ใส่บ่าแบกหาม/พรพิมล ลิ่มเจริญ/Battle of the Sexes

ใส่บ่าแบกหาม / พรพิมล ลิ่มเจริญ /

 

Battle of the Sexes

 

เธอจ๊ะ

Battle of the Sexes เป็นเรื่องเกี่ยวกับการแข่งเทนนิสสมัยเมื่อปี 1973 ระหว่าง Billie Jean King กับ Bobby Riggs

Emma Stone แสดงเป็น Billie Jean King และ Steve Carell แสดงเป็น Bobby Riggs

ถูกใจหนังเรื่องนี้ตั้งแต่เห็นภาพนิ่ง ที่เขาแต่งหน้าทำผมให้ละม้ายคล้ายเหมือนตัวจริงมาก มันดีน่ะ

หนังเป็นตามชื่อเรื่องเลย สองเพศสู้กัน ในที่นี้สู้กันในการแข่งขันเทนนิส เหตุเกิดก็ด้วยเรื่องความไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศ

Billy Jean King เป็นผู้นำในการณ์นี้

You’re offering

the men’s winner $12,000

and $1,500 to the women’s.

คุณให้ผู้ชนะฝ่ายชาย 12,000 เหรียญ

ผู้ชนะหญิง 1,500 เหรียญ

ทำไมไหงงั้น?

They sold the exact

same amount of tickets

to the women’s final today

as the men’s.

รอบชิงชนะเลิศเทนนิสหญิงวันนี้

ตั๋วก็ขายได้เท่ารอบชิงฝ่ายชาย

ข้อสังเกตของบิลลี่ จีน คิง เป็นความจริงล้วนๆ

และ ณ บัดนี้ได้เวลาตามหาข้อเท็จจริงแล้ว เหตุไฉนไยค่าตัวถึงต่างกันตั้งแปดเท่า เอาอะไรมาวัด?

ผู้จัดรายการแข่งขันมีคำตอบ

The men have families

that they have to support.

ผู้ชายมีครอบครัว

ที่ต้องเลี้ยงดู

ผู้หญิงไม่มีหรือไร?

I’m the main breadwinner

in my family.

ฉันเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวนะ

breadwinner เป็นคำเกิดในปี 1821

bread ความหมายตรงตัว

winner ก็มาจาก win หมายถึง ต้องไปกระเสือกกระสนดิ้นรนให้ได้มา

รวมกันเป็นคนที่ออกไปหาเงินหาทองหาอาหารมาเลี้ยงดูจุนเจือครอบครัว คำฝรั่งฟังดูมี movement ของไทยจะออกแนว ผู้นำครอบครัว เสาหลัก ช้างเท้าหน้า ดูเป็นตำแหน่งแห่งที่ ว่าไหม?

ผู้ชายยังมีดีอีก

They’re faster.

And stronger.

And more competitive.

ผู้ชายเร็วกว่า

และแข็งแรงกว่า

และแข่งขันมันกว่า

ท่านผู้จัดรายการการแข่งขันมีคำปลอบใจ

It’s not your fault,

it’s just… biology.

คุณไม่ผิดอะไรหรอก

มันแค่เรื่องชีววิทยา

หา?! หา?! มีนัยยะว่า ผู้หญิงนั้นช้า อ่อนแอ และไม่สนุกมาแต่กำเนิดว่างั้น?!

ตลกแล้ว!

Not only will we boycott,

we’ll set up our own tournament.

ไม่ใช่แค่เราจะบอยคอต

เราจะจัดรายการการแข่งขันของเราเอง

เอาสิ เอากะแม่! ผู้หญิงเราไม่ต้องทนกับเรื่องแบบนี้ก็ได้ไหม?! ได้! เป็นถึงนักเทนนิสรางวัลแกรนด์สแลม จะไปร่วมรายการการแข่งขันที่ไหน คนก็แห่มาแซ่ซ้องร้องเชียร์ นักข่าวเราก็รู้จัก

แล้วผู้จัดการของบิลลี่ จีน ก็ถามว่า ทำไงหรือ? ไม่รู้สิ บิลลี่ จีน ตอบ

แต่แล้วก็คิดออกแหละ ประกาศข่าวไปทั่ว

The U.S. Lawn Tennis Association

wasn’t really giving us women

our fair share.

สมาคมเทนนิสแห่งสหรัฐเมริกา

ไม่ค่อยจะให้ส่วนแบ่งที่ยุติธรรม

เวลาเราเรียกร้องหาความเท่าเทียมก็จะต้องมีคำนี้ fair share

Steve Carell ผู้แสดงเป็น Bobby Riggs เข้ามามีบทบาทก็ตรงนี้

คุณริกส์นี้มีภรรยารวย แต่แกน่ะติดการพนัน ทำตัวก็น่าหมั่นไส้ เที่ยวได้ดูถูกผู้หญิง

แกเป็นนักเทนนิสชาย ใครๆ ก็รู้ว่าได้เงินเยอะแยะตาแป๊ะไก๋ แต่แกก็ยังพูด

I’m getting peanuts.

ผมไม่ได้อะไรเลย

peanuts เป็นคำสแลง หมายถึง ไม่ได้สักบาท ไม่ได้ซักกะแดงเดียว

คุณริกส์แกชอบเด่นดัง แกก็เลยไปท้าฝ่ายหญิงแข่งกัน เก่งนักก็มาแข่งขันเลย

I am gonna triple the bet!

$100,000 to any woman

who can beat Bobby Riggs.

ผมเพิ่มพนันสามเท่าเลย!

ผู้หญิงคนไหนชนะบ๊อบบี้ ริกส์ ได้

เอาไป 100,000 เหรียญเลย

และแน่นอนว่า คุณริกส์แกเทพนันข้างตัวแกเอง

เรื่องทางคุณบิลลี่ จีน มีความซับซ้อนอยู่ ตรงที่แต่งงานมีสามีแล้ว แต่เริ่มไปชอบพอกับผู้หญิงอีกคน มีเพื่อนตักเตือนแบบอ้อมๆ

And with sponsorship, that

would go away in a heartbeat

if certain things were to be made public.

ผู้สนับสนุนจะไปอย่างเร็ว

ถ้าเรื่องบางอย่างรู้ไปถึงสาธารณชน

ข้างฝ่ายสามีก็รู้และเข้าใจ บอก “ผู้หญิงอีกคน” ไปตรงๆ

We’re both just sideshows.

Tennis is her true love.

เราสองคนมันแค่โชว์ประกอบเล็ก

เทนนิสเป็นรักแท้ของเธอ (บิลลี่ จีน คิง)

หนังสนุกมาก ดูแล้วฮึกเหิม ไม่ได้อยากลุกขึ้นเป็นเฟมินิสต์อะไร แต่ความเท่าเทียมกัน บางทีมันต้องออกไปร้องหาให้ได้มา เพราะคนที่ชอบดูถูก ชอบกดคนให้ต่ำด้อยได้ค่ามันมีอยู่บนโลกตลอดมา ไม่มีทีท่าว่าจะจากโลกนี้ไป

ความเท่าเทียมกันก็เหมือนความรัก ต้องสั่งสอนและฝึกหัดจะได้รู้จักมันให้จริงแท้แน่แก่ใจ

ฉันเอง