายาว่า “เข้ ศิษย์ประยุทธ์”

พล.อ.เทพพงศ์ยังเป็นที่รักของผองเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 18 เพราะช่วยเหลือเพื่อนทุกคน ไม่ว่าตกทุกข์ได้ยากที่ไหน จึงไม่แปลกที่เมื่อมาเป็นปลัดกลาโหม พล.อ.เทพพงศ์จึงดึงเพื่อน ตท.18 มาช่วยงาน ด้วยการตั้งเป็นคณะทำงานต่างๆ มากกว่า 20 คน

ที่คนในกองทัพซึ้งใจไม่น้อย ก็เมื่อครั้งที่เกิดปัญหาระหว่างบิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ที่ขยับจาก ผบ.ทบ. ไปเป็น รมช.กลาโหม กับบิ๊กหมู พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ที่ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. แทนนั้น พล.อ.เทพพงศ์ก็ช่วยรับนายทหารสายบิ๊กโด่งบางคนมาทำงานด้วย โดยไม่ห่วงตัวเองว่าจะโดน พล.อ.ธีรชัยเขม่นหรือไม่

ยิ่งในช่วงที่มาเป็นปลัดกลาโหมนั้น พล.อ.ประวิตรเดินทางไปไหน โดยเฉพาะงานในต่างประเทศ ก็จะให้ พล.อ.เทพพงศ์ไปด้วย แม้แต่ในทริปที่ส่วนตัว

จนเป็นข่าวสะพัดในกลาโหมว่า พล.อ.ประวิตรหมายมอง พล.อ.เทพพงศ์ให้เป็น รมว.กลาโหม แทนตนเองที่จะวางมือทางการเมือง หรือเป็น รมช.กลาโหม หาก พล.อ.ประยุทธ์จะควบ รมว.กลาโหมเอง

ไม่แค่นั้น เพราะ พล.อ.เทพพงศ์เป็นเตรียมทหาร 18 ที่จะขยับขึ้นมาเป็น ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ โยกย้ายกันยายนนี้ เช่น บิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เสนาธิการทหาร ที่คาดกันว่าจะขึ้นมาเป็น ผบ.ทหารสูงสุด

บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ รอง ผบ.ทร. หรือบิ๊กตุ๋ย พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ เสธ.ทร. ที่จะเป็น ผบ.ทร.คนใหม่ และบิ๊กยาว พล.อ.อ.วันชัย นุชเกษม เสธ.ทอ. หรือบิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผช.ผบ.ทอ. ที่จะเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่

พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช
พล.ท.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์

 

แม้จะมีคนจับตาไปที่ พล.อ.เฉลิมชัย ที่จะเกษียณจาก ผบ.ทบ.นั้น เหมาะที่จะเป็น รมว.กลาโหม เพราะรับหน้าที่สำคัญมาทั้งเลขาธิการ คสช. และ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย

แต่ก็เชื่อกันว่า พล.อ.เฉลิมชัยมีตำแหน่งสำคัญที่น่าปลาบปลื้มใจแก่ตนเองและวงศ์ตระกูลรองรับอยู่

ท่ามกลางการจับตามองด้วยว่า หลังเลือกตั้ง หากเกิด “สถานการณ์พิเศษ” หรือวิกฤตทางการเมืองขึ้นมาอีกครั้ง พล.อ.เฉลิมชัยนั้นมีชื่อเป็นหนึ่งในรายชื่อที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งเลยทีเดียว

ขณะที่เชื่อกันว่า ในอีกไม่ช้านี้ การจัดโผโยกย้ายทหาร พล.อ.ประวิตรจะดันบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รองปลัดกลาโหม น้องรักสายทหารเสือฯ ขึ้นเป็นปลัดกลาโหมคนใหม่เลย แม้จะมีอายุราชการถึงกันยายน 2564

ด้วยเพราะในสถานการณ์ช่วงนี้จนถึงการเลือกตั้งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง จึงไม่มีอะไรแน่นอนว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกหรือไม่

เพราะเริ่มมีความหวาดหวั่นในหมู่แกนนำ คสช. ว่าจะถูกนักการเมืองที่ “ดีล” กันแล้วหักหลังหรือไม่

หรืออาจมี “ปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม” ที่อาจทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เป็นนายกฯ

ด้วยเพราะมีสัญญาณจากนักการเมือง จับตาไปที่เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่อาจเกิดการพลิกล็อกขึ้น

ดังนั้น การจัดวางตัว ผบ.เหล่าทัพครั้งนี้จึงสำคัญยิ่ง เพราะจะต้องเป็นคนที่ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ไว้วางใจที่สุด

ดังนั้น พล.อ.ณัฐจึงต้องขึ้นปลัดกลาโหมเลย โดยไม่อาจให้บิ๊กอ้อม พล.อ.วีรชัย อินทุโศภน ผช.ผบ.ทบ. น้องรักอีกคนของบิ๊กป้อมมาเป็นปลัดกลาโหมก่อน 1 ปี

พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน
พล.อ.อ.วันชัย นุชเกษม
พล.อ.วีรชัย อินทุโศภน

 

ด้วยเพราะในหมู่บิ๊กทหารรู้กันดีว่า อนาคตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และความเปลี่ยนแปลงในกองทัพที่พร้อมจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้

ปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาเลือก ผบ.เหล่าทัพ จะมีมากขึ้น และปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา

เพราะในส่วนเก้าอี้ ผบ.ทบ. นั้น ก็ดูว่าบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผช.ผบ.ทบ. ถูกวางตัวไว้อย่างเพียบพร้อมทุกด้าน ตั้งแต่หัวจรดเท้า และความเข้มแข็ง สง่างาม และมีความสามารถรอบด้าน ไม่นับรวมประสบการณ์

แต่ที่ถูกจับตามองไม่แพ้กันคือ เก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ ที่จะมาแทนบิ๊กอาร์ท พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช ที่จะเกษียณกันยายนนี้ เพราะมีทั้งนายทหารที่เติบโตมาในกองทัพภาคที่ 4 และนายทหารจากนอกพื้นที่ เป็นแคนดิเดต

โดยเฉพาะเมื่อ พล.ท.ปิยวัฒน์ไม่ได้ปิดประตูสำหรับนายทหารคนนอก เพราะแล้วแต่ผู้บังคับบัญชาระดับสูง

“โรงเรียนนายร้อย จปร. ไม่สิ้นคนดี” พล.ท.ปิยวัฒน์เชื่อมั่นว่าจะมีนายทหารที่จบจากโรงเรียนนายร้อย จปร. มาเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ได้เป็นอย่างดี

โดยเฉพาะมีบิ๊กเดฟ พล.ท.พรศักดิ์ ศรีสวัสดิ์ แม่ทัพน้อยที่ 4 เตรียมทหาร 20 ที่เติบโตมาในพื้นที่ เป็นตัวเต็ง

ท่ามกลางกระแสข่าวที่จะมีการส่งนายทหารเสือฯ และบูรพาพยัคฆ์ ข้ามถิ่นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 โดยเฉพาะบิ๊กหนุ่ย พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพน้อยที่ 1 ที่เคยทำงานในพื้นที่ ที่หากพลาดเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 ก็อาจจะถูกส่งลงมาชิงเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 4 แต่นั่นย่อมหมายถึง มาในสถานการณ์พิเศษ

หรือแม้แต่บิ๊กติ่ง พล.ต.สันติพงษ์ ธรรมปิยะ รองแม่ทัพภาคที่ 1 น้องรักสายทหารเสือฯ และบูรพาพยัคฆ์ของ พล.อ.ประยุทธ์

ด้วยเพราะเชื่อกันว่า บิ๊กบี้ พล.ต.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้ รองแม่ทัพภาคที่ 1 จะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ เพื่อเป็นนายทหาร “สายเป๊ะ” ที่จะขึ้นมาคุมกองทัพบกต่อจาก พล.อ.อภิรัชต์ ที่กำลังจะเป็นหัวหอกนายทหารสายวงศ์เทวัญในการคุม ทบ. ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในหลายด้านในกองทัพที่กำลังจะตามมา

รวมทั้งบิ๊กแก้ว พล.ท.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เจ้ากรมยุทธการทหารบก ที่แม้จะเกษียณกันยายน 2566 พร้อม พล.ต.ณรงค์พันธ์ ก็ตาม แต่ความเปลี่ยนแปลงก็อาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้

พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ

 

ขณะที่คนในกองทัพก็กำลังรอดูว่า การโยกย้ายทหารครั้งนี้ จะมีการคืนความเป็นธรรมให้บิ๊กอู๋ พล.ท.วุฒิชัย นาควานิช ผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. ที่ถูกขยับจากรองแม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อเปิดทางให้ พล.ต.ณรงค์พันธ์ ขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ในการโยกย้ายเมษายนที่ผ่านมา

เพราะในโผครั้งนี้ ทำให้ พล.ท.วุฒิชัยได้รับฉายานายทหารผู้เสียสละ เพื่อทำให้การโยกย้ายทหารลงตัว แม้จะเป็นน้องชายแท้ๆ ของ พล.อ.ธีรชัย องคมนตรี และอดีต ผบ.ทบ. รวมทั้ง พล.ท.ปิยวัฒน์

แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ได้รับรู้อนาคตของตนเองล่วงหน้าเลยก็ตาม แต่ก็ต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา

โดยตอนนี้ยังทำหน้าที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และเรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.60) อยู่

แต่นับจากนี้ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง ที่ยังไม่มีอะไรแน่นอน การจัดโผทหาร จัดทัพผู้นำ จึงจะไม่ได้อยู่ในมือ ป.ประยุทธ์ และ ป.ประวิตร เท่านั้น

จึงเกิดประโยคที่ว่า อยากตั้งใคร อยากทำอะไรให้ใคร ก็ทำเลย ไม่ต้องรอ