รายงานพิเศษ /เปิดตัวโมเดล ‘แท็กซี่บินได้’ มุ่งลดปัญหาความแออัดของเมือง

รายงานพิเศษ / โชคชัย บุณยะกลัมพ

https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/

 

เปิดตัวโมเดล

‘แท็กซี่บินได้’

มุ่งลดปัญหาความแออัดของเมือง

 

วิวัฒนาการแห่งอนาคตที่พัฒนายานยนต์ให้เป็น “แท็กซี่บินได้” ใกล้ประสบความสำเร็จ ล่าสุด “อูเบอร์” เผยโฉมของแท็กซี่มีปีก พร้อมเผยความร่วมมือครั้งสำคัญกับกองทัพสหรัฐ ในการพัฒนาเทคโนโลยีการคมนาคมทางอากาศอันล้ำสมัยนี้ด้วย ที่ให้บริการรถรับ-ส่งทางอากาศ

โดยวางแผนจะเปิดให้บริการในปี 2023

ทางบริษัท Uber เริ่มเปิดรับเมืองต่างๆ จากทั่วโลกที่ต้องการเข้าร่วมในการให้เปิดบริการโปรเจ็กต์แห่งอนาคตอย่าง “แท็กซี่บินได้” (Flying Taxi) ในชื่อ UberAIR หลังจากเกิดความล่าช้าในการเปิดตัวที่เมืองดูไบ

เมืองดูไบเคยแสดงความสนใจในวิสัยทัศน์ของ Uber แต่กำลังขยายขอบเขตไปยังเมืองอื่นๆ อีกที่สนใจด้วย

Uber มุ่งพิจารณาเลือกเมืองใหญ่ที่มีประชากรมากกว่า 2 ล้านคน โดยมีศูนย์กลางการกระจายตัวของประชากร สนามบินอยู่ห่างจากใจกลางเมืองอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง และยินดีที่จะให้บริการรถรางสาธารณะร่วมกัน

ก่อนหน้านี้ Uber จะเลือกเมืองดูไบเป็นเมืองที่ 3 ที่จะเปิดตัว แต่ที่ผ่านมาได้มีการเปิดกระบวนการคัดเลือกเมืองอื่นๆ ที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่เมืองนั้นเมื่อใช้ “แท็กซี่บินได้” จะช่วยบรรเทาปัญหาความแออัดของเมืองได้

 

นายดารา คอสราวชา ฮี ซีอีโอของอูเบอร์ บริษัทผู้ให้บริการรถโดยสารผ่านแอพพลิเคชั่น เผยโฉม UberAir หรือแท็กซี่บินได้ ตัวต้นแบบของอูเบอร์ เป็นเครื่องบิน 4 ใบพัดในแนวราบ และอีก 1 ใบพัดที่หางเครื่องบิน เหมือนกับเฮลิคอปเตอร์หรือโดรนขนาดยักษ์

ซึ่งทางบริษัทมองว่าปลอดภัยมากกว่าเฮลิคอปเตอร์ที่ทำงานด้วยใบพัดเดียว และจะส่งเสียงดังน้อยกว่าเฮลิคอปเตอร์ รวมถึงยังเงียบกว่าเสียงรถบรรทุกที่วิ่งผ่านหน้าบ้าน

โดยในช่วงแรก อูเบอร์จะคิดค่าบริการ UberAIR ในอัตราเดียวกับ Uber Black แต่หากมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นในอนาคต ก็จะปรับอัตราบริการให้เทียบเท่า Uber X สำหรับการเดินทางในระยะเดียวกัน

เจฟฟี่ โฮลเดน หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์แห่งอูเบอร์ เปิดเผยวิดีโอเกี่ยวกับรูปแบบของ UberAir ที่เป็นทางเลือกแทนเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งอูเบอร์กล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์ทั้งเสียงดัง อันตราย แพง และไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

แต่ UberAIR จะมีความเงียบกว่า ปลอดภัยกว่า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกว่า ที่สำคัญมีอัตราค่าโดยสารเท่ากับการใช้บริการ Uber X

โดยหวังว่าจะสามารถทำให้มีราคาถูกลงกว่าการขับรถยนต์เอง

 

ในงาน Uber Elevate Summit ครั้งที่ 2 ประจำปีนี้ อูเบอร์ได้เผยโฉมรถบินได้ต้นแบบ ที่จะนำไปให้บริการรับ-ส่งทางอากาศ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะผลักดันโปรเจ็กต์นี้ให้สำเร็จภายใน 5 ปี

โดยรถบินได้เหล่านี้จะสามารถขึ้นบินและลงจอดในแนวดิ่งได้ ซึ่งเป็นสถานีทางอากาศที่อาจติดตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าอาคารหรือติดพื้นดิน ผู้โดยสารจะต้องขึ้นเครื่องและลงจอดในจุดรับส่งที่เรียกว่า Skyport ในย่านชุมชนเมืองและที่สนามบิน

ซึ่ง Skyport บางแห่งอาจรองรับเที่ยวบิน UberAir ได้มากถึง 200 เที่ยวต่อชั่วโมง หรือ 1 ลำในทุก 24 วินาที

รองรับผู้โดยสารสูงสุด 4 คน กับอีก 1 นักบิน ขับเคลื่อนด้วยความเร็ว 150-200 ไมล์ต่อชั่วโมง ที่ระดับความสูง 1,000-2,000 ฟุต ในระยะทางประมาณ 60 ไมล์ด้วยพลังงานไฟฟ้าและเทคโนโลยีไฮบริด

ซึ่งในอนาคตอาจจะเป็นการขับเคลื่อนอัตโนมัติ หลังจากที่ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยแล้ว

 

UberAIR ได้ร่วมมือกับกองทัพสหรัฐในการพัฒนาเทคโนโลยีอากาศยานที่ขับเคลื่อนด้วยใบพัดรุ่นใหม่ที่ล้ำสมัยและไร้เสียง หลังจากจับมือกับองค์การนาซjาและหน่วยงานด้านเทคโนโลยีอวกาศของสหรัฐอีกหลายแห่ง ในการรวบรวมข้อมูลการจราจรทางอากาศและความปลอดภัยด้านการบินในเมืองใหญ่ ซึ่งนำร่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติ Dallas/Fort Worth ในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส

แมตธิว วิง โฆษกอูเบอร์กล่าวว่า ในตอนแรกการบริการจะมีนักบินเป็นคนขับ แต่ในอนาคตอาจเป็นระบบอัตโนมัติไร้คนขับ หากเดินทางด้วย UberAIR จากสนามบินลอสแองเจลิสถึงสนามกีฬาสเตเปิลส์เซ็นเตอร์จะใช้เวลาเพียง 27 นาที

หรือใช้เวลาเร็วกว่าการเดินทางด้วยรถยนต์ถึง 3 เท่า

เนื่องจากไม่ต้องเจอปัญหารถติด และมีที่จอดรับ-ส่งโดยเฉพาะ โดยจะสามารถเรียกใช้บริการผ่านแอพrลิเคชั่นเหมือนบริการรถอูเบอร์เหมือนเดิม

 

เพื่อประชันในการแข่งขันด้านขนส่งทางอากาศที่กำลังเข้มข้น กับผู้ผลิตอากาศยานยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Airbus ที่ผลิต Kitty Hawk ด้วยความร่วมมือของผู้ร่วมก่อตั้ง Google Larry Page และ Volocopter บริษัทสตาร์ตอัพด้านอากาศยานสัญชาติเยอรมัน ที่กำลังเดินหน้าโปรเจ็กต์ยักษ์นี้อยู่เช่นกัน

ในปัจจุบัน ซึ่งอูเบอร์วางแผนจะเริ่มให้บริการ UberAIR พร้อมกันนี้ ผู้บริหารอูเบอร์ยังบอกด้วยว่า จะเริ่มการทดสอบการบินของ Uber Air ในอีก 2 ปีข้างหน้า ในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส หรืออาจจะเป็นนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อนที่จะเปิดให้บริการในปี 2023 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า โดยจะเริ่มทดสอบในปี 2020

ยุคนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ ผู้คนจะแห่ขึ้นกันขนาดใหน ส่วนเรื่องของอัตราค่าบริการนั้น CEO Uber ระบุว่าจะพยายามทำให้บริการดังกล่าวมีราคาอยู่ในระดับที่คนทั่วไปเข้าถึงได้