อุรุดา โควินท์ / ความทรงจำ : กาลเวลาเลือกให้

ฤดูร้อนปีนี้ เชียงรายแทบไม่ร้อน

ฉันกลับมาถึงปลายมีนาคม ตอนเช้า อากาศยังเย็นจัด ต้องหาเสื้อกันหนาวบางๆ สวม

ครั้นใกล้สงกรานต์ พายุก็เข้า หลังสงกรานต์ แดดจัดราวหนึ่งสัปดาห์ พายุลูกใหม่มาอีก ฝนหนักกว่าเดิม และตกกระทั่งวันนี้

ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ฉันไม่ชอบฝน รู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ในน้ำ น่าจะ…เมื่อฉันพยายามเป็นผู้ใหญ่ให้ได้จริงๆ อยากรับผิดชอบทุกเรื่องอย่างดีที่สุด ฝนเป็นอุปสรรคกับทุกการงาน แม้แต่การเขียน (ทำให้เราง่วง บางครั้งมีพายุ ไฟฟ้าดับ ใช้คอมพิวเตอร์ไม่ได้)

ฝนตกหนัก ขี้เกียจออกจากบ้าน ต้องหาอะไรในตู้เย็นทำเป็นอาหาร

ฉันหุงข้าวก่อนเลย มื้อกลางวันฉันชอบข้าว กินให้หนักหน่อย จะได้มีแรงวิ่งตอนเย็น (เผื่อฝนหยุด)

เจอมะเขือม่วงสามลูก ฉันแน่ใจมื้อนี้อร่อยแน่ ปลอดสารพิษด้วยสิ กินสบายใจ อากาศเย็น ผัดมะเขือยาวน่าจะดี ไม่ใส่หมูก็ได้ แต่บังเอิญมีหมูในตู้เย็น เอาล่ะ ฉันจะผัดมะเขือยาวใส่หมู โรยใบโหระพา กินกับข้าวร้อนๆ

อิ่มไปถึงมื้อเย็น

 

สับหมูหยาบๆ ใส่ถ้วยรอ มะเขือม่วงหั่นแว่นเป็นชิ้นบาง แช่น้ำไว้ บางคนใช้มะเขือยาวสีเขียว รสชาติไม่ต่างกัน แต่ฉันชอบผิวสัมผัสและสีของมะเขือม่วงมากกว่า

ทุบกระเทียมกับพริกขี้หนูรอไว้ เปิดเตา ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันเยอะหน่อย ฉ่ามะเขือยาวให้สุกแล้วค่อยเอามาผัด

ระหว่างรอน้ำมันร้อน ฉันเอามะเขือยาวขึ้นจากน้ำมาพักในตะแกรง ให้สะเด็ดน้ำมากที่สุด เห็นควันขึ้นกระทะ ใช่เลย น้ำมันร้อนจริงจังแล้ว เทมะเขือม่วงลงไป จะเกิดเสียงฉ่าหนึ่งครั้ง หมายถึงน้ำที่ติดอยู่กับมะเขือกำลังต่อสู้กับความร้อนของน้ำมัน และมันจะแพ้โดยพลัน ถ้าเราใช้น้ำมันมากพอ รอเสียงสงบลง ฉันพลิกตะหลิวห้าหกครั้ง มะเขือก็สุก ปิดไฟ ช้อนมะเขือใส่กระชอน พักไว้ แล้วเทน้ำมันออกจากกระทะ

ด้วยวิธีนี้ จะได้ผัดมะเขือม่วงสีสวยงาม

แต่มีข้อควรระวังเพิ่ม คืออาจเยิ้มน้ำมัน ฉันเขย่ากระชอนแรงๆ ไล่น้ำมันออกให้มากที่สุด เทมะเขือม่วงพักในจาน ถ้าเห็นน้ำมันไหลออกมาข้างๆ ฉันค่อยใช้กระดาษซับออก ถึงตอนนี้มะเขือก็พร้อมสำหรับผัดแล้ว

ใช้น้ำมันน้อยที่สุด เพราะยังมีน้ำมันเหลือค้างในมะเขือม่วง ผัดหมูรวมกับพริกขี้หนูทุบ และกระเทียมทุบก่อน พอหมูสุกก็เร่งไฟแรง ใส่มะเขือม่วง เต้าเจี้ยว น้ำตาล ผัดให้เครื่องปรุงเข้ากับมะเขือ และร้อนจัดทั้งกระทะ ถือเป็นใช้ได้ บางคนติดน้ำมันหอย อาจใส่ลงไปด้วย แต่ฉันไม่อยากให้มีอะไรมากวนรสเค็มของเต้าเจี้ยว ชิมได้เค็มหวานตามต้องการ ค่อยโรยโหระพา ผัดต่ออีกครึ่งนาทีก็ปิดเตา

ตักผัดมะเขือลงกระชอนถี่ๆ อีกครั้ง กรองน้ำมันส่วนเกินให้หมด ก่อนจัดลงจานใบสวย

กินข้าวในถ้วย ใช้ตะเกียบคีบ อืม…ฝนตกก็ไม่เลวนักหรอก ถ้ามีอาหารอร่อยในบ้าน

 

จู่ๆ ภาพมะเขือยาวผัดอีกจานก็หวนมา

ฉันไปเชียงแสน ถึงบ้านเกือบสองทุ่ม แม่บอกให้สั่งอาหารร้านข้าวต้มหน้าปากซอยกิน เราสั่งผัดมะเขือยาว หมูแดง และไข่ตุ๋น เลือกข้าวสวยแทนข้าวต้ม

ฉันจำมื้อนั้นได้แม่น น้อยครั้งที่แม่จะให้เงินพาเพื่อนมากินข้าวนอกบ้าน แถมเป็นมื้อเย็นกับเพื่อนใหม่ รู้จักกันไม่ถึงสองเดือน

เป็นวันพิเศษของฉัน แม่ยอมให้ไปเที่ยวกับเพื่อนทั้งวัน เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่กี่ครั้งในช่วงวัยรุ่น แม่เคร่งครัดกับฉันและน้องมาก ต้องกลับจากโรงเรียนตรงเวลา จะไปไหนต้องขออนุญาตก่อน ไปกันกี่คน ใครบ้าง กลับกี่โมง ถ้าแม่พิจารณาว่าเหมาะสม ฉันถึงได้ไป

เสาร์-อาทิตย์ หากมีกิจกรรมพิเศษ ก็เพราะแม่จัดให้ เช่น เรียนว่ายน้ำ หัดขับรถ ไปเที่ยวกับแม่

ฉันถึงกับสะดุ้ง เมื่อแม่พูด “ไปสิ อย่ากลับค่ำแล้วกัน”

เขามาจากนครสวรรค์ เพิ่งย้ายมาเช่าหอพักของแม่ได้สองเดือน เป็นหนุ่มน้อยที่พูดเพราะอ่อนน้อม ไหว้วานง่าย เขาจึงเข้ากับแม่ได้ดี

วันนั้นเขาเดินเข้าบ้านมาบอกแม่ เขาอยากไปเที่ยวเชียงแสน แต่ไม่เคยไป ให้ฉันพาเขาไปได้มั้ย

ฉันเกิดและโตที่เชียงราย ฉันเคยไปเชียงแสน แต่ทุกครั้งก็ไปกับพ่อแม่ จึงไม่แน่ใจเรื่องพาเขาเที่ยว และที่แน่ๆ แม่ไม่มีทางให้ไป-ฉันคิด

ฉันคิดผิด อะไรทำให้แม่วางใจเด็กหนุ่มคนนี้ อาจเป็นความอ่อนโยนที่ดูนุ่มนิ่มจนเกือบเป็นผู้หญิง อาจเพราะเขาเป็นเด็กผู้ชาย และแม่ไม่มีลูกชาย ใครเล่าจะรู้ใจแม่…

เราขี่มอเตอร์ไซค์ไปจอดทิ้งไว้ที่ท่ารถ แล้วนั่งรถเมล์เขียวไปเชียงแสนด้วยกัน รถจอดทุกสิบนาที กว่าเราจะถึงเชียงแสนก็เที่ยงวัน เราหาข้าวกิน แล้วไปนั่งริมแม่น้ำโขง เดินดูเมืองเก่า พอตกเย็นก็นั่งรถเมล์เขียวกลับอำเภอเมือง

 

ฉันกำลังเรียน ม.4 ในห้องเรียนมีเด็กผู้ชาย บางคนที่ถูกชะตา เราก็สนิทกัน แต่ฉันไม่เคยสนทนากับใครยาวนานเท่าเขา นับตั้งแต่ขึ้นรถเมล์กระทั่งถึงบ้าน เราคุยกันสารพัดเรื่อง ออกจากบ้านราวแปดโมงเช้า กลับถึงบ้านตอนค่ำ เป็นวันสนุกสนาน เหนื่อย และแสนสั้น ได้ผจญภัยกับเพื่อนใหม่ ได้เที่ยวโดยไม่มีผู้ใหญ่ ตบท้ายด้วยมื้อเย็นในร้านข้าวต้ม และที่ไม่อาจลืม คือความยืดหยุ่นที่แม่ให้ฉัน พร้อมความไว้วางใจต่อเขา

เป็นความลับระหว่างฉันกับแม่

ฉันสงสัย แต่ไม่เคยถาม และแม่ไม่เคยบอก

ฉันมองผัดมะเขือม่วงบนโต๊ะ มันดูดีกว่าวันที่กินกับเขามาก สีสวย ไม่มันเยิ้ม ไม่หวาน แต่ฉันกลับกินข้าวได้น้อยกว่าวันนั้น ก็เรายังเป็นเด็กนี่นา นั่งรถเมล์ทั้งวัน เราหิวมาก ฉันซัดข้าวตั้งสามถ้วย ไม่ห่วงน้ำหนักเลย

จำได้ถึงเพียงนั้น แต่จำชื่อเขาไม่ได้ จำหน้าตาเขาไม่ได้ รู้เพียงว่า เขาไม่เหมือนเพื่อนผู้ชายคนไหน อ่อนหวานเสียจนแรกๆ ฉันสงสัย เขาคิดอย่างผู้หญิง หรืออย่างผู้ชายกันแน่

จบเทอมนั้น เขาย้ายหอพัก เราไม่ได้เจอกันอีกเลย

 

ห้าปีก่อน เขาพาภรรยามาเที่ยวเชียงราย เขาอยากมาเยี่ยมเรา จึงหาบ้านใหม่ของเราจนเจอ แม่จำเขาได้ เมื่อเขาแนะนำตัว

ส่วนฉัน…ฉันจ้องเขาอยู่นาน ฉันเคยเห็นใบหน้านี้ด้วยหรือ ครั้นเขาบอกชื่อ ฉันก็ไม่คุ้นหูเอาเลย ฉันจำเหตุการณ์ จำความรู้สึกที่มีต่อเด็กหนุ่มคนนั้น ซึ่งเป็นคนละคนกับชายผู้อยู่ตรงหน้า

ฉันรู้สึกผิดต่อเขา แต่ความทรงจำก็เป็นเช่นนี้ มันพร่าเลือน อีกทั้งฉันไม่อาจคัดสรร เวลาต่างหากที่เลือกให้