นาย ต. : สงครามทาวน์เฮ้าส์

สัปดาห์ที่ผ่านมา บมจ.แสนสิริ เปิดพรีเซลส์โครงการทาวน์เฮ้าส์ “สิริเพลส” รังสิต และ “สิริเพลส” นวนคร ราคาเริ่มต้น 1.69-4.5 ล้านบาท ได้ผลตอบรับจากลูกค้าในระดับดีมาก

ความน่าสนใจก็อยู่ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับ บมจ.แสนสิริ นั้น ที่ผ่านมาเป็นเจ้าตลาดระดับราคาสูงระดับ Luxury ยูนิตละ 10-20 ล้านบาท

ทุกวันนี้โครงการคอนโดมิเนียม 89 Wireless ที่ถนนวิทยุยังคงเป็นแชมป์ห้องชุดราคาต่อตารางเมตรสูงสุด 5-6 แสนบาท ยูนิตเป็น 100 ล้านบาท

เมื่อกระโดดลงมาลุยตลาดทาวน์เฮ้าส์ประมาณ 2 ล้านบาท เหมือนกับรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์หรือบีเอ็มดับเบิลยู มาทำรถอีโคคาร์ขาย ก็นับเป็นเรื่องน่าติดตาม

 

กลับไปดูแผนงานของบริษัทอสังหาฯ ผู้นำตลาด ก็พบว่า ปี 2561 นี้ ต่างพร้อมใจกระโจนลงตลาดทาวน์เฮ้าส์กันอย่างพร้อมเพรียงอย่างไม่น่าเชื่อ

บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ อดีตเจ้าตลาดแบรนด์หรูแนวราบ ที่เคยเปิดตลาดบ้านเดี่ยวหลังละ 40 ล้านบาทเมื่อ 10-20 ปีก่อน หลายปีหลังหันมาเปิดตลาดทาวน์เฮ้าส์ในโซนภาคตะวันออก ก่อนจะหยุดไปพักหนึ่ง แต่มาปีนี้ ควอลิตี้เฮ้าส์นำทาวน์เฮ้าส์กัสโต้ ราคา 2.5-3.9 ล้านบาท มาเปิดตัว 10 โครงการ

บมจ.เอสซี แอสเซ็ท เจ้าตลาดแบรนด์หรูแนวราบปีล่าสุดด้วยสถิติยอดขายสูงสุด แต่ปีนี้ก็ลงมาเปิดโครงการทาวน์เฮ้าส์ ระดับราคา 2.6-2.8 ล้านบาท ในชื่อแบรนด์ VERVE ที่รังสิต และที่เพชรเกษม 81

บมจ.เอพี. (ไทยแลนด์) เจ้าตลาดทาวน์โฮมโซนชั้นกลางกรุงเทพฯ ระดับราคา 7-8 ล้านบาท และคอนโดฯ กลางบนตามแนวรถไฟฟ้า ปีนี้ก็ลงมาเล่นตลาดทาวน์เฮ้าส์ ระดับราคา 2.29-2.89 ล้านบาท 20 โครงการย่านชานเมือง

บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ บริษัทอสังหาฯ ที่มีขนาดมาร์เก็ตแค็ปอันดับ 1 ของตลาด ซึ่งส่วนใหญ่มียอดขายอยู่กับกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว 20-30 ล้านบาท ปีนี้ก็ยังมีทาวน์เฮ้าส์แบรนด์อินดี้ ระดับราคาประมาณ 3 ล้านบาท ร่วมแชร์ส่วนแบ่งตลาดนี้อยู่เช่นกัน

สรุปว่า แบรนด์ใหญ่ในตลาดอสังหาฯ ปีนี้ ลงมาลุยตลาดทาวน์เฮ้าส์ชานเมืองกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เปิดสงครามตลาดทาวน์เฮ้าส์กันในทุกทำเลทุกโซนทุกซอย ที่มีความต้องการทาวน์เฮ้าส์ 2-4 ล้านบาทอย่างแน่นอน

 

แรงผลักดันที่ทำให้แบรนด์ใหญ่เหล่านี้ลงมาลุยตลาดทาวน์เฮ้าส์ ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน เนื่องมาจากตลาดคอนโดมิเนียมชะลอตัวแทบทุกระดับราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มระดับราคากลางๆ 3-4 ล้านบาทหลายทำเลอยู่ในภาวะ “สต๊อกบวม” กันเลยทีเดียว

ฉะนั้น เพื่อรักษาระดับอัตราการเติบโต จึงต้องลุยทุกตลาดที่มีความต้องการ ซึ่งทาวน์เฮ้าส์ 2-4 ล้าน เป็นคำตอบนั้น

จากเดิมที่เคยเชื่อๆ กันว่า โครงการทาวน์เฮ้าส์ทำยอดขายไม่ได้มากเป็นกอบเป็นกำเหมือนโครงการคอนโดมิเนียมที่ทำยอดขายได้สูง สร้างการเติบโตให้บริษัทได้รวดเร็ว

ถึงเวลานี้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เปลี่ยนมุมมองใหม่ว่า โครงการทาวน์เฮ้าส์นั้น ผู้ซื้อเป็นคนทำงาน เป็นครอบครัวใหม่

ที่สำคัญเป็นผู้ซื้อจริงอยู่จริง ไม่ต้องรอลุ้นการทิ้งจอง ทิ้งดาวน์ และเบี้ยวโอนเหมือนห้องชุดคอนโดมิเนียม

 

ส่วนเรื่องขนาดยอดขาย ถ้าดูตัวอย่าง กรณี บมจ.โกลเด้นท์แลนด์ ที่เติบโตมาจากตลาดทาวน์เฮ้าส์ล้วนๆ ใช้เวลาเพียง 3 ปียอดขายมาจากไม่มีอะไรกระโดดขึ้นมาเป็น 5,000 ล้านบาท ปีนี้ประกาศเป้ายอดทาวน์เฮ้าส์ 10,000 ล้านบาท หรือแม้แต่ บมจ.เจเอสพี. ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เติบโตมาจากตลาดทาวน์เฮ้าส์เช่นกัน

เมื่อสถานการณ์ตลาดเป็นเช่นนี้ แชมป์ตลาดทาวน์เฮ้าส์ตลอดกาลหลังปี 2540 เป็นต้นมา บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท คงต้องใช้แรงมากขึ้นในการรักษาพื้นที่ตลาดทาวน์เฮ้าส์ทำเลต่างๆ และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางขนาดเล็กในท้องถิ่นต่างๆ จำนวนมากมักเติบโตด้วยโครงการทาวน์เฮ้าส์ ก็ต้องรับมือกับการแข่งขันหนักขึ้นกว่าเดิมที่แข่งกับแบรนด์ใหญ่แค่ บมจ.พฤกษา เพียงรายเดียว

การแข่งขันทำให้เกิดการพัฒนา เชื่อได้เลยว่า จากนี้ไปจะเป็นยุคการพัฒนารูปแบบของทาวน์เฮ้าส์ครั้งใหญ่ของวงการอสังหาฯ ทั้งฟังก์ชั่นการใช้งาน ฟลอร์แปลน หน้าตาความสวยงาม ผู้บริโภคที่ต้องการทาวน์เฮ้าส์ระดับราคา 2-4 ล้านบาท จะมีสินค้าให้เลือกมากมาย