ยานยนต์ สุดสัปดาห์ / สันติ จิรพรพนิต [email protected]/บีเอ็มดับเบิลยู ‘530e’ M Sport พลัง ‘ปลั๊กอิน’ แรงจริง-ไรจิง

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ / สันติ จิรพรพนิต [email protected]

 

บีเอ็มดับเบิลยู ‘530e’ M Sport

พลัง ‘ปลั๊กอิน’ แรงจริง-ไรจิง

 

ในช่วงราวๆ 1 เดือนที่ผ่านมา ดวงผมสมพงศ์กับเมืองพัทยาอย่างมากถึงมากที่สุด

เพราะน่าจะเป็นคราแรกกระมังที่ไปเมืองนี้ถึง 3 รอบในเวลาสั้นๆ

เริ่มจากร่วมทริปทดสอบรถยนต์อาวดี้ จากนั้นไปเที่ยวกับครอบครัวประจำปี ซึ่งเคยเล่าไปในฉบับที่ผ่านๆ มา

หนล่าสุดมีน้องที่สนิทกันเชิญไปร่วมงานฉลองครบรอบ 2 ปี สวนน้ำรามายณะ สวนน้ำขนาดใหญ่และถือว่าเป็นเบอร์ 1 ของเมืองไทยยามนี้ ทั้งยังเป็นสวนน้ำติดอันดับโลกด้วย

แต่โดยนิสัยและการทำงานที่ไม่ใช่คนที่ตื่นเช้า การจะเดินทางโดยรถตู้ที่ทีมงานจัดเตรียมเชิญผู้สื่อข่าวจากกรุงเทพฯ เดินทางไปงาน จึงเป็นไปไม่ได้เพราะนัดกันตั้งแต่ 8-9 โมงเช้า

ทางออกจึงขอเดินทางไปเองในช่วงบ่ายๆ

แน่นอนว่าการเดินทางในลักษณะนี้ผมจะขอยืมรถเพื่อทดสอบไปด้วยในตัว

ครานี้ได้รับความอนุเคราะห์จากบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือเอ็มจีซี เอเชีย บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการนำเข้า และขายรถยนต์ ที่มีหลากหลายแบรนด์ในมือทั้งหรูเฟร่อสุดๆ อย่างโรลส์-รอยซ์, มาเซราติ, แอสตัน มาร์ติน รวมถึงเป็นดีลเลอร์ใหญ่ของบีเอ็มดับเบิลยู-มินิ, ฮอนด้า และนิสสัน

โดย “มิลเลนเนียม ออโต้” บริษัทในเครือเอ็มจีซี เอเชีย ส่งรถมาให้ทดสอบในเที่ยวนี้เป็น “บีเอ็มดับเบิลยู 530 อี” (BMW 530e) รถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) หรือลูกผสมน้ำมัน+ไฟฟ้า และมีช่องเสียบชาร์จให้ด้วย

 

“บีเอ็มดับเบิลยู 530e” รุ่นนี้ถือเป็นเจเนอเรชั่นที่ 7 เป็นรุ่นประกอบในประเทศที่ถือว่ามาค่อนข้างเร็ว หลังการเปิดตัวในระดับโลกไม่ถึง 1 ปี

รุ่นที่ได้มานี้เป็นรุ่นพร้อมชุดแต่ง “M Sport” โดยบีเอ็ม 530e มี 2 รุ่นย่อย ส่วนอีกรุ่นคือ “530e Luxury” แตกต่างกันที่อุปกรณ์ตกแต่งและความสะดวกสบายเล็กน้อย

การออกแบบภายนอก คงเอกลักษณ์ด้วยกระจังหน้าแบบไตคู่อยู่ในขอบสีเงินขนาดใหญ่ มีระบบควบคุมกระจังหน้า เพิ่มประสิทธิภาพของ Aerodynamics เชื่อมไปถึงโคมไฟหน้าทั้ง 2 ด้าน แบบ ADAPTIVE LED ปรับตามทิศทางการหมุนของพวงมาลัย พร้อมระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assistance

ระบบไฟฟ้าแบบปรับตามทิศทางการหมุนของพวงมาลัย ได้ประโยชน์และปลอดภัยมากเวลาขับรถไปบนถนนมืดๆ หรือในทางแคบๆ ที่เวลาเราต้องเลี้ยวรถอาจมองไม่เห็นไหล่ทาง มาพร้อมไฟตัดหมอกแบบ LED

เส้นสายด้านข้างลื่นไหลมีส่วนเชื่อมต่อไปถึงไฟท้าย

ล้อโต 19 นิ้ว ยาง Runflat คู่หน้า ขนาด 245/40 R19 – คู่หลัง 275/35 R19

มีระบบช่วยผ่อนแรงกระแทกขณะปิดประตู หรือ Soft Close หรือที่คนไทยเรียกติดปากว่า “ประตูดูด” คือไม่ต้องปิดแรงมาก ระบบนี้จะดูดประตูให้แนบกับตัวถังอัตโนมัติ

ฝากระโปร่งท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบเปิด-ปิด ฝาท้ายโดยไม่ต้องใช้มือ โดยใช้เท้าแหย่เข้าไปใต้ท้องรถประตูท้ายจะเปิดให้เอง สะดวกเวลาไปช้อปปิ้งแล้วถือของพะรุงพะรัง

ต่ำลงมาเป็นท่อไอเสียคู่ทรงเหลี่ยม วางแยกอยู่ด้านซ้าย-ขวา

 

ภายในถือว่าแต่งได้หรูและสปอร์ตไปในตัว ใช้โทนดำตัดกับเบาะหนังและแผงข้างประตูสีชามัวร์ เป็นเบาะหนังแท้ “Kansas” ตกแต่งลาย Aluminium Carbon บริเวณคอนโซลหน้าและแป้นเกียร์

พวงมาลัย 3 ก้านแบบไฟฟ้า ปรับน้ำหนักตามความเร็วขณะขับขี่ มีระบบมัลติฟังก์ชั่น ด้านขวาควบคุมระบบต่างๆ ส่วนด้านซ้ายเป็นครุยซ์คอนโทรล หรือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

เรือนไมล์เป็นจอขนาด 12.3 นิ้ว ใหญ่มากเห็นเด่นชัดและจะปรับเปลี่ยนรูปแบบสีจอและกราฟิก ไปตามโหมดการขับขี่ แบ่งเป็นหลักๆ คือ ECO PRO, COMFORD และ SPORT

มีระบบระบบจอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ Head-up Display จะโชว์ความเร็วบนกระจกบังลมหน้า

ขยับมาตรงกลางเป็นจอแสดงผลขนาด 10.25 นิ้ว มีระบบแผนที่นำทาง เครื่องเสียง และอื่นๆ

แอร์อัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา

มาถึงแป้นเกียร์ หัวเกียร์เป็นเหลี่ยมๆ ขนาดเล็ก เกียร์ “P” หรือจอดเป็นปุ่มอยู่ด้านบน ลากลงมาต่ำสุดจะเป็นเกียร์เดินหน้า “D” หากขยับไปทางซ้ายจะปรับเป็นโหมดแมนนวลได้ เพิ่มความสนุกในการขับขี่

ใกล้ๆ กันเป็นปุ่มปรับโหมดการขับขี่

และแน่นอนที่ขาดไม่ได้คือ ปุ่มควบคุม iDRIVE ปรับเครื่องเสียง หาแผนที่นำทาง และอื่นๆ โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องเอื้อมไปที่คอนโซลหน้า เพราะวางอยู่ใกล้ๆ มือบริเวณแป้นเกียร์นั่นเอง

มีซันรูฟไฟฟ้าเพิ่มความเท่ขึ้นไปอีก

เจาะช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลังให้ด้วย

รีโมตของรถเป็นแบบมีหน้าจอแสดงข้อมูล และเปิดฟังก์ชั่นการทำงานในรถได้

 

ด้วยความเป็น 2 ระบบทำให้การสตาร์ตรถเงียบมาก (ก.ล้านตัว) จนหลายครั้งที่ผมไม่แน่ใจว่าสตาร์ตรถแล้วยังหว่า?

พวงมาลัยวงขนาดกำลังเหมาะจับได้กระชับมือดี

เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ นุ่มนวลมากไม่รู้สึกถึงรอยต่อใดๆ

การออกตัวตามสไลต์บีเอ็มฯ คือจี๊ดสุดๆ ความเร็วในทุกย่านหายห่วง เพราะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร TwinPower Turbo กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิด 290 นิวตันเมตร กำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 113 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร

กำลังรวมสูงสุด 252 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 6.2 วินาที และความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ในโหมด COMFORD ต้องบอกว่าก็แรงเหลือเฟืออยู่แล้ว และที่ได้คือช่วงล่างนิ่มนวล

หากปรับมาที่โหมด SPORT รอบเครื่องยนต์จะสูงขึ้น หน้าจอแสดงผลเปลี่ยนจากสีฟ้าไปเป็นสีแดง และบอกตัวเลขแบบดิจิตอลแทรกมาด้วย

ในโหมดนี้พวงมาลัยให้ความกระชับมากขึ้น และช่วงล่างเหมือนจะดิบขึ้นหน่อยๆ แต่ไม่ถึงกับสะเทือนจนนั่งไม่ติด

ส่วนอีกโหมดคือ ECO PRO ไม่ได้ลองเล่นนะครับ เพราะทริปนี้ได้อยู่กับรถแค่ 2 วันไม่เต็มด้วยซ้ำ

เช่นเดียวกับโหมดขับขี่ด้วยไฟฟ้า ก็ไม่ได้ลองเล่นมากนัก โดยรุ่นนี้สามารถชาร์จไฟได้กับปลั๊กทั่วไป ใช้เวลาราวๆ 3-5 ชั่วโมง แต่ถ้าชาร์จจาก “วอลล์บ็อกซ์” ของบีเอ็มทำได้ราวๆ 2 ชั่วโมงเศษๆ ระยะทางไกลสุดวิ่งได้ถึง 45 กิโลเมตร

 

การขับรถบีเอ็มฯ เชื่อว่าไม่มีใครเบาแรงเท้าแน่นอน ผมจึงอัดหนักๆ อยู่หลายรอบ ความเร็วขึ้นไปปริ่ม 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาน้อยมากและแทบไม่รู้สึกว่าเร็วขนาดนั้น เนื่องจากความนิ่งของตัวรถนั่นเอง

ยิ่งการเชนจ์เกียร์ หรือคิกดาวน์เวลาเร่งแซง เสียงเครื่องยนต์คำรามได้เร้าใจเหลือเกิน

ส่วนความไฮเทคมาแน่นคันทั้งระบบช่วยจอด (Parking Assistance) ทั้งการจอดแบบขนานขอบทางหรือเข้าซอง

กล้องมองภาพรอบคันเวลาเข้าจอด หรือขับในที่แคบๆ ช่วยได้เยอะในการกะระยะ

ลูกเล่นที่น่าสนุกอีกสิ่งคือระบบการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือ (BMW gesture control) เพียงโบกมือไปมาหรือขยับนิ้ว สั่งงานระบบเครื่องเสียงหรือโทรศัพท์ได้ง่ายๆ

ระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon เพราะสุดๆ และยังปรับระดับความดังตามความเร็วรถด้วย

เรื่องความปลอดภัยขอข้ามเลยนะครับเพราะมีครบตามมาตรฐานรถยุโรปอยู่แล้ว

สนนราคา บีเอ็มดับเบิลยู “530e” M Sport จัดไป 4,029,000 บาท รวมบริการบำรุงรักษา BMW Service Inclusive (BSI) 5 ปี