วางบิล / เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ /สู่ร่มกาสาวพัสตร์ ก่อนหมอกหนาวจะจาง

วางบิล / เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

 

สู่ร่มกาสาวพัสตร์

ก่อนหมอกหนาวจะจาง

 

ท้องฟ้ายังไม่สางดีด้วยเป็นกลางฤดูหนาว หมอกเริ่มลงขาวเป็นฝ้า รถใช้ความเร็วพอประมาณ พักใหญ่จึงเลี้ยวเข้าประตูสำนักงานใหญ่ธนาคารออมสิน ริมถนนรอบสนามด้านหน้ามีโต๊ะตั้งเรียงรายไว้เต็ม บางจุดเริ่มมีพนักงานทยอยนำอาหารวางไว้บ้างแล้ว

รถพาอ้อมไปด้านหลัง เมื่อจอดสนิท เจ้าหน้าที่จึงมานิมนต์ให้เข้าไปพักในโรงอาหาร

เจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งนำน้ำชา-กาแฟมาถวาย พระจากวัดอื่นเริ่มทยอยเข้ามาทั้งก่อนหน้าและเพิ่งมาถึง โรงอาหารเหลืองอร่ามจากสีจีวร

ท้องฟ้าด้านตะวันออกเริ่มเรื่อเรืองด้วยแสงเงินแสงทอง ส่องทะลุหมอกขาวบนสนามหญ้าเบื้องหน้าชุ่มด้วยน้ำค้างเขียวขจีสดใสบนยอดหญ้ากลางสนาม

อากาศเย็นสบายในความรู้สึกของพระปาน คงเป็นเพราะห่มจีวรสองชั้นตามพระวินัย

สักพักเจ้าหน้าที่มานิมนต์ให้เตรียมออกบิณฑบาต เริ่มตั้งแต่ด้านหน้าตึกทำการ แบ่งเป็นสองแถว แยกคนละแถว พระอาวุโสจากที่วัดเดินขึ้นหน้าไปก่อน พระปานเดินตามอย่างสำรวม ตามด้วยพระวัดอื่นผ่านเจ้าหน้าที่แต่ละคนที่เตรียมมาตักบาตร มีทั้งอาหารคาวหวานใส่ถุงพลาสติก บ้างมีดอกไม้-ธูปเทียน อาหารกระป๋อง น้ำตาลทราย ข้าวสาร ชั่วเพียงไม่กี่ราย เด็กที่เดินตามต้องคอยถ่ายอาหารออกเหลือไว้เพียงข้าวสุกในบาตร

บางรายเตรียมนำซองใส่บาตร น่าจะเป็นซองบรรจุธนบัตร พระปานเห็นเป็นซองจึงถามไถ่ เมื่อทราบว่าเป็นเงินจึงปฏิเสธที่จะรับ บอกเพียงว่า อาตมารับไม่ได้ เท่านั้นเอง ซึ่งผู้ตักบาตรทำท่างง เมื่อเห็นพระปานมองยิ้มๆ เป็นทำนองย้ำความหมายนั้น ผู้นั้นจึงตักบาตรต่อไปตามปกติ

กว่าจะหมดแถวพระปานต้องถ่ายข้าวสุกออกจากบาตรครั้งหนึ่ง เจ้าหน้าที่ต้องนำถังพลาสติกที่เตรียมไว้เพิ่มให้อีกใบหนึ่ง

 

ระหว่างพระปานกับพระรูปอื่นของวัดไปขึ้นรถกลับ ยังมีผู้มาทีหลังตามมาตักบาตรอีกหลายราย พอว่างคน พระปานเห็นพระสุชัยถูกรุมล้อมใส่บาตรเพียงรูปเดียว รูปอื่นไปขึ้นรถหมดแล้ว เสียงพระในรถบอกให้พระปานรีบมาขึ้นรถ เพื่อไม่ให้เสียเวลา รถจึงเคลื่อนไปยังที่พระสุชัยยืนรับบิณฑบาต กว่าพระสุชัยจะขึ้นรถได้ ยังมีผู้ต้องการตักบาตรอีกสองสามราย บางคนอุตส่าห์มาถึงประตูรถ ร้องขอให้พระรับของตักบาตรไปด้วย

เริ่มสาย รถราในถนนวิ่งขวักไขว่ เมื่อแรกพ้นจากหน้าธนาคาร ยังมีเสียงพูดคุยกันตามประสา สักครู่เสียงจึงเงียบ อาจเป็นเพราะเริ่มหิว ด้วยเลยเวลาฉันมาพอสมควร แม้หลายรูปฉันกาแฟบ้างแล้ว

ระหว่างนั่งรถกลับวัด พระปานคิดถึงการทำบุญเนื่องในวันสำคัญของคนไทย เช่น วันขึ้นปีใหม่ มิใช่ที่นี่เพียงแห่งเดียว ยังมีอีกหลายแห่ง และไม่ว่าที่ไหน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ พระจะรับบิณฑบาตจนล้นบาตร บ้างต้องเวียนออกมารับถึงสองสามเที่ยว หลังจากนั้นอาหารจะเหลือเบะบะ ต้องทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย

เมื่อคิดอีกทีหนึ่ง บางคนกว่าจะมีโอกาสทำบุญตักบาตรกับเขาสักที ต้องรอโอกาสเช่นนี้ ซึ่งเกี่ยวกับเงินทองที่ได้รับเป็นพิเศษในวาระอย่างนี้

แต่สำหรับบางคนที่มีฐานะดีแล้ว ควรงดตักบาตรในเทศกาล ให้ผู้ที่ไม่ค่อยได้ทำได้มีโอกาสทำ อีกนั่นแหละ การทำบุญเพื่อให้จิตใจผ่องใสเบิกบาน เมื่อมีโอกาสทำแล้วเป็นอันหมดเรื่อง ส่วนพระจะได้มากได้น้อยไม่เกี่ยว ขอให้ได้ทำเป็นพอ เพราะพระเป็นเนื้อนาบุญของเขาที่เขาจะหว่านผลบุญลงไป

 

ก่อนอาหารมื้อเพล ญาติพี่น้องของพระครูพรหมและพระรูปอื่นมาเยี่ยมหลายราย นำอาหารมาถวาย อาหารจึงเหลือเฟือ เพียงแค่เห็นพาลจะอิ่มเสียก่อนแล้ว

ตกบ่าย ขณะที่พระปานนอนอ่านหนังสือกำลังจะเคลิ้มหลับ เสียงเรียกที่หน้าห้อง

ศรัญญา น้องสาวกับพี่สาวคนโตมาเยี่ยม “เอาของไปเยี่ยมน้าเมือง” พี่สาวบอกขณะก้มกราบพระ

“เป็นไงบ้าง ไม่เห็นมาเยี่ยม” พระปานหมายถึงน้าเมือง

“ใครคะ… อ๋อ…น้าเมือง ก็สบายดี ยังถามถึงท่านว่าเป็นยังไง ฝากบอกมาว่า ถ้ายังอยู่สบายก็นิมนต์ให้อยู่ต่อไปเรื่อยๆ” สานิตย์พี่สาวบอก

พระปานยิ้มในใบหน้า “ก็คงจะมากกว่าสองเดือนกระมัง ยังไม่กำหนดว่าเป็นเมื่อไหร่”

“ดีแล้วละค่ะ ยังอยากให้บวชจนเข้าพรรษาด้วยซ้ำ ทางบ้านไม่ต้องเป็นห่วงอะไร” พี่สาวออกความเห็นทำนองขอร้อง

“คงไม่ได้หรอก เดี๋ยวเขาไล่ออกจากงานพอดี ลาไว้สองเดือน คิดว่าอย่างเก่งคงไม่เกินสามเดือน” พระปานบอกไปอย่างนั้นเอง ในใจมิได้คิดถึงที่ทำงานสักเท่าใด ด้วยเป็นงานเอกชน ระหว่างบวชไม่ได้ขอรับเงินเดือนอยู่แล้ว

แล้วต่างคนต่างนิ่ง จนพระปานถามขึ้นว่า “กินอะไรกันมาหรือยังล่ะ… รุ้งไปดูขนมที่หอฉันมากินกันซิ”

 

ศรัญญารับปากแล้วลุกเดินออกจากห้อง สักครู่กลับเข้ามาพร้อมขนมแห้งสองสามถุง อาหารกระป๋องอีกสองสามอย่าง แกะถุงขนมกินกันสองคนพี่น้อง

พระปานมองดูแล้วนึกขำตัวเองที่เกิดอยากกินขึ้นมาบ้าง รู้สึกเหมือนเห็นของที่ต้องการ แต่วางไว้ไกลจนไม่สามารถเอื้อมหยิบได้ และยังมีโทษอีกด้วยหากพยายามหยิบมา

“ไม่อยากกินบ้างหรือคะ” สานิตย์ถามกลั้วหัวเราะ

“ถามได้” พระปานตอบตามความคิด “นี่ถ้าไม่มากินให้เห็นยังงี้คงไม่เป็นไรหรอก แต่พอเห็นกินแล้วความอยากกินมันเกิดขึ้นเอง ที่จริงไม่กินมานานแล้วไม่เห็นเป็นไร”

แล้วจู่ๆ รุ้งโพล่งขึ้นมาว่า “เมื่อวานรุ้งเจอพี่เมยด้วยละ”

พระปานสะท้อนวูบเข้าไปในอก หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำขึ้นมากะทันหัน พยายามระงับจิตใจให้เป็นปกติ ก่อนถามออกไปว่า “อ้อ… เหรอ เจอที่ไหนล่ะ”

“ที่สยามสแควร์ เห็นเดินมากับใครไม่รู้ รุ้งถามก็บอกว่าเพิ่งลงมาจากโคราช มาหาซื้อของเหมือนกัน” ศรัญญาเล่า

“ใครรุ้ง” พี่สาวเพิ่งเงยหน้าขึ้นจากถุงขนมถาม

รุ้งหันไปตอบ พอรู้ว่าเป็นใคร สานิตย์จึงพูดขึ้นเหมือนนึกขึ้นได้ “วันงานไม่เห็นมา”

“ไม่ได้มา เขาติดธุระ” พระปานตอบไปอย่างนั้นเอง ขณะที่จิตใจไพล่คิดไปถึงเรื่องอื่นอีกหลายเรื่อง

“ระวังนะท่าน เดี๋ยวจะสึกก่อนกำหนด…” สานิตย์ไม่เชิงเตือน แต่เหมือนกับจะปรามด้วยเพียงรู้ว่าพระปานกับจงจิตติดต่อกัน ทั้งเคยพามาที่บ้านครั้งสองครั้ง ซึ่งพี่น้องกับโยมแม่ค่อนข้างถูกใจกว่าผู้หญิงคนก่อนๆ