จิตต์สุภา ฉิน : ทำความเข้าใจ “รอยบาก” บนโทรศัพท์

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

เดือนมีนาคมที่ผ่านมาซู่ชิงเคยเขียนบทความเกี่ยวกับ “รอยบาก” หรือ “notch” ของ iPhone X ที่เว้าลงมากินอาณาเขตส่วนหนึ่งของหน้าจอโทรศัพท์ไปและชวนให้รู้สึกเกะกะสายตายิ่งนักโดยเฉพาะครั้งแรกที่ได้เห็น หลังจากแอปเปิลเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นนี้ คนต่างก็พากันจงเกลียดจงชังเจ้ารอยบากนี้กันอย่างหนัก

แต่จู่ๆ เรื่องน่าอัศจรรย์ใจก็เกิดขึ้น รอยบากที่ว่ากลับกลายเป็นแฟชั่นสมาร์ตโฟนเทรนด์ใหม่ล่าสุดที่แบรนด์อื่นๆ ต่างพากันลอกเลียนแบบด้วยความภาคภูมิใจ

หมุนเวลากลับมาที่ปัจจุบัน แบรนด์ชั้นนำได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนที่มีรอยบากแบบเดียวกันนี้ออกมาแล้วหลายต่อหลายรุ่น

ไม่ว่าจะเป็น LG G7, Huawei P20 กับ P20 Pro, Asus Zenfone 5, OnePlus 6

แม้กระทั่งเจ้าของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์อย่างกูเกิลก็ยังต้องเกาะเทรนด์ ออกแบบระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่นล่าสุดให้พร้อมรองรับการมีอยู่ของรอยบากโทรศัพท์ไว้แล้วเรียบร้อย

วันนี้ก็เลยคิดว่าเรามาทำความเข้าใจการมีอยู่ของรอยบากกันให้ชัดเจนขึ้นดีกว่าค่ะ

 

ถ้าหากคุณผู้อ่านกำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจซื้อโทรศัพท์ที่มีรอยบาก จะได้เข้าใจที่มาที่ไปของรอยบากได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนขึ้น

อันดับแรกก็ต้องทำความรู้จักกับรอยบากของแอปเปิล ซึ่งเป็นรอยบากของแท้ดั้งเดิมกันก่อน

จะสังเกตเห็นว่าเมื่อเทียบกับโทรศัพท์รุ่นอื่นๆ ที่มีรอยบาก รอยบากของ iPhone X จะเป็นรอยบากที่ยาวที่สุด

นั่นก็เป็นเพราะว่ารอยบากที่เห็นเป็นที่อยู่ของเทคโนโลยีใหม่ที่แอปเปิลอัดใส่เข้าไปเพื่อให้ใช้งานฟีเจอร์ได้หลากหลายนั่นเอง

โดยแอปเปิลเรียกมันว่า TrueDepth Camera ค่ะ

TrueDepth Camera ประกอบด้วย กล้องอินฟาเรด ฝลัด อิลลูมิเนเตอร์ เซ็นเซอร์วัดระยะ เซ็นเซอร์แสงรอบด้าน ลำโพง ไมโครโฟน กล้องหน้า

และ ด็อต โปรเจ็กเตอร์

สิ่งต่างๆ ที่อัดแน่นอยู่ในรอยบากของ iPhone X ทำให้เราสามารถใช้งานฟีเจอร์ได้หลายอย่าง

อย่างแรกก็คือ Face ID หรือการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกโทรศัพท์นั่นเอง

โดยโทรศัพท์จะปล่อยอินฟาเรดไปบนใบหน้าผู้ใช้งานมากกว่าสามหมื่นจุด จากนั้นจุดต่างๆ ทั้งหมดจะถูกถ่ายภาพไว้โดยกล้องอินฟาเรดเพื่อนำไปวิเคราะห์

พร็อกซิมิตี้เซ็นเซอร์ทำหน้าที่ในการตรวจวัดว่าผู้ใช้งานอยู่ใกล้หน้าจอมากพอที่จะเริ่มเปิดใช้งาน Face ID หรือไม่ เซ็นเซอร์แสงรอบด้านจะช่วยปรับระดับแสงให้ ส่วนฝลัด อิลลูมิเนเตอร์ ก็ทำให้ระบบสามารถทำงานได้แม้ในที่มืด ทั้งหมดนี้ช่วยให้ผู้ใช้ iPhone X สามารถปลดล็อกโทรศัพท์ได้ด้วยใบหน้าโดยมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากเป็นการใช้ข้อมูลใบหน้าแบบสามมิติ และต้องอาศัยการจ้องไปที่ตัวกล้องเพื่อตั้งใจปลดล็อก

จะปลดล็อกในที่มืดก็ได้ หรือจะปลดล็อกแบบเอียงองศาแบบที่ไม่ต้องยกขึ้นมาจ้องมือถือตรงๆ ก็ได้ และเมื่อไหร่ที่ใบหน้าเปลี่ยน มันก็จะเรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงนั้นและจดจำข้อมูลใหม่เอาไว้ให้เราปลดล็อกได้ง่ายขึ้นในครั้งต่อไป

ปัจจุบันมีแอพพลิเคชั่นในเมืองไทยหลายแอพพ์ที่หันมารองรับเทคโนโลยี Face ID ในการระบุตัวตนแล้ว เช่น แอพพ์ธนาคารต่างๆ เป็นต้น

นอกจากนี้ เทคโนโลยีที่อยู่ในรอยบาก ยังช่วยให้ iPhone X สามารถถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอได้ (ปกติจะสามารถถ่ายภาพประเภทนี้ได้โดยใช้กล้องหลัง) และฟีเจอร์สุดแสนจะน่ารักอย่าง Animoji ที่ช่วยให้เราใส่การแสดงออกทางสีหน้าของเราเข้าไปในตัวการ์ตูนอีโมจิ ก็เกิดขึ้นได้เพราะเทคโนโลยีที่ฝังอยู่ในรอยบากนี่แหละค่ะ

จึงจะสังเกตได้ว่าแม้ว่าแบรนด์อื่นจะมีฟีเจอร์คล้ายๆ กัน แต่จะไม่ละเอียด แม่นยำ และแนบเนียนเท่ากับ Animoji ของแอปเปิลเลย

 

พอจะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นแล้วใช่ไหมคะว่าเพราะอะไร iPhone X จึงจำเป็นจะต้องมีรอยบาก เทคโนโลยีที่ฝังอยู่ในรอยบากนั่นแหละค่ะที่ทำให้ iPhone X เป็นโทรศัพท์ที่แตกต่างจาก iPhone รุ่นอื่นๆ และถือเป็นจุดขายสำคัญของรุ่นนี้

คราวนี้มาดูบรรดาสมาร์ตโฟนระบบแอนดรอยด์ที่มาพร้อมรอยบากกันบ้าง โทรศัพท์รุ่นอื่นที่ไม่ใช่ iPhone X และมาพร้อมกับรอยบาก ร้อยทั้งร้อยคือโทรศัพท์ที่ไม่จำเป็นต้องใส่รอยบากเข้าไปก็ได้ เพราะนอกจากกล้องหน้าแล้ว ในรอยบากนั้นไม่ได้มีเทคโนโลยีอื่นใดเข้าไปอยู่ในนั้นเลย แต่สาเหตุที่ผู้ผลิตตัดสินใจใส่รอยบากเข้ามาก็เพื่อ “ดีไซน์” ล้วนๆ

ข้อดีของการมีรอยบากคือทำให้สามารถขึงหน้าจอคลุมจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งได้เต็มตากว่าเดิมโดยเว้นพื้นที่เล็กน้อยไว้ให้เป็นที่อยู่ของกล้องหน้า ทำให้ได้ความรู้สึกว่าหน้าจอใหญ่ขึ้นในขนาดเครื่องที่เท่าเดิม และสามารถดันรายละเอียดซ้ายขวาของแถบคำแจ้งเตือน ขึ้นไปสูงกว่าเดิมได้ เนื่องจากรอยบากไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรนี่เอง

จึงจะเห็นว่ารอยบากของแบรนด์อื่นจะมีขนาดความเว้าที่สั้นกว่า จนบางแบรนด์ชูจุดขายนี้ว่าเป็นข้อได้เปรียบแอปเปิลไปเสียเลย

ในขณะที่บางแบรนด์ก็ให้ตัวเลือกผู้ใช้งานว่าสามารถปิดรอยบากทิ้งไป และทำให้หน้าจอกลับมาเป็นสี่เหลี่ยมเรียบๆ เหมือนเดิมได้ ก็หมายความว่ารอยบากที่แบรนด์เหล่านี้เลือกใช้ล้วนมีขึ้นเพื่อจุดประสงค์ทางด้านความงามล้วนๆ

อย่างไรก็ตาม ซู่ชิงก็คิดว่าโทรศัพท์แต่ละรุ่นที่ไม่ว่าจะมีรอยบากไว้เพื่ออะไรก็ตาม หลายรุ่นมีการออกแบบโดยรวมที่สวย และฟังก์ชั่นการใช้งานที่น่าใช้ในราคาที่สมเหตุสมผลจับต้องได้ ผู้ซื้ออย่างเรามีหน้าที่ทำความเข้าใจเทคโนโลยีที่มาพร้อมโทรศัพท์แต่ละเครื่องว่าคืออะไร ทำงานอย่างไร แตกต่างกันอย่างไร และมีประโยชน์ต่อการใช้งานของเราแค่ไหน แล้วเอามาคิดคำนวณว่าภายใต้งบประมาณที่มีอยู่ รุ่นไหนจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดให้กับเรา

แต่ดูจากแนวโน้มแล้วเราน่าจะยังมีโทรศัพท์ที่มาพร้อมรอยบากให้เลือกซื้อไปกันอีกสักพักใหญ่เลยล่ะค่ะ