ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 8 - 14 มิถุนายน 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
ยานยนต์ สุดสัปดาห์ / สันติ จิรพรพนิต cars@khaosod.co.th
ย่ำ ‘ฮิโรชิม่า’ – บ้านเกิด ‘มาสด้า’
สัมผัสแรก ‘สกายแอ๊คทีฟ เอ็กซ์’
ที่ผ่านมาชีวิตผมในต่างแดนนั้นวนเวียนอยู่แถวๆ โตเกียว และโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เป็นส่วนใหญ่
นานๆ ครั้งที่จะพ้นจาก 2 เมืองนี้
จึงเมื่อได้รับเชิญจากบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ไปร่วมงาน Mazda Pan Pacific Forum 2018 ที่เมืองฮิโรชิม่า จึงไม่พลาดที่จะตกปากรับคำในทันทีทันใด
ฮิโรชิม่าเป็นเมืองที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะเป็นเมืองแรกที่ถูกถล่มด้วยระเบิดนิวเคลียร์ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
นอกจากนี้ “ฮิโรชิม่า” ยังเป็นบ้านเกิดของ “มาสด้า” ด้วย และสำนักงานใหญ่ รวมถึงโรงงานระดับบิ๊กเบิ้มของมาสด้าก็อยู่ที่เมืองนี้เช่นกัน
งาน Mazda Pan Pacific Forum 2018 นอกจากจะพูดคุยถึงอนาคตของมาสด้า และเตรียมพร้อมเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ในปี ค.ศ.2020 แล้ว ที่ผมตัดสินใจเดินทางไปทริปนี้เพราะมีโอกาสทดสอบรถยนต์หลักๆ 2 รุ่น คือมาสด้า 3 เครื่องยนต์ “สกายแอ๊คทีฟ เอ็กซ์” เทคโนโลยีใหม่ของมาสด้า พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นจาก “สกายแอ๊คทีฟ จี” เครื่องยนต์เบนซินในปัจจุบัน
อีกรุ่นคือ “ซีเอ็กซ์-8” รถอเนกประสงค์สุดหรูที่วางแผนเข้ามาวาดลวดลายในเมืองไทยปีหน้า
ด้วยเนื้อหาที่ค่อนข้างเยอะ ผมขอแบ่งเนื้อหาออกเป็น 2 ตอน เพื่อลงรายละเอียดให้มากที่สุด
วันแรกไม่มีอะไรมากนัก แถมผมเองก็อึนๆ มึนๆ ทั้งวัน เนื่องจากเดินทางจากเมืองไทยช่วงดึกไปถึงญี่ปุ่นตอน 8 โมงเช้าตามเวลาท้องถิ่น (เวลาญี่ปุ่นเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง) ตลอดทางบนเครื่องบินจึงไม่ได้หลับได้นอนกับชาวบ้านเขา
จนเข้าวันที่สอง เข้าโหมดการทำงานแบบจริงจัง เริ่มจากการเข้าฟังข้อมูลของเทคโนโลยีใหม่ “สกายแอ๊คทีฟ เอ็กซ์” ที่มาสด้าเตรียมส่งลงตลาดทั่วโลกภายในเวลาไม่นานจากนี้
โมเดลแรกที่ใส่เครื่องยนต์สกายแอ๊คทีฟ เอ็กซ์ คือ “มาสด้า 3”
“สกายแอ๊คทีฟ เอ็กซ์” เป็นรุ่นที่พัฒนาจากเครื่องยนต์ “สกายแอ๊คทีฟ จี” หรือเครื่องเบนซินที่เราคุ้นเคยกัน เพราะวางในทุกรุ่นของมาสด้าปัจจุบัน
อธิบายคร่าวๆ “สกายแอ๊คทีฟ เอ็กซ์” คือเครื่องยนต์ที่อัตราเร่งแรงจัดไม่ต่างจากเบนซิน แต่มีความประหยัดพอๆ กับเครื่องดีเซล อาศัยการจุดระเบิดด้วยการอัดที่ควบคุมประกายไฟ (Spark-Controlled Compression Ignition – SPCCI) ซึ่งเป็นวิธีการเผาไหม้ที่เป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า
ไม่ขอลงรายละเอียดแล้วกันนะครับเพราะเป็นข้อมูลทางเทคนิคเกินไป เอาเป็นว่าเครื่องยนต์รุ่นนี้รวบรวมจุดเด่นของเครื่องยนต์ “เบนซิน” และ “ดีเซล” เอาไว้ด้วยกัน จึงได้ทั้งความแรง-ความประหยัด
มาสด้าเคลมว่าเครื่องยนต์ “สกายแอ๊คทีฟ เอ็กซ์” มีความประหยัดเท่ากับรถยนต์มาสด้า 2 ดีเซล ความจุ 1.5 ลิตร หรือกว่า 23 กิโลเมตร/ลิตร แต่มีความแรงและอัตราเร่งพอๆ กับรถยนต์สปอร์ต “เอ็มเอ็กซ์-5”
และเป็นเครื่องยนต์ที่สามารถต่อยอดใช้กับระบบ “ไฮบริด” หรือลูกผสมน้ำมัน+ไฟฟ้าได้ด้วย ซึ่งเป็นเฟสต่อไปของมาสด้า ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (EV)
ผู้บริหารมาสด้า ประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า “สกายแอ๊คทีฟ เอ็กซ์” จะผลิตออกมาขายแบบจำเพาะ เพราะยังมีเครื่องยนต์ “สกายแอ๊คทีฟ จี” (เบนซิน) และ “สกายแอ๊คทีฟ ดี” (ดีเซล) ให้เลือกเหมือนเดิม
เรียกว่าดูความเหมาะสมแต่ละตลาด และแต่ละรุ่นรถยนต์
โดยรุ่นแรกที่จะใส่หัวใจของ “สกายแอ๊คทีฟ เอ็กซ์” คือ “มาสด้า 3 ใหม่”
หลังจากรับรู้ข้อมูลเบื้องต้นกันแล้วกลุ่มผู้สื่อข่าวจากเมืองไทยรวม 20 ชีวิต บวกกับทีมงานมาสด้า ประเทศไทย นำโดย “ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด “อุทัย เรืองศักดิ์” ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ และ “คุณเอก” ทีมพีอาร์ ก็เข้าสู่โหมดทดสอบที่สนาม “Mi-ne Circuit” เป็นสนามสำหรับทดสอบรถยนต์มาสด้าโดยเฉพาะ โดยมีสภาพถนนที่หลากหลาย
ภาพประกอบของเรื่องนี้ผู้อ่านหลายท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมเหมือนมาสด้า 3 รุ่นปัจจุบันเลยหว่า??
ใช่ครับ…รถยนต์ที่ทดสอบทริปนี้ ใช้โครงร่างภายนอกคือมาสด้า 3 รุ่นปัจจุบัน เพียงแต่ใส่เครื่องยนต์ “สกายแอ๊คทีฟ เอ็กซ์” พร้อมปรับช่วงล่างสำหรับมาสด้า 3 ใหม่โดยเฉพาะ
เรียกง่ายๆ ว่าเป็นรุ่น “โปรโตไทป์” หรือรถต้นแบบที่ให้ลองขับขี่เพื่อเก็บข้อมูล ก่อนนำไปพัฒนาขั้นสุดท้ายเพื่อออกมาเป็นรถตัวขายนั่นเอง
รถมาสด้า 3 โฉมใหม่ วางจำหน่ายน่าจะปรับเปลี่ยนไปในระดับหนึ่ง
แต่เอาเถอะครับ ถือว่ามาลองดูเทคโนโลยีก็แล้วกัน ส่วนรูปร่างหน้าตาภายนอก-ภายใน จะสวยหยาดเยิ้มขนาดไหนต้องรอยลโฉมกันอีกที
เชื่อว่าไม่ด้อยไปกว่ารุ่นปัจจุบันแน่นอน พะยี่ห้อ “โคโดะ ดีไซน์” การันตีได้อยู่แล้ว
มาสด้า 3 โปรโตไทป์ ผลิตออกมาแค่ 6 คันเท่านั้น ก่อนหน้านี้มาสด้าจัดทดสอบโดยสื่อมวลชนที่สหรัฐอเมริกาและเยอรมนีมาก่อนแล้ว
ในงาน Mazda Pan Pacific Forum 2018 ที่สื่อมวลชนไทยได้ทดสอบถือเป็นทริปที่ 3
เพราะบริษัทแม่ให้ความสำคัญกับตลาดเมืองไทยอย่างมาก ไม่เพียงมีโรงงานขนาดใหญ่เท่านั้น แต่เพราะผลงานของมาสด้า ประเทศไทย ถือว่าเอกอุอย่างยิ่ง สามารถสร้างยอดขายเติบโตต่อเนื่องนานหลายปี
โดยเฉพาะปี 2560 เป็นปีที่ทุบทุกสถิติของมาสด้า ประเทศไทย แถมยอดขายโตพรวดพราดกว่า 30% ถือว่าเป็นอันดับ 1 ของมาสด้าทั่วโลก
การทดสอบแบ่งเป็น 4 รอบ โดยทีมงานเตรียมรถมาสด้า 3 รุ่นปัจจุบัน เครื่องยนต์ “สกายแอ๊คทีฟ จี” มาให้ลองเทียบเคียงด้วย
รอบแรกขับรถมาสด้า 3 รุ่นปัจจุบัน เกียร์แมนวล แต่ปัญหามาเกิดเพราะเป็นรถพวงมาลัยซ้าย ทำให้ต้องเข้าเกียร์ด้วยมือขวา จึงสับสนอยู่พอสมควร
จากนั้นขับรถมาสด้า 3 โปรโตไทป์ เครื่องยนต์ “สกายแอ๊คทีฟ เอ็กซ์” เพื่อเปรียบเทียบกัน
สารภาพตามตรงว่าผมจับความรู้สึกได้ไม่มากนัก เพราะพะวักพะวนกับเกียร์และการขับพวงมาลัยซ้ายนั่นเอง
จนในรอบที่ 3-4 ที่ได้ขับเกียร์อัตโนมัติของทั้ง 2 รุ่น และเริ่มชินเส้นทาง แม้จะเป็นพวงมาลัยซ้ายแต่ก็พอจับจังหวะและความรู้สึกได้
เครื่องยนต์ “สกายแอ๊คทีฟ เอ็กซ์” ให้ความรู้สึกกระชับขึ้น อัตราเร่งแรงต่อเนื่อง ส่วนช่วงล่างมีความสปอร์ตกว่ารุ่นปัจจุบัน
แรงเหวี่ยงของรถในรุ่นใหม่มีน้อยลง การทรงตัวเมื่อขับแบบสลาลม หรือซิกแซ็กไปมามั่นใจมากขึ้น
กระนั้นก็ตาม ผู้สื่อข่าวไทยหลายคนติงว่าได้ยินเสียง “เขก” จากเครื่องยนต์ ซึ่งทีมวิศวกรมาสด้าระบุว่าเป็นในบางคันเพราะยังเป็นรุ่นต้นแบบนั่นเอง พร้อมการันตีว่ารถที่ผลิตเพื่อขายจริงตัดปัญหานี้ไปได้เลย
ขณะที่ระบบช่วงล่างนั้นทีมนักข่าวที่ทดสอบไม่มีใครเอะใจว่าปรับจากเดิมไปพอสมควร โดยเฉพาะด้านหลังเปลี่ยนจาก “มัลติลิงก์” หรืออิสระ มาเป็น “ทอร์ชั่นบีม” หรือระบบคาน
หลายคนถึงกับมึน เพราะจะว่าไปแล้วมัลติลิงก์ เป็นเทคโนโลยีใหม่กว่าระบบทอร์ชั่นบีม
ทีมวิศวกรจึงไขข้อข้องใจว่า “ทอร์ชั่นบีม” เจเนอเรชั่นล่าสุดของมาสด้า ไม่เหมือนทอร์ชั่นบีมที่คนทั่วไปเคยสัมผัส เพราะเป็นเทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่เอกสิทธิ์เฉพาะของมาสด้า พัฒนาจากการเคลื่อนไหวของมนุษย์ เน้นเรื่องความสบาย ปลอดภัย และการทรงตัวที่เหนือกว่า
เนื้อที่หมด…หมดเนื้อที่ ว่ากันต่อฉบับหน้าครับ ผมจะพาไปลองขับรถยนต์มาสด้า “ซีเอ็กซ์-8” รถอเนกประสงค์ที่จะเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยภายในปีหน้า