ทราย เจริญปุระ : “รัก” ในแบบที่ฉันไม่มีวันมี

ความรักไม่เคยเป็นเรื่องง่ายเลย

เมื่อไม่นานมานี้ฉันได้คุยกับเพื่อนถึงสิ่งที่ดีและไม่ดีที่สุดในชีวิตที่ผ่านมา ว่ามีอะไรบ้าง เรื่องดีที่เอามาแลกเปลี่ยนกันก็เรียกเสียงเฮฮาสนุกสนานไปได้เป็นอย่างดี

แต่พอมาถึงเรื่องไม่ดี ฉันนึกออกเพียงอย่างเดียว เหมือนมันเป็นราก เป็นต้น เป็นที่มาของอะไรหลายๆ อย่าง

นั่นคือฉันเป็นคนไม่เก่งเรื่องการบริหารความสัมพันธ์เอาเสียเลย

ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์รูปแบบไหน ห่างไกลหรือใกล้ชิดยังไง ฉันก็ยังเงอะๆ งะๆ กับการรับมือ ถ้าไม่มากก็น้อยเกินไป ซึ่งก็นำมาสู่ความล่มสลายทุกที

เพื่อนพยายามพูดให้กำลังใจว่าอาจไม่ได้เป็นที่ตัวฉันหรือเปล่า ความสัมพันธ์เป็นเรื่องคนสองคน ถ้าจะผิดก็ผิดกันคนละครึ่งนั่นล่ะ อย่าโทษตัวเองเลย

แต่ฉันว่ามันไม่มีใครผิดด้วยซ้ำ ถ้าจะเปรียบเทียบตามความรู้สึกของฉัน ก็คงเหมือนกับว่าเราไม่ผิดที่เรียนเลขไม่เก่ง แต่เราจะผิดถ้าเราคิดว่าเราเก่งมากและไปสอบคณิตศาสตร์โอลิมปิกน่ะ

ฉันไม่ได้คิดว่าฉันผิดอะไรในเรื่องไม่เก่งกับความสัมพันธ์

บางทีการไม่รู้สึกผิดของฉันนี่ล่ะ–ที่ผิดที่สุด

ความสัมพันธ์เป็นเรื่องของการค้นหาและพิสูจน์บททดสอบ ทำแบบนั้นดีหรือไม่ หรือควรจะพูดอย่างไร เจอกันบ่อยขนาดนี้ดีไหม นัดครั้งนี้ควรค่าแก่การอดนอนฝ่ารถติดออกไปเจอกันหรือเปล่า

ไม่รู้สิ ฉันว่ามันไม่ตรงไปตรงมาเท่าไหร่ มันไม่มีทางรู้ได้ว่าสิ่งที่ดีในวันนี้จะยังคงดีต่อไปเรื่อยๆ มันเหมือนการออกวิ่งที่ไม่มีคนมาบอกว่าเราต้องวิ่งไปไกลแค่ไหน และมีเส้นชัยรอเราหรือไม่อยู่ตรงปลายทาง

ออกตัวก่อนเลยว่าเป็นคนไม่ชอบหนัง/หนังสือรัก (โดยเฉพาะ “รัก” แบบนิโคลัส สปาร์ค) ฉันอึดอัดกับการไปร่วมรับรู้ความหวานแหววหรือความฟูมฟายชีวิตของแต่ละคู่ คือมันน่ากระอักกระอ่วนสำหรับเรา (ซึ่งหนังสือ/หนังฆาตกรรมไม่ก่อความรู้สึกประเภทนี้แก่ฉัน) ในความเป็นคนขี้กลัวและไม่เชื่อถือในความสัมพันธ์ เพราะมันมักจะรับประกันความเจ็บปวดแบบที่ฉันไม่อยากแตะต้อง

แต่หนังสือเล่มนี้ทำให้ฉันทึ่งและอึดอัดกับความกล้าหาญที่จะรักในแบบที่ฉันไม่มีวันมี

หนังสือว่าด้วยผู้หญิงต่างฐานะและต่างวัย 2 คน คนโดดเดี่ยวเคว้งคว้างผู้มาตกหลุมรักกันเมื่อแรกสบตา และท่ามกลางมรสุมรายรอบ เธอทั้งสองออกเดินทางระยะสั้นๆ ไปด้วยกัน

สำหรับฉัน, มันไม่เชิงเป็นเรื่องผู้หญิงคนหนึ่งได้พบรักแท้ในตัวหญิงคนหนึ่ง หลังจากเพียงสบตาครั้งแรก แต่ฉันกลับไม่สบายใจไปกับความรุนแรงของความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง ฉันกลับรู้สึกว่า “นี่เราพยายามทำให้การสบตาครั้งนี้โรแมนติก เป็นความรักแรกพบที่เกิดขึ้นจริงทั้งๆ ที่มันมีแต่เรื่องยุ่งเหยิงและค้างคาใจหรือเปล่า”

ฉันรับรู้เรื่องราวของคนทั้งคู่ด้วยความไม่สบายใจแบบนั้น

สำหรับคนขี้ขลาดและชอบความมีแบบแผนอย่างฉัน สิ่งที่เกิดขึ้นดูเปี่ยมอันตรายสุดขีด ฉันรู้สึกว่าบางทีคนก็ให้ค่ากับความโรแมนติกมากจนเกินไป มันไม่ได้แย่ แต่มันน่ากลัว มันเหมือนคนที่ชวนกันไปโดดร่มดิ่งพสุธาโดยไม่มีร่มสำรอง หนังสือทำให้ฉันใจเต้นผิดจังหวะด้วยความไม่สบายใจในแบบที่เรื่องลึกลับอื่นๆ ทำไม่ได้

อาจจะเป็นเพราะว่าความรักคือที่สุดของความลึกลับทั้งหมดในโลกใบนี้

เทรีสเธออ่อนไหวและมืดมัวไปกับความสัมพันธ์ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ในแบบสาวแรกรุ่น แรกรัก มีแต่คนที่ยังมีความเยาว์วัยในตัวมากขนาดนี้เท่านั้น ถึงจะเชื่อในความสัมพันธ์หลังสบตา

และฉันก็เชื่อว่าเธอเป็นแบบนั้นจริงๆ

ฉันไม่รู้ว่าทุกครั้งหลังจากความสัมพันธ์ครั้งหนึ่งได้จบลงไป เราจะเติบโตขึ้นหรือเปล่า

แล้วถ้าความสัมพันธ์ครั้งใหม่เริ่มต้นขึ้น เราจะเป็นอย่างไร

จะเป็นคนเดิมที่ยังคงมีความคาดหวังในความรักโรแมนติก หรือมองโลกอย่างที่เป็นมากขึ้นกันแน่

ฉันไม่รู้

และไม่อยากรู้อีกต่อไป

“แครอล” (Carol or The Price of Salt) เขียนโดย Patricia Highsmith แปลโดย วิลาส วศินสังวร ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2559 โดยสำนักพิมพ์เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง