จรัญ มะลูลีม : การโจมตีซีเรีย และความเหนือกว่า ของขั้วอิหร่าน-รัสเซีย ตอนจบ

จรัญ มะลูลีม

บทบาทของรัสเซีย

รัสเซียได้ออกมาเตือนว่าจะยิงขีปนาวุธของสหรัฐใดๆ ก็แล้วแต่หากว่าสิ่งของหรือทหารรัสเซียตกเป็นเป้า

อิหร่านก็เช่นกันได้ออกคำเตือนอย่างแข็งขันต่อสหรัฐด้วยการกล่าวว่าการละเมิดอธิปไตยของซีเรีย ไม่ว่าในทางใดก็ตามย่อมนำไปสู่การโต้กลับ

ในแถลงการณ์ที่ออกมาโดยทันทีหลังการโจมตี กระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่าลานบินและทหาร พร้อมๆ ไปกับเครื่องอำนวยความสะดวกทางด้านอุตสาหกรรมและการวิจัยอยู่ในกลุ่มเป้าหมายของการโจมตี

เป็นการโจมตีที่ไม่มีการสูญเสียสำคัญมีเพียงชาวซีเรียสามคนที่ได้รับบาดเจ็บ

ประธานาธิบดีอะสัดก็เดินทางไปทำงานตามปกติในเวลาเก้าโมงเช้า ไม่ก็ชั่วโมงหลังการโจมตี ประธานาธิบดีผู้นี้ได้ทวีตข้อความว่า “จิตวิญญาณที่ดีจะไม่ได้รับความต้อยต่ำ”

คนซีเรียจำนวนนับพันคนได้มารวมกันที่จัตุรัสอุมัยยะฮ์ (Umayyah Square) ที่ตอนกลางของกรุงดามัสกัสเพื่อประณามการโจมตีและฉลองชัยชนะให้กองทัพซีเรียที่สกัดขีปนาวุธจำนวนหนึ่งได้

 

ประธานาธิบดีปูตินได้ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีโดยทันทีและเรียกปฏิบัติการดังกล่าวว่าเป็น “การกระทำที่เป็นการรุกรานรัฐอธิปไตยในแนวหน้าของการต่อสู้เพื่อต่อต้านการก่อการร้าย”

เขากล่าวต่อไปว่าการโจมตีซีเรียเป็นการกระทำโดยไม่ได้รับอาณัติจากคณะมนตรีความมั่นคงและเป็นการละเมิดกฎบัตรของ UN บรรทัดฐานและหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศ

เขาได้ชี้ให้เห็นว่าผู้เชี่ยวชาญทางทหารได้ไปเยือนเมืองดูมาหลังจากมีรายงานว่ามีการโจมตีด้วยอาวุธเคมีออกมา แต่ก็ไม่พบร่องรอยการใช้ก๊าซคลอรีนหรือการใช้สารพิษใดๆ

ไม่มีบ้านใดในท้องถิ่นสามารถยืนยันว่าการโจมตีด้วยเคมีเกิดขึ้นจริงๆ ปูตินกล่าว เขายังกล่าวต่อไปอีกว่าสหรัฐและพันธมิตรเป็นผู้ชักนำให้เกิดก่อการร้ายที่รบกวนประชาชนของซีเรียมาเป็นเวลาเจ็ดปี นำไปสู่คลื่นของผู้อพยพที่ออกจากประเทศนี้และภูมิภาคนี้

เขามีความเห็นว่าสหรัฐต้องเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับการนองเลือดที่ทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นในยูโกสลาเวีย อิรัก และลิเบียที่ผ่านมา

 

อะยาตุลลอฮ์ อาลี คอเมเนอี พูดถึงผู้นำของสหรัฐ อังกฤษ และฝรั่งเศสว่าเป็น “อาชญากร” พร้อมกล่าวต่อไปว่าประเทศเหล่านี้ได้ก่ออาชญากรรมคล้ายคลึงกันมาแล้วทั้งในอิรัก อัฟกานิสถาน และลิเบีย และไม่ได้กำไรจากสิ่งเหล่านี้

ในจดหมายที่มีไปถึงนายกรัฐมนตรี Theresa May Jeremy Corbyn ผู้นำฝ่ายค้านในอังกฤษได้วิพากษ์ประเทศของเขาที่เข้าร่วมโจมตีด้วยการกล่าวว่า

นายกรัฐมนตรีอังกฤษ “จะต้องให้ความสำคัญต่อสภามิใช่ต่อการทำตามอำเภอใจของประธานาธิบดีสหรัฐ” เขากล่าวว่าปฏิบัติการต่อต้านซีเรียมี “ปัญหาทางกฎหมาย”

จากการวิเคราะห์ข้อมูลโดยทหารรัสเซียพบว่าสหรัฐและพันธมิตร NATO อีกสองประเทศได้ยิงขีปนาวุธ 103 ลูกเข้าไปในซีเรีย ตามรายงานทางทหารของรัสเซียและรัฐบาลซีเรียพบว่ากองทัพซีเรียได้ยิงขีปนาวุธเหล่านั้นตกหลายลูก โดยขีปนาวุธ 71 ลูกถูก “ประกบ” รวมทั้งขีปนาวุธที่มุ่งเข้าสู่สนามบินในกรุงดามัสกัส

กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่ากำลังพิจารณามอบอาวุธที่ทันสมัยที่สุดรวมทั้ง S-300 ที่ใช้ต่อต้านขีปนาวุธให้กับกองทัพซีเรียเพิ่มมากขึ้น

ปัจจุบันหนึ่งในสามของดินแดนซีเรียตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังฝ่ายกบฏที่หนุนหลังโดยสหรัฐ บริเวณดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นแหล่งน้ำมันและก๊าซของซีเรีย

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ James Matter กล่าวกับสื่อว่าไม่มีแผนที่จะโจมตีซีเรียชั่วคราว แต่ก็ย้ำว่าสหรัฐยังคงมีข้อเลือกที่จะโจมตีซีเรียอีกครั้งตามเวลาที่ได้เลือกเอาไว้

เขาอ้างว่าการโจมตีในอนาคตย่อมทำได้ตราบใดที่สหรัฐเห็นว่ารัฐบาลซีเรียมีความผิดในการใช้อาวุธเคมี

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ย้ำว่าทหารซีเรียใช้ก๊าซคลอรีนในเมืองดูมา Mattis ก็ไม่อาจหาหลักฐานมายืนยันคำอ้างของเขาได้

ที่ผ่านมา Colin Powell อดีตรัฐมนตรีกลาโหมในสมัยบุชก็มีความมั่นใจว่าอิรักมีอาวุธทำลายล้าง (WMDs) เพื่อเอามาเป็นเหตุรุกรานอิรัก ประธานาธิบดีฝรั่งเศสและนายกรัฐมนตรีอังกฤษก็เดินตามเส้นทางของ Powell ด้วยการอ้างว่าซีเรียใช้อาวุธเคมีโดยไม่สนใจจะทำการพิสูจน์ใดๆ

Peter Ford อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำซีเรียกล่าวกับ BBC ว่าเขาเชื่อว่าการโจมตีเมืองดูมาเป็นการ “สร้างฉาก”

ในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงของ UN

UN ได้จัดประชุมตามคำขอของรัสเซียเพื่ออภิปรายถึงการโจมตีซีเรีย

ทั้งนี้ รัสเซียเป็นประเทศหลักในการออกข้อมติประณามการโจมตีทางอากาศในซีเรีย

 

Nikki Haley ทูตสหรัฐประจำ UN ยืนกรานถึงทรรศนะที่ว่าสหรัฐมีสิทธิที่จะโจมตีซีเรียเวลาไหนก็ได้ ถ้าต้องการ “ดิฉันได้พูดกับประธานาธิบดีสหรัฐในตอนเช้า และประธานาธิบดีก็บอกว่าหากรัฐบาลซีเรียใช้ก๊าซพิษอีกสหรัฐก็จะปิดล้อมและจัดการ” เธอกล่าว

เพื่อตอบโต้คำพูดดังกล่าว Sacha Sergio Soliz เอกอัครราชทูตลิเบียประจำ UN กล่าวว่าชุมชนระหว่างประเทศทราบถึงพลังของสหรัฐและความเชี่ยวชาญทางการทหาร

แต่ในกฎบัตรของ UN จะอนุญาตให้มีการใช้กำลังเพื่อการป้องกันตนเองหรือด้วยการรับรองของคณะมนตรีความมั่นคงเท่านั้น

เขากล่าวต่อไปว่าชุมชนระหว่างประเทศก็รู้เช่นเดียวกันว่าสหรัฐ “ไม่มีอะไรนอกจากจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ”

Vasoily Nebenzia เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำ UN กล่าวว่าประเทศที่มีอำนาจทั้งสามประเทศกระทำการรุกรานต่อรัฐอธิปไตย “โดยปราศจากการพิสูจน์ว่ามีการใช้อาวุธเคมี”

สามชาติสมาชิกถาวรที่ร่วมกันโจมตีซีเรีย ลงคะแนนไม่เห็นด้วยกับมติ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

กระทรวงกลาโหมของสหรัฐ อ้างว่าการโจมตีซีเรียล่าสุดนี้ใหญ่กว่าการโจมตีด้วยขีปนาวุธของทรัมป์ที่ทรัมป์สั่งให้โจมตีกองทัพอากาศของซีเรียเมื่อปีก่อนเสียอีก

 

ตามคำอ้างของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหรัฐพบว่าเป้าในการโจมตีคือโรงงานผลิตอาวุธเคมี ซึ่งตามคำอ้างของเจ้าหน้าที่ซีเรียและรัสเซียได้เลิกใช้ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อครั้งที่ซีเรียสมัครใจที่จะยกเลิกการสร้างอาวุธเคมี

ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค รวมทั้งอิสราเอลยังคงมีอาวุธต้องห้ามของพวกเขาอยู่ในครอบครอง

Joseph F Dunford ประธานเสนาธิการทหาร อ้างว่าปฏิบัติการของสหรัฐและพันธมิตรอีกสองประเทศประสบความสำเร็จในการมุ่งเป้าการโจมตีไปที่กรุงดามัสกัสและเมืองฮอมส์

นอกจากนี้ การโจมตีของอิสราเอลต่อฐานที่มั่นทางทหารของซีเรียในเดือนเมษายน (2018) ทำให้ประชาชน 4 คน รวมทั้งที่ปรึกษาทางการทหารของอิหร่านและทหารอาวุโสจากกองทัพอิหร่านถูกสังหาร

Lavrof รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่าการโจมตีโดยอิสราเอล “เป็นพัฒนาการที่อันตราย” รัสเซียซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอิสราเอลได้เตือนอิสราเอลว่าจะไม่ยอมให้เครื่องบินอิสราเอลละเมิดน่านฟ้าของซีเรียอีก

อิสราเอลนั้นเป็นประเทศที่ละเมิดอธิปไตยของซีเรียอยู่เสมอ และเป็นที่รู้กันว่าอิสราเอลได้ช่วยเหลือกลุ่มต่อต้านรัฐบาลต่างๆ ต่อสู้กับรัฐบาลซีเรีย

เจ้าหน้าที่รัสเซียเชื่อว่าอิสราเอลถูกใช้โดยสหรัฐเพื่อทำให้รัฐบาลซีเรียอ่อนกำลังลงขณะที่ซีเรียกำลังจะรวมประเทศขึ้นมาใหม่

 

อิหร่านให้คำมั่นว่าจะตอบโต้การสังหารพลเมืองของตนโดยอิสราเอล

อาลี อัคบัร วีลายาตี ที่ปรึกษาต่างประเทศของผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวว่า “อาชญากรรมของอิสราเอลจะไม่คงอยู่อย่างไร้คำตอบ”

รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของอิหร่าน ซัยยิด อับบาส อารักชี กล่าวถึงสหรัฐที่ให้การสนับสนุนอิสราเอลว่า

“สหรัฐและอิสราเอลเข้ามาอยู่ในฉากด้วยขั้นตอนต่างๆ กันเพื่อส่งเสริมขวัญกำลังใจของผู้ก่อการร้ายในซีเรียและการโจมตีล่าสุดโดยไซออนิสต์ เป็นการกระทำที่ซ้ำรอยอดีตและอยู่ในโครงสร้างเดิมๆ”