ในประเทศ/ขอโทษ จาก 3 ป.บูรพาพยัคฆ์ ถึงพุทธะอิสระ

ในประเทศ

 

ขอโทษ

จาก 3 ป.บูรพาพยัคฆ์

ถึงพุทธะอิสระ

 

ภายหลังตำรวจกองปราบปรามบุกจับ ‘อดีตพระพุทธะอิสระ’ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม หรือนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ โดยพนักงานสอบสวนนำตัวอดีตพระพุทธะอิสระฝากขังต่อศาลอาญา ในความผิดเกี่ยวกับอั้งยี่ซ่องโจร ชิงทรัพย์และปลอมพระปรมาภิไธย ในกรณีจัดสร้างพระเครื่องพระบูชา หลังจัดพิธีปลุกเสกพระนาคปรกรุ่นหนึ่งในปฐพี ด้านหลังมีพระปรมาภิไธยย่อ เมื่อปี 2552 โดยพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว

ต่อมาศาลพิจารณาอนุญาตให้ฝากขังผัดแรก 12 วัน และไม่อนุญาตให้ประกันตัว จึงนำตัวไปฝากขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ทำให้อดีตพระพุทธะอิสระต้อง ‘ลาสิกขา’ จากสมณเพศทันที

ทำให้เกิดกระแส ‘เห็นด้วย’ และ ‘ไม่เห็นด้วย’ เป็นวงกว้าง

โดยเฉพาะคลิปกองปราบฯ เข้าจับกุมพุทธะอิสระถึงในมุ้ง

จนทำให้ ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ต้องออกมาขอโทษ ‘อดีตพระพุทธะอิสระ’ พร้อม ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ออกมาขอโทษ ‘ประชาชน-ศิษยานุศิษย์’ และ ‘ตักเตือน’ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำเกินเลย

 

แล้วภาพ ‘ความสัมพันธ์’ ในอดีตของ ‘3 ป.บูรพาพยัคฆ์’ กับ ‘อดีตพระพุทธะอิสระ’ ก็ย้อนกลับมารีรันใหม่ในทันที

เป็นภาพที่ย้อนกลับไปในปี 2555 ช่วง ‘หลวงปู่พุทธะอิสระ’ หรือพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม ขณะเป็นเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม

ได้เชิญ ‘บิ๊กป้อม’ ‘บิ๊กป๊อก’ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. – พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์ อดีต ผบ.สูงสุด และอดีต ผบ.ทบ. และ พล.อ.ประยุทธ์ ขณะดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ทำพิธีเททองหล่อพระเกตุมาลาพระนาคปรก ‘ปกเกล้า ปกแผ่นดิน’ และยกฐานองค์พระขึ้นประดิษฐาน ที่วัดอ้อน้อย เมื่อ 27 มกราคม 2555

โดยพิธีเททองหล่อพระ ‘ความเชื่อ’ เพื่อ ‘เสริมบุญ-เสริมดวง’ ฝ่ายทหาร

และมีการทำนายกันว่า ‘บิ๊กป้อม’ จะมาเป็นนายกฯ ด้วย

แม้ว่าในเวลานั้นยังไม่มีกระแส ‘รัฐประหาร’ ใดๆ ทั้งสิ้น

จึงทำให้ทั้ง ‘3 ป.บูรพาพยัคฆ์’ ถูกจับตาเป็น ‘ลูกศิษย์’ ของ ‘พระพุทธะอิสระ’ หรือไม่?

ในปี 2555 หลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวถึงการทำพิธีว่า คนสมัยโบราณเวลาสร้างหลักบ้านหลักเมืองหรือขึ้นบ้านใหม่จะเลือกคนมีบุญญาธิการ บุญบารมี หรือไม่ก็มียศถาบรรดาศักดิ์มาเป็นผู้ยกหลักเมือง หลักบ้านหรือเสาเอก สมัยโบราณเมื่อยกเสาเอกจะใช้ขุนทหารแม่ทัพนายกองเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีสติปัญญา เป็นที่รักใคร่ มีคุณธรรมมาประจำในทิศทั้งสี่ ในวันทำพิธีกรรมจะเห็นว่านายทหารทั้งสี่จับสลาก

“ทุกคนจับสลากกันแม่นมาก ตรงกับที่อธิษฐานไว้ทุกคนเลย อย่างคุณประวิตรเวลาขึ้นที่สูง ขึ้นไม่ไหวเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง เขาอธิษฐานว่าขอให้สุขภาพแข็งแรง พอจับสลากออกมาก็ได้ใน ‘ทิศแข็งแรง’ ส่วน ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์เขาอยากให้หน้าที่ฐานะการงาน ‘รุ่งเรือง’ ก็ได้รุ่งเรืองตามที่ปรารถนา” พระพุทธะอิสระกล่าว

ส่วน พล.อ.อนุพงษ์จับสลากได้ ‘ทิศชัยชนะ’ พระพุทธะอิสระกล่าวว่า “ถ้าไม่ชนะคงปฏิวัติไม่สำเร็จ ส่วน พล.อ.สมทัตได้ ‘ทิศมั่นคง’ เขาไม่หวั่นไหว ใครมาชวนเขาเป็นนักการเมืองก็ไม่หวั่นไหว”

 

พุทธะอิสระกล่าวอีกว่า นายทหารทั้ง 4 คนมาที่วัดอ้อน้อย อย่างเช่น มาทอดกฐิน ทอดผ้าป่า มาช่วยบวชพระบวชเณร เป็นลูกศิษย์เก่า

“ในสายตาของอาตมา เขาเป็นคนซื่อตรง เขาเป็นคนดี ก็เลยเชิญเขามาให้เป็นฐานอำนาจที่จะข่มคนที่คิดไม่ดี ทำไม่ดีต่อบ้านต่อเมือง คนที่คิดไม่ดี ทำไม่ดีแล้วพูดไม่ดีต่อบ้านต่อเมือง เป็นนัยยะเป็นนิมิตมงคลนาม เป็นเคล็ดในการทำยันตพิธี ก็มีคนถามว่าทำไมไม่เอา 3 เหล่าทัพ ก็คือ ทหารบก เรือ อากาศ แล้วก็ตำรวจ เท่าที่เราดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ในแผ่นดินสยามที่ก่อตั้งรากฐานมา บทบาทที่มีอยู่มากและอย่างสูง ก็คือทหารบก ที่กอบกู้บ้านเมือง ปกป้องแม้กระทั่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ท่านก็เป็นต้นตำรับทหารบกและหน่วยจู่โจม เพราะฉะนั้น ก็เลยใช้ท่านอดีต ผบ.ทบ. และ ผบ.ทบ.คนปัจจุบันมาทำหน้าที่ เขาก็ยินดี อุตส่าห์เสียสละปลีกเวลาแล้วอยู่จนจบพิธี”

พระพุทธะอิสระกล่าวเมื่อปี 2555

 

ต่อมา ‘3 ป.บูรพาพยัคฆ์’ ได้ออกมา ‘เคลียร์’ ข้อสงสัยพร้อมกันและในทิศทางเดียวกัน

พล.อ.ประยุทธ์ได้ชี้แจงว่า หลายคนอาจมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ผมก็ได้ขอโทษไปแล้วและขอให้เห็นใจกันทั้งสองฝ่าย ในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็พยายามที่จะทำหน้าที่ของเขา ซึ่งอาจจะมากไป ก็มีมาตรการในการลงโทษอยู่แล้ว

“อย่าให้เกิดความสับสนอลหม่านมากเกินไป ผมก็ขอโทษด้วยนะ ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล แต่เวลาทำงานทุกหน่วยงานก็มีหน้าที่ มีกฎหมายของตัวเอง ตรวจสอบ กระทำความผิดตรงไหนก็ไปทดสอบตรงนั้น ก็อยู่ที่ว่าวิธีการมาตรการมันจะมากหรือน้อยเกินไป หน่วยงานก็ต้องลงโทษเจ้าหน้าที่ของตัวเอง โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บหรือสูญเสีย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

แต่มีข้อเสนอจากแกนนำ กปปส. อย่าง พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.ร.พ.มงกุฎวัฒนะ เสนอให้ใช้ ม.44 ปลด ‘บิ๊กแป๊ะ’ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมทีมที่เข้าจับกุมอดีตพระพุทธะอิสระด้วย

ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ไม่รับข้อเสนอนี้ พร้อมกล่าวว่า “มันใช่เรื่องของผมหรือไม่ ผมจะไม่ทำงานภายใต้แรงกดดันอะไรทั้งสิ้น”

 

ด้าน พล.อ.ประวิตร รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ที่ดูแลกิจการตำรวจ กล่าวว่า “เป็นเพียงความคิดของคนเพียงคนเดียว เรื่องนี้ผมก็ขอโทษประชาชนไปแล้ว สาเหตุที่ขอโทษเพราะมีประชาชนบางส่วนมีความไม่เข้าใจ ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งต่อไปก็ต้องดูให้ดีว่าทำอะไรกับใคร”

แต่จุดสำคัญอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ เคยร่วมพิธีเททองหล่อพระ เมื่อปี 2555 ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความ ‘สนิทสนม’ กับอดีตพระพุทธะอิสระหรือไม่?

“เรื่องนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเองก็เคารพพระทุกองค์ในช่วงเวลานั้น ผมก็ไปหลายวัด ไปสร้างพระ ก็ไปกันทั้งหมด ทุกคนก็ไป แล้วเมื่อก่อนการเมืองเขาเป็นแบบนี้หรือไม่ วันนี้อย่าเอาอันเก่ามาพันกับอันนี้ ไม่ว่าใครเชิญ ผมก็ไป ถ้าไปได้ผมก็ไป วันดังกล่าวดูเหมือนเขาจะเชิญไปหล่อพระอะไรสักอย่าง ท่านก็เชิญผมและอดีต ผบ.ทบ. 3 คน ท่านก็หวังแต่เพียงว่ามีทั้ง 4 ผบ.ทบ. พระจะขลังหน่อยก็แค่นั้นเอง อย่าพูดอะไรให้มันเสียหายกันนักเลย” พล.อ.ประยุทธ์แจง

ขณะที่บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า “เป็นเหตุการณ์หลังจากที่ผมเกษียณราชการแล้ว ทางวัดได้เชิญอดีต ผบ.ทบ. ในขณะนั้น ไปร่วมงานหล่อพระพุทธรูป ซึ่งผมเดินทางไปร่วมงานในฐานะพุทธศาสนิกชน และไม่ได้เดินทางไปวัดนี้เพียงแห่งเดียว แต่เดินทางไปวัดอื่นๆ ด้วย และในปี 2561 จะเดินทางไปหล่อพระพุทธรูปตามสถานที่ต่างๆ คงไม่มีประเด็นอะไร ถ้าเขานุ่งผ้าเหลืองมาเชิญ สมควรไปก็ไป ไม่ได้มีอะไรที่เป็นข้อเสียหายในขณะนั้น เราก็ไป”

เช่นเดียวกับบิ๊กป้อมที่ตอบว่า “เหตุเกิดขึ้นตั้งนานแล้ว 6-7 ปีแล้ว ไม่เกี่ยวกับเรื่องใกล้ชิดหรือสนิทสนมหรือไม่”

ทำให้ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า พล.อ.ประวิตรถือเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธะอิสระหรือไม่ ซึ่ง พล.อ.ประวิตรเลี่ยงการตอบตำถามว่า “ผมก็รู้จักตอนไปในครั้งนั้น จะเรียกว่าเป็นลูกศิษย์หรือไม่”

 

ทั้งหมดนี้เป็น ‘แรงกระเพื่อม’ ที่ส่งผลต่อ คสช. ไม่น้อย เพราะกระทบฐาน ‘กองหนุน’ คสช. เต็มๆ อย่าลืมว่า ‘อดีตพระพุทธะอิสระ’ เคยเป็น ‘แกนนำ กปปส.’ ที่นำมาสู่การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ด้วย คำขอโทษจากแกนนำประเทศจึงออกมาพร้อมเพรียง

ทำให้นาทีนี้ ‘แฟนคลับ กปปส.’ พุ่งเป้าถล่มไปที่ชุดตำรวจที่เข้าจับกุมมากกว่า ‘3 ป.บูรพาพยัคฆ์’ ซึ่งเมื่อ ‘บิ๊ก คสช.’ ได้ออกมากล่าว ‘ขอโทษ’ และ ‘ตักเตือน’ ชุดที่เข้าจับกุมเรียบร้อยแล้ว เท่ากับว่าได้ ‘โยนบาป’ ให้ตำรวจไปเต็มๆ เป็นการลดแรงเสียดทานกับบิ๊ก คสช. ไปได้อย่างดี

ขณะที่ศิษยานุศิษย์พุทธะอิสระ ได้เปรียบเทียบการปฏิบัติงานของตำรวจกับกรณีอื่นๆ โดยเฉพาะกรณีการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายเมื่อปีที่แล้ว หวัง ‘ดิสเครติด’ ฝ่ายตำรวจถึง ‘มาตรฐาน’ ที่ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงการเปรียบเทียบการจับกุมพระเถระชั้นผู้ใหญ่ใน ‘คดีเงินทอนวัด’ ที่สะเทือน ‘วงการสงฆ์’ ด้วย

เรื่องนี้ ใครเป็นใครก็เปิดหน้ากันออกมาหมดแล้ว เหลือแต่ตอนจบของนายสุวิทย์เท่านั้น (อ่านเพิ่มเติมหน้าอาชญากรรม “เปิด 2 ข้อหาหนัก! อั้งยี่-ปลอม ภ.ป.ร. ปมสึกพุทธะอิสระ” หน้า 105)