จรัญ พงษ์จีน : เลือดไหลไม่หยุดครั้งใหญ่ของ “ประชาธิปัตย์”

จรัญ พงษ์จีน

ในบรรดา “พรรคการเมือง” ไม่ว่าใหญ่-เล็ก ใหม่-เก่า ชั่วโมงนี้ต้องยอมรับว่า “ประชาธิปัตย์” ที่มี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เกิดสภาพ “เสียเซลฟ์” ยากที่จะทำใจได้มากที่สุด

อาการของ “คนเสียเซลฟ์” ผู้รู้เขาบรรยายสรรพคุณว่า มันเป็นอาการทางหน้าตา รู้สึกไม่ดีมากๆ บ่อยๆ หน้าจ๋อยไปเลย

“ประชาธิปัตย์” เป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ 8 ทศวรรษเข้าให้แล้ว เป็นตำนาน สร้างนักการเมืองมีชื่อเสียงระบือนามมาแล้วไม่รู้กี่คนต่อกี่คน กระแสนิยมดี๋ดี ปกติปี่กลองการเมืองเริ่มโหมโรง จะต้อง “กรี๊ดสลบ” ด้วยความคลั่งไคล้ ดีที่หนึ่งเลย ใครก็อยากเข้า พลาดไปเสียดายตาย

แต่กลับตรงกันข้ามซะงั้นตอนนี้ ประชาธิปัตย์ “เลือดไหล” ไม่หยุด มีประเด็นต้องเคลียร์กันตลอด เป็นระลอก

ก่อนหน้านี้ “ยังเติร์ก กปปส.” นำร่องโดย “สกลธี ภัททิยกุล” ถูก “ดูด” เข้าทีมทำเนียบไปรายแรก คิดว่าไม่น่าจะกระเทือนซางอะไร แค่ “อะไหล่” ชิ้นเล็กๆ เอาไม้จิ้มฟันอุดทดแทนก็อยู่หมัด

แต่เหลือเชื่อ “ต้นไม้ใหญ่” นกไม่เกาะ โบยบินตามกันไปตึกไทยคู่ฟ้าได้ไม่กี่อึดใจ ขึ้นลิฟต์ทะลุเข้าห้าง ได้นั่งเก้าอี้ใหญ่ “รองผู้ว่าฯ กทม.”

แปลกใหม่ ไม่เคยได้ยินได้ฟังในพรรคประชาธิปัตย์มายาวนาน สะกดเป็นแต่คำว่า “ฝ่ายค้าน”

เพื่อนร่วมอุดมการณ์ชัตดาวน์ เลยมีชื่อว่าจะพาเหรดไปกันขบวนใหญ่ ทั้ง “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ-พุฒิพงษ์ ปุณณกันต์” หรือแม้กระทั่ง “หลานขิง-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” ต่างพากันแผ่สองสลึง สมยอมให้เขา “ดูด” กันไปหมด

ประเด็น “เด็ก” ยังไม่สะเด็ดดี “ประชาธิปัตย์” มีเรื่องแสบอีกไม่เบาเกี่ยวกับ “ผู้ใหญ่” ว่าด้วยปม “กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ” ส่งทนายความส่วนตัว “ทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง” และ “จารันต์ บุญเบ็ญจรัตน์” ดอดไปจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ชื่อ “รวมพลังประชาชาติไทย”

โดยวางตัวให้ “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” นั่งหัวหน้าพรรค ดึงคนดังๆ ร่วมแจมหลายราย อาทิ “ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล” พ่อของ “หล่อจิ๋ว-ม.ล.อภิมงคล โสณกุล” อดีต ส.ส.กทม. ประชาธิปัตย์ “ประสาร มฤคพิทักษ์”

“รวมพลังประชาชาติไทย” มีชื่อย่อ “รปช.” เชื่อกันล้านเปอร์เซ็นต์ว่าเป็นร่างทรงของ “กปปส.” มี “กำนันสุเทพ” ยืนเป็นเงาทะมึนทึนอยู่เบื้องหลัง เพราะปรากฏชื่อ “ธานี เทือกสุบรรณ” น้องชาย ร่วมเป็นผู้ก่อตั้งด้วย และเหนือสิ่งอื่นใดคือ ประกาศธงชัดเจนให้กับการสนับสนุน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหลังเลือกตั้ง

จุดที่ทำให้ประชาธิปัตย์ “เสียเซลฟ์” คูณสาม ปวดตับมากเป็นที่สุด คืออดีต ส.ส. ที่เป็นกำลังหลักบนเวที “กปปส.” ซึ่งมีพื้นเพอยู่ในจังหวัดภาคใต้บ้านเรา “อดีต ส.ส.เก่า” ไม่มีใครปรากฏชื่อย้ายไปสังกัด “รปช.” ทั้งๆ ที่เป็นพรรคของ “ลุงกำนัน” แท้ๆ

ทั้ง “อ้วน-ผอม-สูง-ต่ำ-ดำ-เตี้ย” ล้วนปักหลักลงสมัครกับต้นสังกัดเก่า พะยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” จึงปอดกระเส่ากันว่า จะเกิดโรคกรดไหลย้อน “งูเห่า 2” หวนกลับมาหลอกหลอน

เพราะดังที่ทราบ กาลครั้งหนึ่ง “งูเห่า 1” ขึ้นในพรรค “ประชากรไทย” สายปากน้ำ นำทีมโดย “วัฒนา อัศวเหม” แหกด่านมะขามเตี้ย มาสนับสนุน “นายหัวชวน หลีกภัย” เป็นนายกฯ สำเร็จแบบชิลชิล ภายใต้การเดินเกมของ “พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์” เลขาธิการพรรคในขณะนั้น จึงประหวั่นพรั่นพรึงกันว่า “ประชาธิปัตย์” จะโดนฤทธิ์เดช “งูเห่า” เข้าเอง

 

ประวัติศาสตร์อาจมีในหลายด้าน เช่นเดียวกับ “ประชาธิปัตย์” ที่เป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2489 ย่อมมีตำนานบนถนนสายการเมืองมากหลาย

เป็นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกมากที่สุดในประเทศไทย และมีสาขาพรรคมากที่สุด 175 สาขา

ที่ต้องบันทึกไว้คือ 8 ทศวรรษ “ประชาธิปัตย์” ผ่านประวัติศาสตร์การเลือกตั้งมาแล้ว 22 ครั้ง ชนะเลือกตั้งมา 6 ครั้ง พ่ายแพ้ 13 ครั้ง คว่ำบาตร หรือบอยคอต ไม่ส่งผู้สมัครอีก 3 ครั้ง

ชนะเลือกตั้งครั้งหลังสุด เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2535 ได้เป็นแกนนำฟอร์มรัฐบาล “ชวน หลีกภัย” ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

แต่หลังจากนั้น สะกดคำว่า “ชัยชนะ” ไม่ถูกเลย ปี 2538 แพ้เลือกตั้งให้พรรคชาติไทย ปี 2539 พ่ายความหวังใหม่ แค่เส้นยาแดงผ่าแปด

เลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2544 ได้ที่นั่ง ส.ส. มาสูงถึง 128 ที่นั่ง แต่แพ้เลือกตั้งกับ “ไทยรักไทย” สมัยแรกที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ลงเล่นการเมือง

และตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ผูกปีแพ้ป่าราบมาตลอด โดยเมื่อปี 2548 แพ้ไทยรักไทยซ้ำสอง 2549 คว่ำบาตรไม่ส่งผู้สมัคร

พ.ศ.2550 แม้ไทยรักไทยถูกยุบพรรค แต่ “ประชาธิปัตย์” แพ้นอมินี ที่ชื่อ “พลังประชาชน”

เลือกตั้งใหญ่ครั้งสุดท้าย เดือนกรกฎาคม 2554 พรรคประชาธิปัตย์แพ้ให้พรรคเพื่อไทย ไม่นับการเลือกตั้งโมฆะเมื่อปี 2557 ก่อน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นำ คสช. “ปฏิวัติ-ยึดอำนาจ” ประชาธิปัตย์บอยคอตไม่ส่งผู้สมัคร นับเป็นครั้งที่ 3

ตัดฉากฉับ สรุป ตั้งแต่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คว่ำบาตรศึกเลือกตั้ง 2 ครั้ง คือเมื่อปี 2549 และ 2557 แพ้เลือกตั้ง 2 ครั้ง ในปี 2550 และ 2554

“ประชาธิปัตย์” มีคณะกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน ที่ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมืองไว้ล่าสุด ประกอบด้วย “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรค “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์-เกียรติ สิทธีอมร-อภิรักษ์ โกษะโยธิน-ชำนิ ศักดิเศรษฐ์-อัศวิน วิภูศิริ-คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช-สาธิต ปิตุเดชะ-องอาจ คล้ามไพบูลย์-นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” เป็นรองหัวหน้าพรรค

โดยมี“จุติ ไกรฤกษ์” เป็นเลขาธิการพรรค

มีข่าวขณะนั่งเขียนต้นฉบับว่า “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีมติเอกฉันท์ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ

ส่อสัญญาณว่า โปรแกรมเลือกตั้งในต้น 2562 หากไม่สะดุดปังตออื่นอีก น่าจะไม่พลาด ได้ทำศึกกันแน่

ก่อนถึงวันนั้น เชื่อว่า “ประชาธิปัตย์” จะต้องจัดการกับตัวเองอย่างหนึ่งอย่างใด

เพื่อพลิกข้ามสาย เป็นฝ่าย “ชนะเลือกตั้ง” กะเขาซะที