7 เคล็ดลับความสำเร็จของ สตีฟ จ็อบส์

พิศณุ นิลกลัด

วันที่ สตีฟ จ็อบส์ เสียชีวิต สถานีโทรทัศน์แทบทุกช่องในอเมริกาแสดงความอาลัยการจากไปด้วยการเสนอเรื่องราวความสำเร็จของเขาเป็นระยะๆ

ผมมีโอกาสได้ดูรายการ 20/20 ทางช่อง ABC ที่เสนอเคล็ดลับความสำเร็จ 7 ประการของ สตีฟ จ็อบส์ หรือ 7 Secrets to His Success

ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้


1.ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะคืออะไร

ในปี 2005 สตีฟ จ็อบส์ ได้รับเกียรติ์ขึ้นเวทีพูดให้แง่คิดในการดำเนินชีวิตแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในวันรับปริญญา

จ็อบส์กล่าวว่า ตัวเขาไม่เคยได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัย เขาตัดสินใจพักการเรียนที่ รีด คอลเลจ เพียง 6 เดือน หลังจากเข้าเรียนเพราะคิดว่ามหาวิทยาลัยไม่สามารถช่วยให้เขาค้นพบสิ่งที่เขาต้องการทำในชีวิต ดังนั้น จึงไม่อยากให้พ่อแม่บุญธรรมต้องเสียเงินค่าเล่าเรียนที่แพงพอๆ กับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

แม้ตอนนั้นจะรู้สึกเป็นเรื่องค่อนข้างน่ากลัวที่ตัดสินใจไม่เรียนให้จบมหาวิทยาลัย แต่เมื่อมองย้อนกลับไป จ็อบส์บอกว่า เป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา

ชีวิตนั้นสั้นนัก ดังนั้น อย่าเสียเวลาไปกับการดำเนินชีวิตอย่างที่คนอื่นคาดหวังให้เป็น ต้องกล้าทำในสิ่งที่ใจตัวเองต้องการ

2. คนเรามีชีวิตอยู่ก็เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงบนโลก

จ๊อบส์กล่าวว่า การเป็นคนรวยที่สุดในสุสานฝังศพไม่มีความหมายสำหรับเขา แต่การได้เข้านอนทุกคืนโดยรู้สึกว่าตัวเองได้ทำสิ่งที่มีคุณค่าต่างหากที่มีความหมาย

3. ทำในสิ่งที่เรียบง่าย ไม่สลับซับซ้อน

ในปี 1997 เมื่อจ๊อบส์กลับมาเป็นผู้บริหารของแอ็ปเปิ้ลอีกครั้ง ตอนนั้นแอปเปิลเกือบล้มละลาย ภายใน 2 ปีหลังกลับเข้ามา จ็อบส์ได้รวบรวมสินค้าที่ผลิต 300 ชิ้น ให้เหลือเพียง 10 ชิ้น

จ็อบส์กล่าวว่า คนเราต้องรู้จักปฏิเสธที่จะทำงานอีกตั้ง 1,000 อย่าง เพื่อจะได้มั่นใจว่าไม่หลงทางหรือพยายามทำงานหลายอย่างเกินไป

ในการดำเนินชีวิต จ็อบส์รู้สึกว่าชีวิตของเขาสามารถให้เวลาเต็มที่กับคน 6 คนที่สำคัญที่สุดในชีวิต ดังนั้น บุคคลที่ติดอันดับท็อป 6 จ็อบส์จะมีเวลาให้เสมอ

แม้กระทั่งการแต่งตัวที่เรียบง่าย จ็อบส์สวมชุดแบบเดิมทุกวันตั้งแต่ปี 2001 คือเสื้อคอเต่าสีดำ กางเกงยีนส์ลีวายส์สีฟ้าซีด และร้องเท้าผ้าใบคู่เก่า จนกลายเป็นเอกลักษณ์

เหตุผลก็เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการคิดการตัดสินใจว่าวันนี้จะสวมเสื้อสีอะไรกับกางเกงตัวไหน เอาเวลาไปคิดเรื่องอื่นที่สำคัญดีกว่า

4. ทำให้สมองแล่น ด้วยการคิดสิ่งใหม่ๆ

จ็อบส์กล่าวว่า แอปเปิลสร้างเครื่องมือให้คนได้ใช้ เครื่องมือในการสร้างสรรค์ สื่อสารที่เซอร์ไพรส์คนที่ได้ใช้ ทำให้เขารักในสิ่งที่ทำ เพราะได้สร้างสรรค์เครื่องมือที่ทำให้ผู้ใช้ทึ่งอยู่เรื่อยๆ ว่ามีลูกเล่นใหม่ๆ อะไรบ้าง

ร้าน Apple Store ซึ่งมักจะตั้งในอยู่ห้างสรรพสินค้า มี IPhone, IPad และสินค้าของ Apple สารพัดให้ทดลองใช้อย่างไม่จำกัดเวลาโดยไม่มีพนักงานขายยืนชำเลืองมองด้วยแววตาแสดงอาการหงุดหงิดว่ามาเล่นเฉยๆ แต่ไม่ยอมซื้อ

นอกจากไม่มีพนักงานขายแล้วในร้านแอปเปิลสโตร์ก็ไม่มีแคชเชียร์ให้จ่ายเงิน ใครอยากซื้ออะไรชิ้นไหนก็เดินหาพนักงานในร้านที่มีความรู้เรื่องสินค้าและสามารถซื้อและจ่ายเงินโดยตรงกับพนักงานเลย ไม่ต้องยืนต่อแถวจ่ายเงินกับแคชเชียร์

5. ขายฝัน ไม่ใช่ขายสินค้า

จ็อบส์พูดถึง IPhone ว่าไม่ใช่แค่โทรศัพท์แต่เป็นไลฟ์สไตล์

เคยมีคนถามจ็อบส์ว่า พยายามที่จะพัฒนา IPhone ให้แทนที่ Blackberry หรือเปล่า

จ็อบส์ตอบว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ซื้อ สิ่งที่เขามุ่งมั่นก็คือผลิต IPhone ที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

นับตั้งแต่ปี 2007 มีคนซื้อ IPhone ทั่วโลกกว่า 73 ล้านเครื่อง

6. สร้างสรรค์ประสบการณ์สุดยอด

จ็อบส์กล่าวว่า ความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่แยกผู้นำจากผู้ตาม

7. ความสามารถในการสื่อสาร

เมื่อ 30 กว่าปีก่อนตอนจ๊อบส์ออกโทรทัศน์สดครั้งแรก จ็อบส์ดูตื่นเต้น ซึ่งเขาเองก็ยอมรับว่าประหม่าจนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด แต่เมื่อเวลาผ่านไป เวลาจ็อบส์ขึ้นเวทีเปิดตัวสินค้าของแอปเปิลตัวใหม่ ดูเต็มไปด้วยความมั่นใจ น่าเชื่อถือ สะกดให้ผู้ฟังจดจ่อกับสิ่งที่เขานำเสนอ

ความสามารถในการอธิบายต่อหน้าผู้คนเป็นสิ่งสำคัญมากในการที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เพราะประสิทธิภาพในการทำงานมักจะดูที่ความสามารถในการสื่อสาร-ไม่ว่าจะกับลูกค้าหรือกับหัวหน้า

จ็อบส์เคยกล่าวไว้ว่า การที่เขาไม่เคยลืมว่าเหลือเวลาอีกไม่นานก็ตาย เป็นสิ่งที่ช่วยให้เขามีความเด็ดขาดในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ เพราะแทบทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความคาดหวังจากภายนอก ศักดิ์ศรี ความกลัวที่จะอับอายขายหน้าหรือกลัวล้มเหลว ไม่มีความหมายเลยเมื่อเทียบกับความตาย

คนเราไม่มีโอกาสได้ทำหลายสิ่งในชีวิต ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำควรทำออกมาให้ดีที่สุด

ชีวิตนั้นสั้นนัก ไม่นานก็ตาย ดังนั้น สิ่งที่เลือกทำจะต้องเยี่ยมยอด

สตีฟ จ็อบส์ จากไปด้วยวัยเพียง 56 ปี แต่สิ่งที่เขาสร้างสรรค์ไว้จะอยู่ในความทรงจำของคนทั้งโลกไปนานเท่านาน