โล่เงิน : ปฏิบัติการแท็กซี่ลวงสีกากี บิ๊กโจ๊ก ออกโรงจับจริง!! สยบข่าวลือ “ซื้อ-ขายเก้าอี้”

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เมื่อ “เดอะโจ๊ก” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) คนดังวงการสีกากี ออกมาแถลงข่าวจับกุม “โชเฟอร์แท็กซี่” นายไพจิตร์ สายยา วัย 40 ปี หลังจับได้ว่าอ้างตัวเป็น “ตัวเอง” เป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ตัวปลอมๆ มา 5 ปี

เรื่องแดงเมื่อตุ๋นขายเก้าอี้ตำรวจใหญ่ในภาค 4 พื้นที่อีสานเหนือ มีตำรวจตั้งแต่ผู้บังคับหมู่ ถึงรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) หลงเชื่อ เป็นเหยื่อบิ๊กสีกากีกำมะลอ หลงจ่ายเงินกันเป็นวรรคเป็นเวร

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ถึงกับครวญเรื่องซื้อๆ ขายๆ เก้าอี้ ทำเสียชื่อเสียง ถูกย่ำยีครหาให้คนในแวดวงส่งเสียงยี้มานาน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเพิ่งทราบข่าวมีโชเฟอร์แท็กซี่ตัวดี เอาชื่อเสียงบิ๊กโจ๊กไปแอบอ้างนี่เอง

“เดอะโจ๊ก” บอกว่า ทราบข่าวถึงกับควันออกหู สั่งการชุดทำงานสืบสวนสอบสวนจนจับกุมได้โดยพลัน ไล่เรียงเส้นทางการเงินไม่ซับซ้อน “บิ๊กโจ๊กกำมะลอ” เอาเงินที่ได้จากการขายเก้าอี้ลม ไปซื้อที่ดินและรถยนต์จนหมด ไม่มีส่งต่อส่งยอดถึงใคร

เรื่องจบที่โชเฟอร์คนเดียว หลักฐานจบตรงนี้?!

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา “บิ๊กโจ๊กตัวจริง” สั่งหิ้ว ที่อาจหาญแอบอ้างเป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ มาแถลงข่าว ฟ้องสื่อมวลชนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมเปิดพยานนายตำรวจตำแหน่งสารวัตรสืบสวน นักสืบที่หลงเชื่อบิ๊กโจ๊กตัวปลอมๆ มาเกือบ 5 ปี และยังเป็นเหยื่อจ่ายเงินค่าเก้าอี้รอง ผกก. หลักแสนอีกต่างหาก

แถลงข่าวใหญ่โต เปิดชื่อ พ.ต.อ. ภาค 4 “บิ๊กโจ๊ก” ปูดเอง คนนี้จ่าย 2 รอบ รวม 1.5 ล้านบาท ค่าเก้าอี้รองผู้บังคับการให้โชเฟอร์แท็กซี่ เพราะเข้าใจและเชื่อโดยดีว่าคือ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ตัวจริง โดยไม่รู้เลยว่านี่ตัวปลอม

ในการแถลง ประกาศเอาผิด 6 ตำรวจ ที่มีส่วนร่วมสนับสนุนการทำผิดอาญา และผิดวินัยร้ายแรงที่ไปสมยอมพร้อมจ่ายเงินแลกตำแหน่ง ทั้งที่เรื่องค้าๆ ขายๆ เก้าอี้ไม่มีแล้ว ไม่มีจริงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติยุคนี้

ยุคที่คนจะมีตำแหน่งต้องทำงาน แม้แต่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ยังต้องทำงานหนัก

เป็นคำประกาศกร้าวของ “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมตัดพ้อ ตัวเองเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องเก้าอี้สีกากีมานาน ครั้งนี้จับให้เห็น คนตกเบ็ดซื้อเก้าอี้ตำรวจนั้นมีแต่เป็นอาชญากรแอบอ้างเป็นตัวปลอม ที่ทำให้ตำรวจหลงเชื่อ หลงซื้อกันไป กรณีที่จับแถลงใหญ่ทำเป็นเยี่ยงอย่างแล้ว ใครเชื่อ ใครซื้อ ถือว่าผิด!!

“พอเสียทีเรื่องซื้อขายเก้าอี้ ค้าตำแหน่งตำรวจ และเลิกกล่าวหากันได้แล้ว” บิ๊กโจ๊กตัวจริงประกาศลั่น

จบการแถลงเช็กสายไล่ชื่อ พ.ต.อ. ภาค 4 ที่ถูกนายพลรุ่นน้องกล่าวถึงและชงตั้งกรรมการสอบวินัย ว่ากันว่าบทบาทไม่ธรรมดา โปรไฟล์เป็นรอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ปฏิบัติราชการสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ซึ่งตามกฎหมายตำรวจ ผบช.ภ.4 นี่แหละผู้มีอำนาจแต่งตั้งในภาค 4 พื้นที่มีปัญหา ที่บิ๊กโจ๊กจับได้ว่ามีตัวปลอมไปหลอกขาย

สำหรับ พ.ต.อ. ผู้นี้ คนในภาค 4 รู้ดี มือทำบัญชีแต่งตั้งในอำนาจของภาค ไฉนเลยตกเป็นเหยื่อของโชเฟอร์แท็กซี่ ซึ่งไม่มีโปรไฟล์ หลงเชื่อง่ายดายจ่าย 7 หลัก

ช่างเป็นไปได้อย่างคาดไม่ถึง แต่ต้องเชื่อ เมื่อจับโจรคนลวงได้แล้วนี่นา!?

เรื่องสืบสวนสอบสวนคดีและวินัยก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ และต้องเป็นธรรม

แต่ทว่า ปฏิบัติการจับโชเฟอร์แท็กซี่ลวงสีกากีครั้งนี้ สยบข่าวลือที่อื้ออึงเกี่ยวกับเรื่องการแต่งตั้งในวงการตำรวจไทยได้หรือไม่

อันนี้นานาจิตตัง ใครฟังใครเชื่อ ใครมีข้อจริงเท็จอย่างไร ผลจะเป็นเครื่องพิสูจน์

พูดถึง “บิ๊กโจ๊ก” ในวงการสีกากี พ.ศ. นี้ใครไม่รู้จัก “เดอะโจ๊ก” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล เรียกว่าเชยยังน้อยไป ว่าด้วยตำแหน่งอาจไม่ใหญ่โตมากมาย เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว แต่บทบาท บารมีในวงการสีกากี ยกให้เป็น “บิ๊กโจ๊ก”

ตั้งแต่ยุครัฐบาล คสช. นับแต่พฤษภาคมปี 2557 เป็นต้นมา ชื่อ “สุรเชษฐ์ หักพาล” ถูกขนานนามในทุกวงสนทนาสีกากี โดดเด่นถูกพูดถึงเพราะเป็นนายตำรวจคนสนิทตามติด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกว่าคุมทุกเหล่าทัพ บารมี “บิ๊กป้อม” จึงฉายมาจับถึงนายตำรวจติดตาม

ตอนเกิด คสช. ใหม่ๆ ในปี 2557 “บิ๊กโจ๊ก” ในตอนนั้นเป็นเพียงรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ยศ พ.ต.อ.

แต่ภาพเดินตามบิ๊กป้อม พี่ใหญ่บารมีสูงใน คสช .ทำให้ “เดอะโจ๊ก” บารมีไม่ธรรมดา เพาเวอร์คับ ราศีจับ พี่น้องในวงการเกรงใจ เพาเวอร์มากน้อยแค่ไหนไม่รู้ แต่ปี 2557 ยังเป็นรอง ผบก. อายุตำแหน่งน้อย

วันนี้ปี 2561 เลื่อนตำแหน่งขยับ 2 สเต็ป เป็นผู้บังคับการ และรองผู้บัญชาการ ที่สเป๊กครบปักหมุดขึ้นรองผู้บัญชาการอีกต่างหาก

ทว่าอีกด้านคล้ายบารมีเป็นพิษ ในเสียงสรรเสริญ เกรงบารมี ในเพาเวอร์ที่เห็นผลติดสปริงเก้าอี้ ก็มีเสียงเซ็งแซ่พูดถึงต่อๆ กันไป ทำนองเป็น “ตำรวจใหญ่” ที่ยื่นมือเข้าไปมีส่วนในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจแทนผู้มีอำนาจตามกฎหมายจริง

มีการผูกโยงตัวละครทีมงานทำบัญชี มีชื่อย่อ จ. อ. ก. เม้าธ์กันสนุกปากสนั่นวงการ

แถมยังเลื่องลือว่าเซฟเฮาส์โรงแรมดังย่านราชปรารภ เป็นห้องทำคลอดทุกบัญชีโยกย้ายสีกากี บังเอิญไปตรงกับที่พักของบิ๊กโจ๊กพอดี ลือเลื่องพูดกันไป เสียหาย ว่ากันปากต่อปาก

จนเจ้าตัวออกปากยืนยันนอนยันหลายครั้งไม่เคยเกี่ยวข้องตามที่คนในวงการกล่าวหา!!

ยุค คสช. ประกาศปฏิรูปตำรวจจริงจัง ปฏิรูปแต่งตั้งในวงการสีกากี ชูระบบคุณธรรมล้ำเลิศ เรื่องซื้อๆ ขายๆ เก้าอี้เป็นแสนเป็นล้าน ที่กล่าวหากันว่ามีในยุคนักการเมืองปกครองต้องหมดไปในยุค คสช.

ทว่า ตลอดเทอม 4 ปี คสช. เรื่องฉาวๆ ซื้อๆ ขายๆ ก็ไม่จางหายไป แถมกล่าวหาใส่ไคร้ ใส่ชื่อ “บิ๊กโจ๊ก” บิ๊กคนนั้นคนนี้ พาลไปลือไปเชื่อจนเป็นเหยื่อแท็กซี่อย่างที่จับมาให้ดู

คราวนี้ “บิ๊กโจ๊ก” ทำให้เห็น ไม่ยอมให้เสียชื่อเปล่าๆ อีกต่อไป จับได้แล้วคนแอบอ้างไปหลอกตำรวจใหญ่เป็นล่ำเป็นสัน และลั่นฟ้องคดีที่ทำให้เสียชื่อเสียงมานาน

ชี้เน้นๆ ให้เห็น ยืนยันอีกครั้ง เรื่องซื้อขายเก้าอี้ตำรวจไม่มีจริง แค่ปากคนครหา และ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ตัวจริงก็ไม่เกี่ยวข้องจริงๆ อย่ากล่าวหา อย่าเชื่อคำลือ!?!?