ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 มิถุนายน 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | มุมมุสลิม |
เผยแพร่ |
อินเดียศึกษาในประเทศไทย
อินเดียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายในทุกๆ ด้าน มีระบอบการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย มีพรรคการเมืองมากกว่า 1,700 พรรค
เครื่องหมายของพรรคการเมือง แต่ละพรรคมีลักษณะหลากหลาย
จะเห็นได้ว่าในอินเดีย พรรคคอมมิวนิสต์ (สามัคคีมาร์กซิสต์-เลนินนิสต์ เหมาอิสต์ และพรรคคอมมิวนิสต์อินเดีย) สามารถอยู่ร่วมกับพรรคอื่นๆ ของอินเดียได้อย่างสันติ และนำพาประเทศไปสู่ความสงบสุข
ปัจจุบันอินเดียหันมาใช้ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดแทนเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมภายใต้การขับเคลื่อนของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี และภายใต้ นารา ซิมฮา ราว อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้เริ่มต้นความเติบโตของอินเดียมาก่อน
เมื่อมองในด้านพื้นที่ อินเดียเป็นประเทศที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก รองจากรัสเซีย แคนาดา สหรัฐอเมริกา จีน บราซิล และออสเตรเลีย
ในด้านประชากรอินเดียมีจำนวนประชากรเป็นอันดับ 2 รองจากจีน
หากเพียงแต่วัดกำลังอำนาจจากปัจจัยด้านพื้นที่เพียงอย่างเดียว ก็พอจะทำให้อินเดียมีสถานะเป็นมหาอำนาจที่ดึงดูดให้ประเทศต่างๆ มุ่งมาทำการค้าและการลงทุนได้เป็นอย่างดี
ด้วยประชากร 1.2 พันล้านคน และมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก ความเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนานับเป็นหนึ่งในความสำเร็จของอินเดียในเวลานี้
เป็นเวลากว่า 65 ปี นับตั้งแต่ได้รับเอกราช อินเดียได้มีการปฏิวัติการเกษตร ซึ่งเปลี่ยนจากประเทศที่ต้องขึ้นอยู่กับการส่งออกแค่ธัญพืชมาเป็นประเทศที่มีพลังในการส่งออกการเกษตรของโลก
และกลายมาเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารชั้นนำอยู่ในเวลานี้
ปัจจุบันประชาชนอินเดียมีอายุยืนขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า
อัตราผู้รู้หนังสือเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า
มีการพัฒนาสภาวะด้านสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง
และชนชั้นกลางก็เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากเช่นกัน
อินเดียได้รับการยอมรับว่าเป็นที่รวมของบริษัทเภสัชกรรม บริษัทเหล็กกล้าและเป็นแหล่งของข้อมูลและเทคโนโลยีอวกาศ
นอกจากนี้ เสียงของอินเดียยังเป็นเสียงที่ได้รับการรับฟังในเวทีระหว่างประเทศ อันเนื่องมาจากขนาดของประเทศที่มีขนาดใหญ่และเศรษฐกิจการเมืองที่มีศักยภาพ
อย่างไรก็ตาม บ่อยครั้งเมื่อพูดถึงอินเดีย อินเดียจะถูกเรียกขานว่ายักษ์หลับ (Sleeping giant)
แต่วันนี้อินเดียเป็นตลาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก
ในด้านการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ตามรายงานของ World Competitive Yearbook อินเดียกระโดดจากอันดับที่ 43 มาอยู่อันดับที่ 27
ความเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียที่มีประชากรคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 6 ของโลกนี้ได้รับความสนใจจากทั่วโลก ได้รับการยกย่องว่ามีการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ทำให้คนนับล้านพ้นจากความยากจน
ในเรื่องความสามารถทางเศรษฐกิจนั้นอินเดียอยู่ในลำดับที่ 19 ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสำเร็จของอินเดียนั้นส่วนหนึ่งมาจากพลังทางปัญญา (Brain Power) การมีบริษัทที่ติดอยู่ในระดับโลก ส่วนใหญ่เป็นบริษัทเทคโนโลยี
นักวิชาการบางคนมองว่าอินเดียจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจใหม่ที่ยิ่งใหญ่ (New Great Power) ทั้งนี้ อินเดียมีประชากรเป็นปัจจัยพื้นฐานด้านการผลิตที่ดี ซึ่งสร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศ โดยอินเดียมีปัจจัยในด้านนี้อย่างเหลือเฟือ
อินเดียมีประชากรมากจนกระทั่งมีการพูดกันว่าอินเดียสามารถทำสงครามได้หลายครั้งโดยไม่ส่งผลกระทบต่อจำนวนประชากรที่มีอยู่แต่อย่างใด
เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่าสาธารณรัฐอินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีบทบาทสำคัญในโลกยุคปัจจุบัน มีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆ ในนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือศิลปวัฒนธรรม
อีกทั้งยังมีอารยธรรมอันยาวนานและมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อวัฒนธรรมไทย
ด้วยเล็งเห็นบทบาทสำคัญของอินเดีย ทั้งในบริบทสังคมโลก ตลอดจนสังคมไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กอปรกับความขาดแคลนบุคลากรด้านอินเดียศึกษาในประเทศไทย วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ จึงได้พัฒนาหลักสูตรอินเดียศึกษาเพื่อสร้างบัณฑิตระดับปริญญาตรีที่สามารถปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับประเทศอินเดีย ตลอดจนศึกษาต่อในระดับสูงด้านอินเดียศึกษาต่อไป
บัณฑิตซึ่งเป็นผลผลิตของหลักสูตรจะมีคุณลักษณะเด่นในด้านทักษะการใช้ภาษาฮินดี (Hindi) และมีความรู้ความเข้าใจในด้านต่างๆ เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเทศอินเดีย
ดร.มุฮัมมัด ฟาฮีม (Mohd Faheem) นักวิชาการว่าด้วยอินเดียศาสตร์ (Indologist) มีความเห็นเกี่ยวกับอินเดียและอินเดียศึกษาว่า ประเทศอินเดียซึ่งมีประชากรเป็นอันดับที่สองของโลกเป็นประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจรวดเร็วที่สุดของโลก
นอกจากนี้ อินเดียยังเป็นดินแดนแห่งอารยธรรมที่สำคัญของโลกเช่นกัน
ส่วนอินเดียศึกษาก็เป็นความมุ่งหวังที่จะให้นักศึกษาได้เรียนรู้หลากหลายวิชาที่เกี่ยวข้องกับอินเดีย รวมทั้งภาษาฮินดี เป็นการเรียนรู้อินเดียโดยองค์รวมไม่ว่าจะเป็นอินเดียในทางภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ การเมือง ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
อันจะทำให้นักศึกษาได้มีโอกาสทำงานทั้งในประเทศอินเดียและในประเทศไทยได้ต่อไป
หลักสูตรอินเดียศึกษาของวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มีลักษณะพิเศษ คือเป็นหลักสูตรที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลอินเดียและมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของอินเดีย
จะมีการเชิญอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของอินเดียมาร่วมสอน
บัณฑิตในหลักสูตรนี้จะต้องไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยในประเทศอินเดีย อย่างน้อย 1 ภาคการศึกษา
ด้วยลักษณะการเรียนการสอนดังกล่าว บัณฑิตของหลักสูตรจะมีประสบการณ์ตรงในการเรียนในบริบทที่เป็นอินเดียอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ เพื่อสนองตอบความต้องการบุคลากรด้านอินเดียศึกษาของตลาดงานทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นระดับท้องถิ่น ระดับชาติ หรือระหว่างประเทศ และเพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคคลสำหรับการศึกษาค้นคว้าด้านอินเดียศึกษาในชั้นสูงต่อไป
สำหรับปีนี้ นักศึกษาหลักสูตรอินเดียศึกษาจากวิทยาลัยนานาชาติ ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยจันดิการ์ (Chandigarh University) รัฐปัญจาบ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของอินเดียมาหนึ่งภาคการศึกษา (มกราคมถึงพฤษภาคม 2018) เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับประสบการณ์ด้านการศึกษาในอินเดีย
สำหรับผู้ปกครองที่สนใจให้บุตรหลานเข้าเรียนต่อสาขาอินเดียศึกษาบัดนี้วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้เปิดรับสมัครนักศึกษาหลักสูตร Indian Studies International Program ตั้งแต่วันที่ 12-16 มิถุนายน 2561
โดยจะมีการสัมภาษณ์ในวันที่ 10-12 กรกฎาคม 2561 ประกาศผลวันที่ 19 กรกฎาคม 2561
ทั้งนี้ ผู้สนใจสอบถามข้อมูลโดยตรงได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 0-2613-3701 (วันจันทร์ถึงศุกร์ 08.30-16.30 น.) Email : [email protected] หรือ Website : http://www.pbic.tu.ac.th #วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ปรีดี พนมยงค์ #PBIC #Thammasat